บทที่ 162
เยวี่ยฮองเฮาจัดเลี้ยงมีบรรยากาศกลมเกลียวเสมอมา ผู้ที่ไม่กลมเกลียวกันสักเพียงใดเมื่อมาถึงที่ของนางก็จะต้องกลมเกลียวกัน ต่อให้ในใจไม่กลมเกลียว บนใบหน้าก็ต้องแสร้งทำเป็นกลมเกลียวเอาไว้
ผู้คนในโถงทำเสมือนมองไม่เห็นองค์หญิงห้าจากไป ขณะลุกขึ้นจากท่าหมอบคำนับ แต่ละคนล้วนประดับยิ้มละไมบนใบหน้า ท่าทีสนิทชิดเชื้อเปี่ยมน้ำใจ ในจำนวนนี้ผู้ที่ยิ้มแย้มเบิกบานที่สุดต้องนับชวีหลิงจวิน ครั้นมองเห็นเฉิงเซ่าซาง ชวีหลิงจวินยังขยิบตาให้อย่างซุกซน
เยวี่ยฮองเฮาตบๆ หลังมือของชวีหลิงจวิน ชวีหลิงจวินก็เดินชดช้อยลงไปจับจูงเฉิงเซ่าซางมานั่งร่วมโต๊ะกับนาง ส่วนใหญ่เหล่าสตรีในที่นี้รู้จักชวีหลิงจวินมาก่อน หลายปีผ่านไปได้มาพบกันอีกครา ต่างรู้สึกตื่นตกใจยิ่ง
ผ่านร้อนผ่านหนาวมาห้าหกปี รูปโฉมของชวีหลิงจวินมิเพียงไร้ความเปลี่ยนแปลงใดๆ สีหน้ายิ่งแดงเปล่งปลั่งกว่ากาลก่อน ยามผลิยิ้มผิวพรรณทอประกาย แววตาเจิดจ้ามีชีวิตชีวา ถึงกับกลบราศีของเหล่าสตรีในโถงจนสิ้น
ฮูหยินของเยวี่ยโหวรองยิ้มเย้าก่อนใคร “ข้าแต่สวรรค์ หลิงจวินนี่เรียกว่าถอดรูปเปลี่ยนกระดูกมาชัดๆ หากอยู่กลางถนนข้าคงไม่กล้าทักเจ้าแล้ว ผู้อื่นล้วนแก่ตัวลงไปทุกปี มีแต่เจ้ายิ่งนานวันยิ่งอ่อนเยาว์ นี่ไปกินยาเซียนอันใดมาหนอ”
ชายาของหรู่หยางอ๋องซื่อจื่อจงใจขยิบตา “จะกินยาเซียนอันใดกันเล่า แต่งได้สามีที่มีรัก ได้ผลดียิ่งกว่ายาเซียนใดๆ ทั้งหมด! เฮ้อ เห็นชัดว่าสตรีเรานี้ต้องแต่งได้สามีดีจึงจะแก่ตัวช้า”
ชวีหลิงจวินเม้มปากหัวเราะเบาๆ ถึงกับยอมรับโดยนัย
ฮูหยินของเยวี่ยโหวรองดุชายาของหรู่หยางอ๋องซื่อจื่ออย่างยิ้มแย้ม “เจ้าบ่ายเบี่ยงเก่งแท้ เห็นอยู่ว่าตนเองเกิดมาดูแก่กว่าวัย อายุยี่สิบดูคล้ายสามสิบ อายุสามสิบดูคล้ายมารดาชรา ตอนนี้กลับปัดต้นเหตุไปบนศีรษะของซื่อจื่อ กลายเป็นเขาที่ไม่ดีทั้งหมดสินะ!”
