ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย
ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 7 บทที่ 161
บทที่ 161
เบื้องนอกชุลมุนวุ่นวาย เฉิงเซ่าซางอยู่ในตำหนักหย่งอันกลับยังผ่อนคลายได้ดุจเดิม ตำหนักในอันลึกล้ำนี้ไม่ต่างจากกำแพงป้องกันอันแข็งแกร่งหนึ่งชั้น สกัดคำลือเบื้องนอกทั้งที่หวังดีหวังร้ายออกไปจนสิ้น ไจ๋เอ่ายังไม่ยอมให้อภัยฮั่วปู้อี๋จนถึงบัดนี้ จึงเสริมความแข็งแรงให้กับประตูหลายแห่งของตำหนักหย่งอันรอบหนึ่งอย่างแสนแข็งขัน เฉิงเซ่าซางบอกอีกฝ่ายด้วยความหวังดี…หากฮั่วปู้อี๋หมายจะบุกเข้ามาจริงๆ ต่อให้ไจ๋เอ่าตั้งค่ายกลดาวเหนือ ใช้ร่วมกับฝ่ามือหรูไหล ก็ป่วยการเปล่า
ไจ๋เอ่ารอคอยสองสามวันในอาการตื่นตัว น่าเสียดายฮั่วปู้อี๋ยุ่งกับงานของทางการ จนแล้วจนรอดยังคงไม่มีเวลาว่างมาถีบทำลายประตู กลับเป็นผู้ว่าการเหลียงอู๋จี้ที่เข้าเมืองหลวงมารายงานตามหน้าที่ ทั้งถือโอกาสนี้มาทูลฮ่องเต้ถึงการรังวัดที่ดินในมณฑลใต้ปกครองของเขาซึ่งคืบหน้าไปอย่างน่ายินดี
เยวี่ยฮองเฮาได้ยินว่าชวีหลิงจวินติดตามมาด้วย ก็ให้ปีติยิ่งยวด
จะว่าไปก็น่าสะท้อนใจ วัยเยาว์มารดาบังเกิดเกล้าของชวีหลิงจวินมีไมตรีคบหากับเยวี่ยฮองเฮาดียิ่ง ต่อมาด่วนจากไปในวัยสาว เมื่อแรกเยวี่ยฮองเฮาจึงให้การดูแลและเรียกตัวชวีหลิงจวินเข้าวังบ่อยครั้ง ในความเห็นของเฉิงเซ่าซาง หากมิใช่อายุไม่เหมาะสม เยวี่ยฮองเฮาอาจอยากได้ชวีหลิงจวินมาเป็นลูกสะใภ้เสียด้วยซ้ำ
จู่ๆ รัชทายาทก็จามไปหนึ่งที
ต่อมาเยวี่ยฮองเฮายังเคยพิจารณาจะให้ชวีหลิงจวินแต่งกับท่านอ๋องน้อยทายาทพี่ชายที่ด่วนล่วงลับไปของท่านลุงฮ่องเต้ ใครจะรู้ชวีหลิงจวินกลับพึงใจในตัวตงไห่อ๋อง ชักนำให้เกิดเรื่องน่าเสียดายหลายเรื่องในเวลาต่อมา
เฉิงเซ่าซางเคยได้ยินฮั่วปู้อี๋เล่าให้ฟัง…ปีที่ชวีหลิงจวินต้องสงสัยว่าฆ่าสามี เยวี่ยฮองเฮาเคยไปโวยวายกับท่านลุงฮ่องเต้มารอบหนึ่ง พูดอย่างเผ็ดร้อนตรงไปตรงมาว่าเหลียงซั่งเป็นขยะที่ไร้ค่า ต่อให้ชวีหลิงจวินพลั้งมือฆ่าตายไป ฮ่องเต้ก็ห้ามเอาผิด ยังดีที่จากนั้นไม่ถึงสองวันก็ไขความจริงในคดีฆ่าสามีได้ ไม่เปิดโอกาสให้เยวี่ยฮองเฮาเพิ่มความรุนแรงในการทะเลาะ จึงทำให้หนวดเคราของท่านลุงฮ่องเต้ได้งอกงามต่อไป
บัดนี้เรื่องราวผ่านพ้น สถานการณ์เปลี่ยนผัน ชวีหลิงจวินมีที่พักพิงใจจนได้ เยวี่ยฮองเฮาจึงให้จัดงานเพื่อจะเลี้ยงต้อนรับชวีหลิงจวิน
เหล่านี้เฉิงเซ่าซางทำเสมือนได้ฟังเรื่องซุบซิบ ไม่นึกว่าเยวี่ยฮองเฮาจะส่งคนมาเชิญนางไปร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย นางคลุกคลีอยู่ในรั้ววังมาหลายปีเพียงนี้ ย่อมรู้ดีว่ากับท่านลุงฮ่องเต้จะปฏิเสธเป็นครั้งคราวก็ไม่เป็นไร ทว่ากับเยวี่ยฮองเฮาแล้ว เมื่อใดที่อีกฝ่ายอ้าปาก จงเชื่อฟังอย่างว่าง่ายจะเป็นการดีที่สุด
ในวันจัดเลี้ยงเฉิงเซ่าซางคำนวณเวลาให้ไปถึงตำหนักฉางชิวก่อนเริ่มงานพอดิบพอดี ครั้นย่างเท้าเข้าตำหนักหลักก็พบว่าองค์หญิงสามกับองค์หญิงห้ากำลังเปิดศึกดุเดือด โต้คารมอย่างออกรส รอบข้างมีเชื้อพระวงศ์กับสตรีชั้นสูงหลายโต๊ะนั่งยิ้มชมเรื่องสนุกกันอยู่
