ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 133 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 133

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 133

ผู้ไปแจ้งข่าวในเมืองหลวงยังไม่กลับมา โถงตั้งศพก็จัดเสร็จสิ้น

ชุยโย่วร่ำไห้จนสลบไปหลายครา เฉิงเซ่าซางจึงให้หมอหลวงเคี่ยวยาสงบจิตฤทธิ์แรงมาหนึ่งชาม แล้วกล่อมให้ชุยโย่วที่ร่ำไห้จนวิงเวียนตาพร่าลายดื่มลงไป โดยบอกเพียงว่านี่เป็นยาบำรุงทำให้กระปรี้กระเปร่า เช่นนี้เขาจึงจะรวบรวมเรี่ยวแรงมาจัดการงานศพของฮั่วฮูหยินได้

นางฝากฝังชุยโย่วที่หลับลึกแล้วให้บ่าวดูแล ค่อยออกไปยังโถงตั้งศพอันเงียบสงัด

หลิงปู้อี๋สั่งให้คนทั้งหมดถอยออกไปแต่แรก ตนเองคุกเข่าเดียวดายอยู่เบื้องหน้าป้ายสถิตดวงวิญญาณในโถงที่โล่งว่างไร้ผู้คน สันหลังตั้งตรงดุจกระบี่ บ่าไหล่ผายกว้างดั่งทิวเขา เฉิงเซ่าซางพลันรู้สึกดวงตาเจ็บแปลบอยู่บ้าง…ไม่ว่าเผชิญเคราะห์ภัยหรือเหตุพลิกผัน ไม่ว่าโศกเศร้าหรือทุกข์ยาก หลิงปู้อี๋ล้วนเงียบงันเฉกห้วงสมุทรอันไร้ขอบเขต ไม่แปรผันชั่วกาลปานภูผาสูงตระหง่าน ชวนให้ผู้ที่อยู่ข้างกายวางใจหาใดเปรียบ

ทว่าในใจเขาที่แท้คิดอันใดอยู่ เกรงว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้

หลิงปู้อี๋เหลียวหลังมา ดวงหน้าเผือดขาว ขนตาราวขนนกยาว ในดวงตาแฝงซึ่งความเปราะบางว่างเปล่าอันแปลกพิเศษชนิดหนึ่ง

เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ ดุจเดียวกับที่เคยเป็นมานับครั้งไม่ถ้วน “เซ่าซาง เจ้าจะมาเกลี้ยกล่อมข้าหรือ ไม่ต้องหรอก ข้าล้วนเข้าใจดี เกิดแก่เจ็บตายจะอย่างไรก็ยากหลีกพ้น คนเราเกิดมาหนึ่งชาติ ต้นหญ้างอกเงยหนึ่งวสันต์ ใต้หล้าไม่มีงานเลี้ยงที่ไม่เลิกรา ต่อให้สนิทแน่นแฟ้นสักเพียงใด ต่อให้หักใจไม่ลงสักเพียงไร ก็ย่อมมีเวลาที่ต้องแยกจาก”

เฉิงเซ่าซางรู้สึกว่าคำพูดของเขาดูแปลกพิกลอยู่บ้าง จึงกล่าวว่า “ต่อให้จากเป็นจากตายยากหลีกพ้น แต่ขอเพียงในใจยังคะนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นยมโลกหรือห่างออกไปนับพันหลี่ แก่นแท้ล้วนจะไม่เปลี่ยนไป ใจคนผันแปรง่าย ขณะเดียวกันใจคนก็ผันแปรยาก ขอเพียงใจเราไม่ยอมเปลี่ยน ต่อให้ผืนสมุทรกลายเป็นท้องทุ่ง หรืออวิ๋นเมิ่ง* แปรสภาพ จะทำอย่างไรเราได้เล่า!”

หลิงปู้อี๋ตะลึงงันไปเล็กน้อย “เป็นเช่นนี้จริงๆ หรือ”

เฉิงเซ่าซางเอ่ยปนยิ้ม “หรือท่านไม่เคยได้ยินเรื่องจิงเว่ยถมทะเล** ปู่โง่ย้ายภูเขา? เจอเข้ากับผู้ที่ยึดมั่นดื้อรั้นจริงๆ ต่อให้เทพเซียนมาเองก็ป่วยการเปล่า!”