ชายาของหรู่หยางอ๋องซื่อจื่อหัวเราะหึๆ ไม่โกรธแต่อย่างใด นับแต่ชายาผู้เฒ่าแม่สามีของนางถูกปลดจากตำแหน่งชายาไปอยู่ที่เรือนรับรอง ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่านางใช้ชีวิตสบายใจมากเพียงใด ยามนี้นางจึงอารมณ์ดีเสริมบรรยากาศให้งานเลี้ยงของเยวี่ยฮองเฮา ส่งผลให้เหล่าสตรีพากันหัวเราะร่วนตาม
ส่วนองค์หญิงรองนั้นตื่นตกใจอีกเรื่องหนึ่ง แลเห็นช่วงท้องของชวีหลิงจวินนูนออกมาก็อุทานขึ้นว่า “หลิงจวิน เจ้าตั้งครรภ์อยู่ ไยต้องรุดมาเมืองหลวง ตลอดทางโคลงเคลงเหน็ดเหนื่อย…”
“ห้าหกเดือนแล้วเพคะ ปลอดภัยยิ่ง” ชวีหลิงจวินยิ้มกล่าว “ตอนที่อุ้มท้องก่อนหน้า หม่อมฉันยังติดตามใต้เท้าผู้ว่าการไปชนบท ควบคุมการขุดบ่อน้ำเลย อีกอย่างเมืองอิ่งชวนก็ใกล้เมืองหลวง เดินทางเที่ยวหนึ่งเพียงสิบกว่าวัน หากจะตรวจสอบเรื่องรังวัดที่ดิน หนนี้พวกหม่อมฉันก็น่าจะเป็นกลุ่มแรกที่มาถึงเมืองหลวง” ก็เพราะอยู่ใกล้เมืองหลวงนี่เอง คำสั่งรังวัดที่ดินผู้ว่าการเหลียงจึงเริ่มทำเป็นมณฑลแรกๆ
“ยิ่งไปกว่านั้นหม่อมฉันก็คิดถึงฮองเฮาด้วย เช่นนี้เอง…พอมาถึงเมืองหลวงจึงมิได้ไปพบใคร รุดตรงมาประตูวังทันที” ชวีหลิงจวินเอ่ยเสริมปนยิ้ม
เฉิงเซ่าซางมองช่วงท้องของอีกฝ่ายอย่างเป็นกังวล “ความจริงฮูหยินคลอดบุตรเสร็จค่อยมาก็ได้ ฮองเฮาทรงหนีหายไปไม่ได้เสียหน่อย”
วาจานี้พอกล่าวออกมา บรรดาฮูหยินก็พากันยิ้มขัน
องค์หญิงรองยิ้มเอ่ย “เพียงฟังเท่านี้ก็รู้ว่าเป็นคำพูดของแม่นางที่ยังไม่ออกเรือน”
ฮูหยินผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างกายเซวียนโหวฮูหยินป้องปากหัวเราะเบาๆ “รอจนคลอดบุตรเสร็จ ก็ไม่ใช่ช่วงที่ผู้ว่าการเหลียงกลับเมืองหลวงมารายงานตามหน้าที่แล้วน่ะสิ”
เฉิงเซ่าซางเพิ่งจะกระจ่างแจ้ง…ผู้อื่นเขาอยากเดินทางพร้อมกันสามีภรรยา
ชวีหลิงจวินกระแอมเบาๆ สองหนเป็นการกลบเกลื่อน จากนั้นชูจอกคารวะเยวี่ยฮองเฮา ขอบคุณที่อีกฝ่ายห่วงใยดูแลนางมาหลายปี จอกที่สองนางคารวะเฉิงเซ่าซาง ขอบคุณที่ตอนนั้นล้างมลทินแทนนางโดยไม่หวั่นเกรงความเหนื่อยยาก
องค์หญิงสามปากว่างเป็นไม่ได้ “…เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณคุณชายสิบเอ็ดด้วยสิ อืม น่าเสียดายตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่”
เฉิงเซ่าซางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน รีบหันเหประเด็นไปสนทนาสัพเพเหระกับชวีหลิงจวินแทน “นับรวมท้องนี้ ท่านกับผู้ว่าการเหลียงมีบุตรด้วยกันสองคนแล้วหรือนี่”
ชวีหลิงจวินขวยเขิน ตอบเสียงเบา “ปีแรกที่แต่งงานคลอดบุตรชายไปหนึ่งคน สองปีก่อนได้บุตรสาวอีกหนึ่งคน”
“ห้าปีอุ้มลูกสาม ผู้ว่าการเหลียงเก่งกาจไม่เบาทีเดียว” เฉิงเซ่าซางสะกดอารมณ์ยั่วเย้าไว้ไม่อยู่
ชวีหลิงจวินสุดจะข่มความสะเทิ้นอาย รีบแก้ต่างสุดกำลัง “ความจริงเฉพาะท้องแรกที่พวกเราสามีภรรยาตั้งใจจะมี ส่วนสองท้องหลังล้วนไม่ทันระวัง…ใต้เท้าผู้ว่าการบอกว่ารอจนคลอดท้องนี้แล้วจะให้ข้าบำรุงดีๆ…”
เฉิงเซ่าซางทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งที่จริงตนฟังรู้เรื่องเสียแล้ว ใบหูจึงร้อนวูบวาบอยู่บ้าง…อายุตั้งปูนนี้ เอะอะก็ยัง ‘ไม่ทันระวัง’ อีก จำเป็นจะต้องดุเดือดถี่รัวเพียงนี้เชียวหรือ ทำเหมือนห้องแถวเก่าติดไฟไปได้