บทที่ 157
ในตัวรถคล้ายปกคลุมด้วยไอหมอกแห่งความเงียบงันอยู่หนึ่งชั้น กางกั้นการรับรู้ของหูตา…หยวนเซิ่นกับเฉิงเซ่าซางสองคนสีหน้ามึนงง ส่วนองค์ชายห้าใช้พัดขนนกห้าสีป้องบังใบหน้าครึ่งล่างไว้ เผยเพียงสองตาที่ทอประกายตื่นเต้นเฝ้ารอ
“ฮั่วปู้อี๋ ท่านข่มเหงกันเกินไปแล้ว!” ในที่สุดหยวนเซิ่นก็ได้สติคืนมา ตามด้วยอารมณ์เดือดดาลจัด…นี่กล่าวได้ว่าเป็นครั้งเดียวในช่วงชีวิตยี่สิบเจ็ดปีของเขาที่รู้สึกเช่นนี้
เฉิงเซ่าซางจับจ้องฮั่วปู้อี๋ราวกำลังมองมารปีศาจ “ท่านคงจะไม่เสียสติไปแล้วหรอกนะ!”
ฮั่วปู้อี๋ไม่แปลกใจและไม่ขุ่นเคือง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ “ถ้อยคำนี้ล้วนมาจากใจจริง เซ่าซาง เจ้าตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้งเถิด”
“ข้าคิดว่านางตรองมาแล้วจึงได้เลือกหยวนเซิ่น” องค์ชายห้ายิ้มเผล่พลางโบกพัด
เฉิงเซ่าซางเชิดคอ ตวาดตอบฮั่วปู้อี๋อย่างโมโห “ตรองอันใดกันเล่า! ตลอดมาข้าไม่เคยต้องตรอง และไม่มีอันใดให้ตรองด้วย! ท่านเห็นข้าเป็นคนแบบใดกัน ตะโกนเรียกคำเดียวข้าก็ต้องรีบถอนหมั้นมาแต่งกับท่านหรือ เช่นนั้นเมื่อแรกเหตุใดข้าต้องเสาะหาคู่ครองใหม่ ตรงไปแดนพายัพหาท่านเลยก็สิ้นเรื่อง!”
ฮั่วปู้อี๋กล่าว “ในใจเจ้าโกรธข้า จะไปหาข้าได้อย่างไร”
“ท่านรู้ก็ดีแล้ว!” เฉิงเซ่าซางตะเบ็งเสียงดัง
องค์ชายห้าเอ่ยเสียงเบา “เขาย่อมรู้สิ แต่ก็ยังคงหมายจะแย่งชิงเจ้าสาว”
“ท่านๆๆ ท่านไม่เห็นสกุลหยวนแห่งเจียวตงของข้าอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว! ถึงกับกล้าพูดๆๆ ถ้อยคำเหลวไหลเยี่ยงนี้ต่อหน้าข้า ท่านมัน…มันบ้าบิ่นเหลวไหลถึงขีดสุด!” หยวนเซิ่นโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
“หยวนซื่อจง” ฮั่วปู้อี๋น้ำเสียงจริงใจ “ข้ารู้ว่าตอนนี้ท่านต้องเดือดดาลจนสุดจะเอ่ยวาจา ทว่าขอได้โปรดระงับไฟโทสะลงสักครู่ รับฟังข้าก่อนสักคำ เซ่าซางกับท่านไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดีแต่อย่างใด…”
หยวนเซิ่นรู้สึกว่าบุตรหลานผู้มียศศักดิ์ทั่วเมืองหลวงคงไม่ได้พบเจอเรื่องพิสดารพรรค์นี้แน่ วันนี้นับว่าเขาได้เปิดหูเปิดตาแล้ว จึงแค่นหัวเราะเสียงเย็นชาติดๆ กัน “ข้ากับเซ่าซางไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดี ท่านกับเซ่าซางจึงจะใช่หรือไร ช่างเป็นเรื่องน่าขันที่สุดในใต้หล้า ไฉนเมื่อแรกท่านไม่ไปพูดกับอ๋องขบถสกุลกงซุนที่สู่จงว่า ‘เจ้าไม่คู่ควรเป็นเจ้าเหนือหัว’ ดูซิ เขาจะวางอาวุธยอมจำนนทันทีหรือไม่!”
“ความจริงปีที่แล้วข้าเคยพูดประโยคนี้ในประกาศปราบกบฏ เพียงแต่คนแซ่กงซุนไม่ได้ฟังเข้าหู” ฮั่วปู้อี๋กล่าว
เฉิงเซ่าซางกับหยวนเซิ่น “…”
“จากนั้นก็เปิดศึกกัน” ฮั่วปู้อี๋เอ่ยเสริม
องค์ชายห้าหลบหลังพัดขนนก กลั้นหัวเราะไว้สุดชีวิต
“นั่นแล้วอย่างไร” หยวนเซิ่นข่มโทสะ “หรือว่าฮั่วโหวจะเปิดศึกกับข้า!”
ฮั่วปู้อี๋พลันคลี่ยิ้ม “ข้ามีหรือจะทำเช่นนั้นได้ ตอนนี้ข้าคาดหวังให้ท่านมีอายุยืนยาว เปี่ยมโชควาสนาแทบไม่ทันด้วยซ้ำ หาไม่ข้ากับเซ่าซางจะสานวาสนาลุล่วงได้อย่างไรเล่า”
องค์ชายห้าสอดปาก “หยวนซื่อจงแตกฉานศาสตร์ทั้งหก ข้าเคยเห็นเขาเข้าร่วมการทดสอบขี่ม้ายิงธนูในสนามฝึกยุทธ์ ยอดเยี่ยมมากเชียวล่ะ พวกเจ้าตีกันขึ้นมาจริงๆ ยังไม่แน่ว่า…” เขาแสนจะคึกคักตื่นเต้น รู้สึกว่าวันนี้เบียดตัวเข้ารถม้ามาไม่เสียเปล่าเลย
“องค์ชายทรงหุบปากเถิด!” เฉิงเซ่าซางขึงตาใส่ “อย่างองค์ชายนี่เรียกว่ากลัวใต้หล้าจะไม่ปั่นป่วน ระวังมีอารมณ์ชมดูเรื่องสนุก จะไม่มีขาไปเมืองศักดินา!” ฝ่ามือนางคันยุบยิบ รู้สึกว่าช่วงห้าปีที่ผ่านมาซัดเจ้าคนผู้นี้น้อยไปเสียแล้ว
องค์ชายห้าชะงักกึก “เหตุใดจึงจะไม่มีขา”
“เพราะหม่อมฉันจะไปทูลฝ่าบาท…ว่าล้วนเป็นท่านที่ยุแยงจนพวกเขาสองคนตีกัน ดูซิว่าตอนนั้นฝ่าบาทจะทรงตีขาท่านหักหรือไม่!”
“เจ้าพูดเหลวไหล!” องค์ชายห้าตีพัดขนนกบนขาตนเองดังพึ่บ ก่อนถลึงตาตอบ