ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 7 บทที่ 159 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 7 บทที่ 159

“เจ้ากับข้ารู้จักกันเนิ่นนานก่อนที่เซ่าซางจะปรากฏตัว เห็นแก่ที่หลายปีมานี้เจ้ามีประโยชน์กับข้า วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เข้าใจแจ่มแจ้ง” ฮั่วปู้อี๋เอาสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่ริมหน้าต่าง “ข้ารู้เช่นเห็นชาติองค์หญิงห้ามานานมากแล้ว ทั้งอำมหิต ใจแคบ ฟุ้งเฟ้อถือดี มักมากในราคะ ทว่าแม่นางลั่วผู้แต่ไรมาได้ชื่อว่าจรรยางามเปี่ยมเหตุผล กลับคลุกคลีกับนางได้กลมเกลียวยิ่ง เจ้าว่า…ข้าจะมองเจ้าเยี่ยงไร”

ลั่วจี้ทงโอดครวญอย่างไม่อาจยอมรับได้ “ข้าทำเพื่อบิดา พี่ชาย กับคนในครอบครัว! บุตรหลานสกุลลั่วธรรมดาสามัญ หากข้าไม่อาจพึ่งพิงองค์หญิงห้า เซวียนไทเฮามีหรือจะทรงพูดจาแทนคนบ้านข้า!”

“ดังนั้นเจ้าจึงเพียงมององค์หญิงห้าโบยนางกำนัลน้อยที่ไร้ความผิดจนตายคาที่ มองดูแม่นางน้อยที่แอบมองข้าถูกทำให้จมน้ำตายในทะเลสาบ จากนั้นเจ้ายังช่วยองค์หญิงห้าปกปิดเบื้องพระพักตร์เซวียนไทเฮา?!”

ลั่วจี้ทงพลันจนคำพูด

ฮั่วปู้อี๋แววตาเฉยเมย “เพียงแต่…ตอนนั้นข้านึกว่าเจ้าเป็นแค่สตรีทั่วไปที่หลงอาวรณ์ในอำนาจ จวบจนราวห้าปีกว่าที่แล้วอดีตเซวียนฮองเฮาทรงให้จัดเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพ ข้าค่อยรู้ว่าตนเองมองพลาดไปที่ไม่เคยนึกว่าเจ้าเป็นพวกใจคอเหี้ยมเกรียม” เขายกมุมปาก เอ่ยถากถาง “ข้าขอถามเจ้า ชุนเถียวสาวใช้คนสนิทของเจ้าตายได้อย่างไร”

ลั่วจี้ทงตระหนกระคนสงสัยไม่คลาย ปากก็พูดติดอ่าง “นะ…นาง…เป็นองค์หญิงห้าที่…”

ฮั่วปู้อี๋เยาะหยัน “ใครๆ ล้วนนึกว่าองค์หญิงห้าเป็นผู้ลงมือ กระทั่งหลังจบเหตุข้าพบว่าไม่ถูกต้อง สตรีที่มาจากตระกูลขุนนางเก่าอย่างเจ้า บ่าวรับใช้คนสนิทย่อมจะไม่ซื้อมาจากข้างนอกส่งเดช บ่าวส่วนใหญ่ล้วนทำงานในสกุลลั่วทั้งครอบครัวสินะ แม้แต่เซ่าซาง สาวใช้คนสนิททั้งหมดยังเป็นบุตรสาวของบริวารภายใต้ปกครองของแม่ทัพเฉิงเลย แล้วชุนเถียวสาวใช้ที่ผู้เฒ่าผู้เยาว์ทั้งบ้านล้วนถูกควบคุมอยู่ในกำมือสกุลลั่ว มีหรือจะถูกองค์หญิงห้าซื้อตัวได้ง่ายๆ

อีกอย่างหลังจากเรื่องแดง ไม่ช้าองค์หญิงห้าก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าปรักปรำเซ่าซาง ด้วยนิสัยของนางที่ป่าเถื่อนไร้เหตุผลและไม่คำนึงถึงสิ่งใด ย่อมจะไม่เปลืองแรงไปฆ่าปิดปากสาวใช้ผู้หนึ่ง เพราะนางไม่ได้กลัวถูกเปิดโปงแม้แต่น้อย ผู้ที่ต้องการฆ่าชุนเถียวปิดปากคือเจ้าสินะแม่นางลั่ว น่าเสียดาย รอจนข้าสืบพบพิรุธ เจ้าก็กำลังจะออกเรือนไปไกลถึงแดนพายัพแล้ว”

ลั่วจี้ทงปาดน้ำตา แค่นหัวเราะกล่าว “เห็นทีท่านมีข้อสรุปในตัวข้าอยู่ก่อนแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดยังยอมให้ข้าเข้าใกล้ท่านเล่า”

“หากเจ้าเป็นสตรีที่ดี จิตใจงาม มีเมตตาธรรมจริงๆ ล่ะก็ ข้าจะหลีกลี้เจ้าให้ไกลๆ แน่นอน”

