ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 131 – หน้า 8 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 131

8 of 8หน้าถัดไป

หยวนเซิ่นมองนางแวบหนึ่งก่อนกล่าวต่อ “มิผิด ดังนั้นเจ้าไม่ต้องวิตกแทนรัชทายาทไปนัก ขอเพียงในพระทัยฝ่าบาทยังตั้งมั่นอยู่ที่รัชทายาทองค์นี้ เช่นนั้นตำแหน่งรัชทายาทก็จะมั่นคงดุจศิลาใหญ่ ในสมัยของจิ่งฮ่องเต้เปลี่ยนตัวรัชทายาทได้อย่างแสนราบรื่น นั่นเป็นเพราะพระองค์ประสงค์จะเปลี่ยนตัวรัชทายาท ขุนนางบุ๋นบู๊ไม่ว่าผู้ใดก็ต้านขวางไม่อยู่ ในสมัยของอู่ฮ่องเต้ฆ่าล้างจนเลือดนองเป็นท้องธาร นั่นเป็นเพราะพระองค์ไม่ประสงค์จะเปลี่ยนตัวรัชทายาท ทว่าพลาดหลงกลของคนถ่อยอย่างเจียงชงเข้า พระองค์จึงประหารล้างตระกูลขุนนางสำคัญกับพระญาติที่จะได้รับประโยชน์ภายหลังรัชทายาทเว่ยล่วงลับไปจนสิ้นทุกตระกูล ในสมัยของเซวียนฮ่องเต้ไม่ว่าจะพูดถึงข้อเสียของรัชทายาทสักเท่าใด สุดท้ายยังคงไม่มีการเปลี่ยนตัว ก็เพราะเป็นประสงค์ของเซวียนฮ่องเต้เอง…ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ฝ่าบาททรงเป็นกุญแจสำคัญที่สุด

มีตัวอย่างของอู่ฮ่องเต้อยู่ก่อน กลุ่มคนที่ลอบคิดหวังให้เปลี่ยนตัวรัชทายาทย่อมไม่กล้าเอาอย่างการกระทำของเจียงชง อย่างมากก็แค่กระพือข่าวเชิงชู้สาวของรัชทายาท หรือไม่ก็เอาสารที่เขียนอ้างอิงเรื่องเล่าในอดีตไปติดให้ทั่ว…ฉะนั้นเจ้าวางใจได้ ขอเพียงพระประสงค์ของฝ่าบาทไม่เปลี่ยน ผู้ใดก็เปลี่ยนตัวรัชทายาทไม่ได้หรอก”

เฉิงเซ่าซางนั่งลงบนม้านั่งหินที่อยู่อีกด้านพร้อมกับความยินดีกึ่งกังวล ผ่านไปครู่หนึ่งนางพลันเอียงศีรษะถาม “ไฉนข้ารู้สึกว่าวันนี้ท่านไม่ค่อยเหมือนที่ผ่านมาเล่า”

หยวนเซิ่นยิ้มเยาะตนเอง “ในที่สุดเจ้าก็มองออกจนได้ อืม ไม่เหมือนเดิม…ข้าหมั้นแล้ว”

เฉิงเซ่าซางตกใจยิ่ง จากนั้นคลี่ยิ้มกล่าว “ท่านช่างติช่างเลือกอยู่เป็นนาน ในที่สุดก็หมั้นสำเร็จแล้ว? เป็นคุณหนูตระกูลใดเล่า”

หยวนเซิ่นตอบเรียบๆ “เป็นสตรีสกุลไช่แห่งเหอหนาน ต้าซือคง* ไช่อวิ่นก็เป็นคนสกุลนี้”

“เยี่ยม ชาติตระกูลช่างสมกัน ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วย!” สองมือของนางกุมกันเป็นกำปั้นเล็กๆ สีขาวสะอาด คำนับพลางผลิยิ้มจนคิ้วตาเป็นเส้นโค้ง

หยวนเซิ่นกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าไม่ต้องยิ้มระรื่นเพียงนี้ก็ได้ ทำราวกับสลัดภาระอันใดทิ้งได้อย่างนั้นล่ะ ที่ผ่านมาข้าไม่เคยรังควานอะไรเจ้ากระมัง!”

เฉิงเซ่าซางม้วนแขนเสื้อ เอ่ยอย่างสบายอารมณ์ “อย่าเสแสร้งเลยน่า ท่านไม่ใช่คนวู่วามสักหน่อย ไม่ว่าจะทำอันใดท่านล้วนไตร่ตรองถี่ถ้วนก่อนเสมอ ที่ท่านหมั้นหมายจะต้องเปรียบเทียบข้อเด่นข้อด้อยของสกุลไช่โดยละเอียด จนแน่ใจแล้วว่าการแต่งงานนี้ดีที่สุดสำหรับท่าน สุดท้ายท่านจึงจะพยักหน้าสินะ!”