หลิงปู้อี๋พิศมองนางครู่หนึ่งแล้วพลันกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้เจ้ากับข้ามากัดแขนสาบานกันดีหรือไม่”

อะไรนะ เฉิงเซ่าซางผงะถอยสองก้าว นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

คนยุคนี้ให้ความสำคัญกับคำสาบานมาก พิธีการให้คำสาบานมักต้องมีเลือดให้เห็น อย่างเช่นคำสาบานจะกล่อมเกลากายใจที่ท่านลุงวั่นให้ไว้กับหัวหน้าเซียวเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ ก็เชือดไก่เพศผู้ตัวใหญ่ขนสีขาวเจ็ดตัวในรวดเดียว ลานหน้าโถงเก้าอาชาถูกเลือดไก่สาดกระจายจนทั่ว ชิงชงฮูหยินนำพาพวกบ่าวสาละวนวุ่นวายอยู่หลายวันกว่าจะขจัดกลิ่นคาวโลหิตได้

เพียงแต่เลือดสัตว์มีหรือจะสูงค่าเท่าเลือดมนุษย์ ดังนั้นส่วนใหญ่เหล่าผู้กล้าจึงมักกัดปลายนิ้วเป็นแผลเพื่อให้สัตย์สาบาน…ในเมื่อนิ้วมือยากจะพ้นเคราะห์ แขนก็รอดไปได้ไม่ไกลหรอก

“คือว่า…เชือดไก่เชือดเป็ดก็พอแล้ว ไม่ต้องกัดแขนสาบานกระมัง” เฉิงเซ่าซางไม่กลัวที่จะลั่นคำสาบาน ทว่านางกลัวเจ็บ

หลิงปู้อี๋ไม่แยแสคำประท้วงของนาง ดึงนางมาคุกเข่าข้างกายเขาอย่างอ่อนโยนทว่าก็ดื้อดึง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ต่อหน้าท่านแม่ เจ้าพูดสิว่าเจ้าจะไม่เปลี่ยนใจจากข้าชั่วนิรันดร์”

เฉิงเซ่าซางเอนกายไปด้านหลังเล็กน้อยอย่างตื่นตัว “ท่านอย่ามาเอาเปรียบกันนะ ข้าพูดได้แค่ว่า ‘หากใจท่านไม่เปลี่ยนผัน ใจข้าก็จะไม่เปลี่ยนแปลง’ ”

หลิงปู้อี๋คลี่ยิ้ม ในรอยยิ้มนั้นถึงกับเจืออารมณ์เศร้าอยู่บ้าง “ได้ เจ้าพูดตามนั้นแล้วกัน”

สุ้มเสียงของเขานุ่มนวลเช่นที่เคยเป็น นางสุดจะคัดค้านได้ไหว ทำได้เพียงให้คำสาบานเบื้องหน้าป้ายสถิตดวงวิญญาณของฮั่วจวินหวาอย่างเคารพนบนอบ “ต่อหน้าดวงวิญญาณผู้อาวุโส ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงเป็นพยาน ผู้เยาว์เฉิงเซ่าซางขอให้สัตย์สาบาน ณ ที่นี้ หาก…หากว่า…” นางปรายมองเขาปราดหนึ่ง “หากว่าใจเขาไม่เปลี่ยนผันจากข้า ใจข้าก็จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเขาเป็นอันขาด”

ถัดจากนั้นหลิงปู้อี๋ก็เลิกแขนเสื้อนางขึ้น กัดหนึ่งคำบนเรียวแขนขาวนิ่มของนางอย่างไม่เกรงใจกันแม้แต่น้อย นางขดกลัวตัวสั่นราวเผชิญกับหมอฟัน ได้แต่ตีแผ่นหลังของเขาไม่หยุดมือ ยามที่เห็นแขนตนปรากฏรอยฟันผุดหยดเลือด ความหวังเล็กๆ ที่คิดว่าอาจโชคดีรอดพ้นความเจ็บ จากแรกเริ่มคิดว่าไม่น่าเจ็บมากกลายเป็นการประเมินผิดพลาดอย่างร้ายแรง ล้วนแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวทันตา นางไม่รอช้ารวบรวมพลังสุดแรงเกิด กัดใส่แขนที่มีมัดกล้ามแกร่งกระชับของเขาจนปรากฏร่องรอยที่มีเลือดซึมสองแนวเช่นเดียวกัน

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com