ลั่วจี้ทงเอ่ยอย่างเจ็บแค้น “ท่านเห็นแต่ข้อเสียของข้า กลับไม่เห็นข้อดีของข้าแม้สักนิดหรือ ข้ารักษาคำมั่น ปรนนิบัติสามีผู้ล่วงลับกับบิดามารดาสกุลจย่าอย่างสุดใจกาย…”

ฮั่วปู้อี๋เปล่งเสียงหัวเราะประชด “แม่นางลั่วอย่าเสแสร้งเลย เจตนาของเจ้าผู้อื่นทายไม่ออก ทว่าปิดบังข้าไม่ได้หรอก ช่วงหลายสิบปีมานี้สกุลลั่วอ่อนแอไร้ฝีมือ การแต่งงานของสตรีในตระกูลล้วนใช้เพื่อเกี่ยวดองกับผู้มียศมีอำนาจ อาหญิงกับพี่สาวน้องสาวของเจ้าล้วนยอมรับชะตา ทว่าเจ้าไม่ยินยอม ดังนั้นทั้งที่รู้อยู่ว่าบุตรชายสกุลจย่าขี้โรค เจ้าก็ยังทำเป็นยืนหยัดในสัจจะคุณธรรม ต้องการจะออกเรือนไป จากนั้นมารยาว่าเจ็บช้ำสารพัดทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้อื่น จนบิดามารดาเจ้ารับปากว่าตอนที่เจ้าแต่งงานใหม่จะให้เจ้าตัดสินใจเองทุกสิ่ง เป็นอย่างไร ข้าพูดมาไม่ผิดกระมัง”

ในช่องอกของลั่วจี้ทงดุจถูกไฟแผดเผา ตอบเสียงดังว่า “ใช่แล้วอย่างไรเล่า แต่งงานหนแรกเชื่อฟังบิดา แต่งงานหนที่สองตามแต่ใจตน รอจนข้าเป็นม่ายก็จะเป็นยามที่ข้าได้ตัดสินใจเองแล้ว ข้าคิดอ่านเพื่อตนเองมีอันใดผิด! ท่านนึกว่าข้าไม่เคยสืบเรื่องของบรรดาครอบครัวที่เมื่อแรกต้องการจะแต่งข้าหรือ วงศ์ตระกูลเหล่านั้นดูดีก็จริงอยู่ ทว่าคนที่ยินดีจะแต่งข้าล้วนเป็นทายาทที่ไม่เอาไหน ต่างหวังจะให้ข้าไปสั่งสอนบุตรชายของพวกเขาน่ะสิ! สกุลจย่าก็เป็นตระกูลสูงศักดิ์ หากข้าต้องแต่งกับพวกไม่เอาไหนนั่น มิสู้แต่งไปสกุลจย่ายังดีกว่า อย่างน้อยข้าก็จะได้แต่งงานใหม่ในไม่ช้า! ท่านรู้หรือไม่ ข้าอิจฉาเฉิงเซ่าซางมากเพียงใด แม้นางชาติตระกูลสู้ข้าไม่ได้ ทว่าบิดามารดาคิดอ่านแทนนางด้วยใจจริง นางเกิดมาโฉมงาม บิดามารดากลับไม่เคยคิดจะเอานางไปประจบผู้มียศมีอำนาจเลย!”

ฮั่วปู้อี๋คิดถึงหญิงสาวผู้นั้นก็คลี่ยิ้มอันละมุนละไมโดยไม่รู้ตัว “ความจริงเป็นเพราะบิดามารดาของนางกลัวว่านางจะก่อเรื่องเป็นที่ขายหน้า ถึงได้ไม่กล้าจับนางแต่งไปตระกูลสูงศักดิ์ ผิดกับเจ้าที่เสแสร้งเก่งเกินไป จรรยาเพียบพร้อมเอย เอื้ออารีเข้าใจเหตุผลเอย คนในบ้านย่อมตบแต่งเจ้าเข้าตระกูลดีๆ สิ บางทีเจ้าควรจะเรียนรู้จากเซ่าซาง หัดทำลายชื่อเสียงบ้าง อ้อ ไม่ได้ เจ้าหัดไม่ได้หรอก เจ้าหวงแหนชื่อเสียง หวงแหนอนาคต อย่างใดก็หักใจสละไม่ลง สุดท้ายจึงมีแต่สละชีวิตของผู้อื่นทิ้งไป”

ลั่วจี้ทงหนาววูบ “ท่านหมายความเช่นไรกัน”

ฮั่วปู้อี๋เอ่ยเน้นทีละคำ “อดีตสามีของเจ้า จย่าชีหลางคุณชายเจ็ดสกุลจย่า ตายอย่างไรกันแน่”

ลั่วจี้ทงเห็นฟ้าดินหมุนคว้างพักหนึ่ง กระทั่งจะทรงกายยังแทบทรงกายไม่อยู่ “ทะ…ทะ…ท่าน…” นางตั้งสติ “ข้าไม่ได้ทำอันใดทั้งสิ้น ท่านจะใส่ความกันอย่างร้ายแรงเพียงเพราะหมายจะสลัดข้าทิ้งไม่ได้นะ!”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com