“จะกล่าวเช่นนี้ก็ได้” ฮั่วปู้อี๋เอ่ย
หยวนเซิ่นลมหายใจตีบตัน เฉิงเซ่าซางตบๆ แขนคู่หมั้นพลางพูดปลอบใจ “ข้าว่าเขาสติไม่ปกติแล้ว ท่านอย่าสนใจเขาเลย”
หยวนเซิ่นเอ่ยเสียงแข็ง “วาจาถือดีของท่านโหว ข้ายากจะรับได้จริงๆ วันนี้ไม่ต้องพูดกันต่อไปอีก ทุกเรื่องให้จบลงแต่เพียงเท่านี้ ข้ากับเซ่าซางจะลงรถแล้ว…”
“ที่ข้าพูดเป็นความจริงทุกประโยค” ฮั่วปู้อี๋ชิงกล่าว ก่อนมองไปทางหญิงสาวอีกครา “ในอุทยานหลวงบนภูเขาถูเกามีกุ้งน้ำพุเย็น* อยู่ชนิดหนึ่ง เซ่าซางชื่นชอบยิ่ง…”
“วาจาเหลวไหล!” เฉิงเซ่าซางตัดบทอย่างอดไม่ได้ “กุ้งชนิดนั้นข้าเคยกินมาหลายครั้ง ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษแต่อย่างใด”
ใครจะรู้ฮั่วปู้อี๋กลับยังยืนยัน “ไม่ เจ้าชอบมันมาก”
“กระทั่งชอบกินสิ่งใด ตัวข้าเองจะยังไม่รู้ชัดเชียวหรือ” เฉิงเซ่าซางถูกยั่วโมโหจนหัวเราะออกมา
ฮั่วปู้อี๋หันไปมองหยวนเซิ่น “ครั้งแรกที่เซ่าซางได้กินกุ้งน้ำพุเย็นชนิดนี้คือในงานเลี้ยงที่อดีตเซวียนฮองเฮาจัดขึ้นในตำหนักฉางชิว ทว่าก่อนจะยกอาหารไจ๋เอ่าเคยบ่นให้นางฟังว่า ‘กุ้งนี้แม้เลิศรส ฮองเฮากลับไม่อาจเสวยได้ แค่ทรงแตะถูกโดยบังเอิญก็ขึ้นผื่นแดงเสียแล้ว’ นับแต่นั้นเซ่าซางจึงไม่เคยเรียกร้องกุ้งชนิดนี้จากโรงครัวอีกเลย”
เฉิงเซ่าซางตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “นั่นเป็นเพราะข้าไม่ชอบกินกุ้งชนิดนี้จริงๆ น่ะสิ!”
ฮั่วปู้อี๋พูดต่อโดยไม่สนใจคำค้านของนาง “เซ่าซางล้วนบอกทุกคนเช่นนี้ แต่หากหยวนซื่อจงสืบโดยละเอียดก็จะค้นพบนิสัยการกินของนางได้ไม่ยาก บางครั้งเป็นเพราะไจ๋เอ่าอยากกิน บางครั้งเป็นเพราะฝ่าบาทพระราชทานกุ้งเลี้ยงที่ยังเป็นๆ อยู่ให้ข้าหลายถัง…ขอเพียงบนโต๊ะสำรับมีกุ้งน้ำพุเย็นชนิดนี้ ไม่ว่าจะลวกเปล่าๆ ย่างเกลือ หรือดองซีอิ๊ว เซ่าซางล้วนกินเพิ่มได้หลายชามเสมอ ทั้งยังตักน้ำกุ้งไปคลุกข้าวด้วย” เอ่ยมาถึงครึ่งประโยคสุดท้าย ในหัวใจเขาให้เจ็บแปลบขึ้นมานิดๆ
ในตัวรถม้าพลันเงียบกริบ หยวนเซิ่นอึ้งงัน เฉิงเซ่าซางเหม่อลอยอยู่บ้าง อดไม่ได้ต้องสงสัยตนเองว่า เป็นเช่นนี้จริงน่ะหรือ เพียงแต่…ดูเหมือน…ตอนนั้นกุ้งน้ำพุเย็นที่พระราชทานไปยังจวนของฮั่วปู้อี๋…ล้วนตกเข้าท้องของข้า…จริงๆ?
“สิ่งที่ตนชอบกิน ผู้เป็นนายไม่ชอบกิน นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในวังหลวง” ฮั่วปู้อี๋กล่าวต่อ “เพียงแต่คนทั่วไปส่วนใหญ่มีอยู่สองจำพวก พวกที่มีเล่ห์เหลี่ยมหน่อยมักแสร้งข่มทน แต่ก็จะทำให้ผู้อื่นรับรู้ด้วยว่าตนอดกลั้นอยู่นี้เพื่อผู้เป็นนาย ชื่อเสียงอันดีงามจะได้เป็นที่โจษขาน ส่วนพวกที่ซื่อตรงหน่อยมักอดทนไปอย่างเงียบๆ นับแต่นี้ไม่เอ่ยถึงมันอีก…ทว่าเซ่าซางนั้นแตกต่าง นางบอกทั้งผู้อื่นและตนเองว่านางก็ไม่ชอบกินกุ้งชนิดนี้เช่นกัน”
หยวนเซิ่นหันหน้าไปมองคู่หมั้น
เขาเข้าใจความทะนงตนและความหวังดีแบบเก็บงำเช่นนี้ของนางได้ ทะนงตน…เพราะนางไม่อยากให้ผู้อื่นหยิบยกเรื่องนี้มาสรรเสริญนาง หวังดี…เพราะนางไม่อยากให้การข่มใจของตนทำให้เซวียนไทเฮาพลอยปวดพระทัย
ฮั่วปู้อี๋พิศมองเฉิงเซ่าซางพลางเอ่ยเน้นทีละคำ “ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางเห็นว่าเปล่าประโยชน์ นางจะหลอกตนเอง หลอกจนกระทั่งเชื่อสนิทใจ…นางก็คือเด็กโง่เช่นนี้นี่เอง”
เฉิงเซ่าซางหลบสายตาของเขา แล้วสะบัดหน้าเอ่ยเสียงดัง “ท่านโหวอย่าได้พูดให้ผู้อื่นสับสน กุ้งน้ำพุเย็นกับการแต่งงานจะเหมือนกันได้หรือ ข้ากับซั่นเจี้ยนไม่หลงกลท่านหรอกนะ!”
หยวนเซิ่นคิดโยงไปมากกว่านั้น…เมื่อแรกที่เซียวฮูหยินละเลยบุตรสาวแท้ๆ เฉิงเซ่าซางเคยแสดงออกมากกว่าหนึ่งครั้งว่าไม่ยี่หระแม้แต่น้อย คนทั้งหมดก็ปักใจเชื่อเช่นนี้…ทั้งที่ความจริงแล้วมิใช่นางไม่ยี่หระ ‘จริงๆ’ อย่างที่เปลือกนอกแสดงออกสินะ