องค์หญิงห้าถลึงตา สุ้มเสียงแหลมบาดหู “…ยังบอกว่าไม่เจตนาเพิกเฉย? เสด็จแม่ข้าให้กำเนิดบุตรสาวรวมทั้งสิ้นเพียงสองคน ก็คือข้ากับพี่หญิงใหญ่ เหตุใดงานเลี้ยงในวันนี้พี่หญิงใหญ่จึงไม่อยู่เล่า”
องค์หญิงสามยืดช่วงเอวที่กลมอิ่ม ปอกส้มไปอย่างเนิบช้า “เรื่องนี้เจ้าต้องไปถามเสด็จพ่อแล้ว เป็นเสด็จพ่อที่ไม่ทรงเรียกพี่หญิงใหญ่เข้าวัง เจ้าจะทวงถามเสด็จแม่ข้าให้ได้อะไร นี่ไม่ใช่พฤติกรรมเลือกบีบลูกพลับนิ่มหรอกหรือ…อ้อ จริงสิ ตอนที่เสด็จพ่อทรงอบรมพี่หญิงใหญ่ เจ้าก็อยู่ในเหตุการณ์นี่ ตอนนี้ยังจะถามเพื่ออะไรอีก เพิ่งอายุเท่าไรเชียวก็ขี้หลงขี้ลืมเยี่ยงนี้แล้ว เจ้าต้องบำรุงสมองเสียบ้างนะ…”
หลายปีมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด ความปากร้ายของเยวี่ยฮองเฮาคล้ายตื่นขึ้นในร่างขององค์หญิงสามแล้ว วาจาที่เปล่งออกมาจึงทั้งเผ็ดร้อนทั้งเจ้าเล่ห์ องค์หญิงห้าโกรธจนตัวสั่นดังคาด องค์หญิงรองดันตัวองค์หญิงสามหนึ่งทีก่อนเอ่ยปรามเสียงเบา “เจ้าเองก็พูดน้อยๆ ลงหน่อย ระหว่างพี่น้องไยต้องใช้ลมปากเอาชนะคะคานกัน”
องค์หญิงสามตอบปนยิ้มหวาน “นี่ไม่ใช่ข้าเริ่มก่อนเสียหน่อย วันนี้น้องหญิงห้าอารมณ์ไม่ดี ประเดี๋ยวมองว่าลำดับที่นั่งไม่ให้เกียรติ ประเดี๋ยวมองว่าช่อดอกไม้กับจานสำรับขัดตา ข้าที่เป็นพี่สาวก็ต้องแจกแจงกับนางสิ”
องค์หญิงรองถอนหายใจ นางพลันคะนึงหาองค์หญิงสามคนเก่าที่ถูกนางเอ็ดจนเงยหน้าไม่ขึ้นนั้นอยู่บ้าง
องค์หญิงห้าเยาะหยัน “อย่ามาพูดให้น่าฟังเลย หากฮองเฮามีใจจะขอร้องแทนพี่หญิงใหญ่ เสด็จพ่อย่อมรับปากนานแล้ว! เมื่อก่อนที่พี่หญิงสามถูกเสด็จพ่อลงโทษ เสด็จแม่ข้าขอความเมตตาให้โดยตลอด ตอนนี้ฮองเฮากลับจงใจไม่ขอร้องแทนพี่หญิงใหญ่ เห็นชัดว่าเป็นเพราะในใจริษยาคิดแค้น แล้งน้ำใจกับบุตรธิดาที่ตนไม่ได้ให้กำเนิด!”
เซวียนโหวฮูหยินโบกมือที่สั่นเทา “องค์หญิงห้า เรื่องนี้มิอาจกล่าวส่งเดช ฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงมีน้ำพระทัยกว้างต่อพวกเราเป็นที่สุด ปีที่แล้วในวันครบรอบท่านยายขององค์หญิง ฝ่าบาทยังเสด็จไปเซ่นไหว้ถึงสกุลเซวียนด้วยพระองค์เอง!”
องค์หญิงสี่ช่วยประคองเซวียนโหวฮูหยินผู้เป็นมารดาสามี ก่อนเอ่ยเสียงเรียบเย็น “ท่านแม่ไม่ต้องไปสนใจนาง น้องหญิงห้าชอบพูดเหลวไหลมาแต่ไหนแต่ไร! เสด็จพ่อทรงริบเมืองศักดินาของนาง ทว่าพระราชทานทรัพย์สินเงินทองแก่สกุลเซวียนมากมาย ถ้าเอ่ยคำว่า ‘ในใจริษยาคิดแค้น’ ล่ะก็ ข้าว่านางต่างหากที่ในใจริษยาคิดแค้น”
องค์หญิงห้าพลันเดือดดาล ตวาดใส่เซวียนโหวฮูหยิน “เสด็จพ่อทรงปลดเสด็จแม่กับพี่ชายใหญ่ ไม่คำนึงถึงความผูกพันนานปีของสามีภรรยาเลยสักนิด น้าสะใภ้ยังอุตส่าห์สำนึกบุญคุณอยู่ทุกคำ มิน่าเล่า คนข้างนอกถึงพูดกันว่าท่านน้ากับน้าสะใภ้ไม่มีศักดิ์ศรี!”
“น้องหญิงห้า!” องค์หญิงรองแม้อารมณ์เย็นก็ยังหน้าบึ้งทันตา ลุกขึ้นเอ่ยด้วยโทสะ “เจ้ากล้าพูดหาความเสด็จพ่อ ไม่มีเจ้าเหนือหัว ไม่มีบิดาอยู่ในสายตาเลย เรียกว่าทรยศเนรคุณชัดๆ! ข้าว่าเจ้าไม่พอใจที่ใช้ชีวิตสุขสบายไปสินะ!”