หยวนเซิ่นขึงตาใส่นางอยู่เป็นนาน ท้ายที่สุดก็เป็นตัวเขาหัวเราะออกมาก่อน

“อย่าพูดเสียจนข้ากลายเป็นพวกบูชาผลประโยชน์เยี่ยงนี้สิ” เขานั่งลงบนม้านั่งหินฝั่งตรงข้ามกับนาง “การเกี่ยวดองนี้ข้าก็จริงใจนะ เสียดายแต่…เฮ้อ…”

“เสียดายอันใดกัน สกุลไช่เรียกร้องสินสอดทองหมั้นมากไปหรือ ถือว่าเห็นแก่หน้าอดีตคู่หมั้นของอาสะใภ้สาม ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องหยิบยืมเงินมาช่วยท่านแต่งงานให้จงได้!”

“เจ้าไปเลยนะ อ้าปากเป็นไม่มีวาจาดีๆ…ความจริงผู้ที่เดิมข้าคิดจะแต่งด้วยคือบุตรสาวของไช่อวิ่น หรือก็คือญาติผู้พี่ของคู่หมั้นข้าในตอนนี้ นั่นต่างหากสตรีดีที่เป็นศรีภรรยาโดยแท้ รูปโฉมแม้ไม่โดดเด่น ทว่ามีสติปัญญาความสามารถ จรรยาสตรีเพียบพร้อมรู้เหตุรู้ผล น่าเสียดายนัก นางถูกหมั้นหมายกับคนขี้โรคผู้หนึ่งตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง ฮึ ข้าว่าช้าเร็วก็จะต้องเป็นม่าย!”

“เพ้ยๆๆ ท่านยังมีหน้าหาว่าข้าอ้าปากไม่มีวาจาดีๆ ท่านต่างหากแค่ละอองน้ำลายก็ทำให้ช้างถูกพิษตายได้! เพียงแต่…”

“เพียงแต่อะไร” หยวนเซิ่นซักไซ้

เฉิงเซ่าซางพลันเปลี่ยนน้ำเสียง “ไฉนท่านแต่งงานก็ทำราวกับค้าขาย หรือท่านไม่คิดจะหาสตรีที่ชอบพอจริงๆ สักนาง? ไม่แน่นะ ต่อไปท่านอาจได้พบสตรีเช่นนี้ก็ได้”

หยวนเซิ่นทอดมองไปยังทิศทางที่ไกลตา แล้วเอ่ยเบาๆ “อันที่จริงทุ่มเทความรู้สึกลึกซึ้งเกินไปไม่ใช่เรื่องดีเลย…ผู้ที่ท่านแม่แต่งด้วยในทีแรกไม่ใช่ท่านพ่อหรอก ต่อมาสามีเก่าของนางตายจากไป หากมิใช่ท่านตาข้าเพียรวิงวอน ท่านแม่ก็คงจะติดตามคนผู้นั้นไปแต่แรก”

เฉิงเซ่าซางตกใจ ไฉนเขาพูดเรื่องลับส่วนตัวเช่นนี้กับนางเล่า

“ท่านแม่แม้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ข้ารู้ว่าหัวใจของนางได้ตายไปแล้ว คงเหลืออยู่แต่หนังหุ้มภายนอกเท่านั้น” หยวนเซิ่นพูดต่อราวพึมพำกับตนเอง

เฉิงเซ่าซางนึกถึงคำเล่าลือของคนภายนอก…นายหญิงใหญ่แห่งสกุลหยวนเป็นคนพิลึกผู้หนึ่ง ปกติไม่ออกจากจวน ไม่คบค้าสมาคม หากมิใช่เกรงจะเสียมารยาท แม้แต่งานเลี้ยงพระราชทานก็ไม่คิดที่จะไป สิบกว่าปีมานี้เรื่องในบ้านกับบุตรชายล้วนไม่ถามไถ่ไยดี มุ่งมั่นจดจ่ออยู่กับการฝึกเต๋า…น่ากลัวว่ามิใช่กำลังฝึกเต๋าอยู่หรอก แต่กำลังไว้อาลัยให้รักแท้ที่ตายจากไปของนางอยู่ต่างหาก

เฉิงเซ่าซางพลันเข้าใจหยวนเซิ่นขึ้นมา ทั้งบังเกิดความรู้สึกแปลกพิเศษเช่นคนหัวอกเดียวกันอยู่บ้าง…มารดาแท้ๆ เก็บตัวอยู่ในโลกของตนเอง บิดาแท้ๆ เป็นผู้ว่าการอยู่ต่างมณฑลมาโดยตลอด เขาจึงเติบโตมาเป็นคนที่แหลมคมตื่นตัว นางถอนใจกล่าว “จะว่าไป…แต่เล็กมาท่านกับข้าล้วนมีบิดามารดา ทว่าเหมือนกับไม่มี”

หยวนเซิ่นยกยิ้มผ่อนคลาย “ข้าเคยบอกนานแล้ว เจ้ากับข้าคล้ายกันยิ่งนัก หากไม่ได้พบเจอหลิงปู้อี๋ เจ้าก็จะตรึกตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นเดียวกับข้า จากนั้นหาคู่ครองที่มีผลดีต่อเจ้ามากที่สุด”

“ก็จริง” เฉิงเซ่าซางอุทาน “แต่ว่า…ข้ายังคงพบเจอเขาแล้ว”

หยวนเซิ่นเงียบงัน เนิ่นนานให้หลังค่อยเอ่ยอย่างหดหู่ “นั่นสินะ”

 

* รังวัดที่ดิน เป็นคำสั่งที่ถูกประกาศใช้ในช่วงต้นของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก โดยให้ทุกเมืองรังวัดที่ดิน ตรวจสอบการถือครองที่ดินกับจำนวนแรงงาน จุดประสงค์เพื่อจำกัดการควบรวมที่ดินกับแรงงานที่ตระกูลผู้มีอิทธิพลถือครองอยู่ ช่วยให้ราชสำนักสามารถควบคุมการบุกเบิกที่ดินรกร้าง ตลอดจนการเกณฑ์แรงงานและการเก็บอากรทั่วแคว้น

* เว่ยเจียงจวิน เป็นชื่อตำแหน่งแม่ทัพระดับสูงในสมัยฮั่น เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของกองกำลังป้องกันเมืองหลวงทั้งทัพอุดร (หน่วยทหารเมืองหลวง) และทัพทักษิณ (ทหารรักษาวัง)

* ซูฉินกับจางอี๋ ต่างเป็นนักการทูตและนักกลยุทธ์เลื่องชื่อในยุคจั้นกั๋ว เป็นศิษย์ร่วมสำนักจ้งเหิงของกุ่ยกู๋จื่อ ซูฉินเสนอกลยุทธ์ ‘ประสานแนวดิ่ง’ โน้มน้าวให้หกแคว้นจับมือกันต่อต้านแคว้นฉิน ในขณะที่จางอี๋เสนอกลยุทธ์ ‘เชื่อมแนวขวาง’ โน้มน้าวให้ต่างแคว้นเป็นมิตรกับแคว้นฉิน เพื่อทำลายพันธมิตรแนวดิ่ง

** เจียงชง คือขุนนางในรัชสมัยฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้องค์ที่เจ็ดของราชวงศ์ฮั่นตะวันตก เขาหลอกฮั่นอู่ตี้ว่าในวังทำคุณไสยเป็นเหตุให้พระองค์ประชวรไม่หาย เมื่อได้กุมอำนาจสืบสาวคดีนี้ เขาก็ป้ายสีรัชทายาทเว่ยที่เคยบาดหมางกัน รัชทายาทเว่ยไม่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์จึงยกทัพสังหารเจียงชง แต่พรรคพวกของเจียงชงหนีไปฟ้องฮั่นอู่ตี้ว่ารัชทายาทเว่ยก่อกบฏ สุดท้ายรัชทายาทเว่ยพ่ายต่อทัพหลวงจึงฆ่าตัวตาย เว่ยฮองเฮาผู้เป็นมารดาก็ฆ่าตัวตายตาม เหตุการณ์นี้ส่งผลให้คนตายไปหลายหมื่น

*** หานเยวี่ย คือแม่ทัพในรัชสมัยฮั่นอู่ตี้ ร่วมกับเจียงชงขุดพบหลักฐานในตำหนักบูรพาว่ารัชทายาทเว่ยทำคุณไสย สุดท้ายถูกรัชทายาทเว่ยสังหาร

* เจี๋ยอวี๋ คือหนึ่งในสิบสี่ตำแหน่งสนมชายาของฮ่องเต้สมัยฮั่นตะวันตก แรกเริ่มเป็นรองเพียงตำแหน่งมเหสี (หวงโฮ่วหรือฮองเฮา) ต่อมามีตำแหน่งเจาอี๋เพิ่มมา จึงเป็นรองจากตำแหน่งมเหสีและเจาอี๋ ในสมัยฮั่นตะวันออกไม่มีตำแหน่งเจี๋ยอวี๋

* เรื่องรัชทายาทของเซวียนฮ่องเต้ ผู้เขียนอ้างอิงประวัติศาสตร์ช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันตก โดยเซวียนฮ่องเต้ (ฮั่นเซวียนตี้) หยวนฮ่องเต้ (ฮั่นหยวนตี้) เฉิงฮ่องเต้ (ฮั่นเฉิงตี้) คือฮ่องเต้องค์ที่สิบ สิบเอ็ด และสิบสองตามลำดับ หวังเจิ้งจวินพระมารดาของฮั่นเฉิงตี้ก็คืออาหญิงของหวังหมั่ง ซึ่งต่อมาชิงบัลลังก์ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ทำให้ราชวงศ์ฮั่นตะวันตกสิ้นสุดลง

* ต้าซือคง คือหนึ่งในสามมหาอำมาตย์ (ซานกง) ที่มีอำนาจสูงสุดในราชสำนัก ทำหน้าที่ดูแลงานด้านโยธาธิการ

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 16 .. 66 เวลา 12.00 

8 of 8หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com