ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 7 บทที่ 163 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 7 บทที่ 163

ในอดีตนางเคยหมายมั่นจะสร้างเนื้อสร้างตัว ยืนหยัดบนลำแข้งของตนเอง เพียรพยายามจะมีชีวิตที่เป็นโล้เป็นพายให้เซียวฮูหยินได้เห็นอย่างแรงกล้ามากเพียงใด ทว่าหลายปีล่วงผ่านไปในพริบตา โหลวเหยากับเหอเจาจวินอาจมีบุตรคนที่สามแล้วด้วยซ้ำ นางกลับยังคงพัวพันกับอดีตคู่หมั้นคนที่สองไม่เลิกรา จริงดังคำว่าความใฝ่ฝันกับความเป็นจริงนั้นมีระยะห่าง ระหว่างเส้นทางที่เต็มไปด้วยตลกร้ายนี้ แผนชีวิตที่นางคิดไว้ดิบดีจึงมีอันล้มเหลวกลางคันอยู่ร่ำไป

“ข้าไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเจ้าเลย ช่วงนั้นข้าได้ข่าวบริวารเก่าของสกุลฮั่ว นึกว่าจะกำจัดสกุลหลิงทั้งตระกูลได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ ข้าจึงได้บังเกิดความคิดที่จะแต่งงานกับเจ้า” ฮั่วปู้อี๋กล่าว

เฉิงเซ่าซางแย้งอย่างโมโห “ท่านจะรอจนกำจัดหลิงอี้ได้แล้วจริงๆ ค่อยมาหาข้าไม่ได้หรือไร!”

“ข้ารอไม่ไหวแล้ว” ฮั่วปู้อี๋หลุบตาลง “คนเรามักเป็นเยี่ยงนี้เอง สิ่งที่ในใจเฝ้าฝันมาช้านาน หากไม่มีความหวังโดยสิ้นเชิงก็แล้วไปเถิด ทว่าขอเพียงมีความหวังผุดขึ้นมาแม้เพียงรำไรก็จะทนรอต่อไปไม่ไหวอีก”

เฉิงเซ่าซางรู้สึกว่าตนดวงตกมาแปดชาติแท้ๆ นางตั้งท่าจะลุกขึ้น “ท่านพูดจบหรือยัง พูดจบแล้วข้าจะได้ไป”

“ยังมีอีก…” ฮั่วปู้อี๋ยุดมือนางไว้ ครั้นพบว่าปลายนิ้วนางมีรอยเลือดซึม เขาก็มุ่นคิ้วกล่าว “เมื่อก่อนเจ้าไม่ชอบไว้เล็บนี่”

“ไม่ไว้เล็บจะทาสีเล็บได้อย่างไรเล่า!” เฉิงเซ่าซางเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนต้องพูดเรื่องนี้

“เมื่อก่อนเจ้าก็ไม่ชอบสีทาเล็บ” ฮั่วปู้อี๋ดึงพานางมานั่งลงตรงหน้าเขา ตำหนักในห้ามพกของมีคม เขาจึงทำได้เพียงช่วยแคะเศษเล็บออกให้นางจนหมด ก่อนโรยผงยาบนปลายนิ้วทุกนิ้ว

เฉิงเซ่าซางยื่นมือปล่อยให้เขาใส่ยา พิศมองจากมุมนี้ สันจมูกของเขาโด่งสูง ขนตาก็ยาวหนา ชักพาให้นางพลันว้าวุ่นใจ “ยังมีอะไรอีก ท่านพูดมารวดเดียวเสียเลย ข้าชักช้าไม่กลับเข้างานเลี้ยงเสียทีคงไม่ได้”

ฮั่วปู้อี๋ชะงักเล็กน้อยก่อนกล่าว “ลั่วจี้ทงไม่ใช่คนดี หากนางเขียนจดหมายหรือพูดอะไรกับเจ้า เจ้าก็อย่าไปเชื่อ”

เฉิงเซ่าซางตระหนกวูบ “อะไรนะ!” นางเพียงรู้สึกว่าลั่วจี้ทงความประพฤติไม่ดีเท่าไร แต่หากฮั่วปู้อี๋บอกว่าใครสักคน ‘ไม่ใช่คนดี’ คนผู้นั้นก็ต้องก่อเรื่องใหญ่มาเป็นแน่

ฮั่วปู้อี๋เงยหน้าตอบ “ตอนนั้นคนที่ฆ่าสาวใช้นามชุนเถียวไม่ใช่องค์หญิงห้า เป็นลั่วจี้ทงต่างหาก มิผิด นางก็มีส่วนร่วมในการให้ร้ายเจ้า ข้าสงสัยว่าอุบายให้ร้ายเจ้า นางก็เป็นคนเสนอ องค์หญิงห้าไม่มีอุบายดีเช่นนี้หรอก”

เฉิงเซ่าซางอ้าปากนิดๆ

“ยังมีอีก การตายของจย่าชีหลางอดีตสามีนาง นางก็สลัดความเกี่ยวข้องไม่พ้น สรุปคือ…เจ้าต้องระวังคนผู้นี้”

เฉิงเซ่าซางขนอ่อนลุกชัน ร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ในเมื่อท่านรู้ทุกสิ่ง เหตุใดยังคิดจะแต่งกับนางอีก!”

ฮั่วปู้อี๋คลี่ยิ้มน้อยๆ “ข้าไม่ได้คิดจะแต่งกับนาง ข้าเพียงใช้นางเป็นตัวหลอก หาไม่ห้าปีมานี้ฝ่าบาทกับรัชทายาทมีหรือจะปล่อยให้ข้าอยู่ชายแดนอย่างสงบ”

“ก็ถูกของท่าน” เฉิงเซ่าซางผงกศีรษะ ก่อนจะพลันอุทาน “อ๊ะ ไม่ถูกสิ! ตัวหลอกไม่อาจใช้ไปชั่วชีวิตเสียหน่อย ต่อให้ท่านไม่แต่งกับลั่วจี้ทงก็ต้องแต่งกับใครอื่นสักคนอยู่ดี มัวเสียเวลากับสตรีที่มีความประพฤติชั่วร้าย ก็มิสู้ตั้งใจหากุลสตรีจิตใจงามสักคนจะดีกว่า…”

นางมองนัยน์ตาอันสงบนิ่งลุ่มลึกของเขา หัวใจก็ให้สะท้านวูบ “นี่ท่านจงใจ! ท่านไม่คิดจะแต่งภรรยาโดยสิ้นเชิง ทะ…ท่าน…วันข้างหน้าล้วนจะไม่แต่งงาน?!” นางเดาสาเหตุออก แต่ไม่กล้าเดาเจตนาของเขา

“ท่านเสียสติไปแล้ว สกุลฮั่วรอท่านสืบสกุลอยู่นะ ขืนท่านกล้าเดียวดายไปทั้งชาติ ฝ่าบาทได้เสวยท่านเป็นๆ แน่!” นางกดเสียงพูดให้เบาลง ตกตะลึงพรึงเพริดเกินกว่าจะพูดต่อไปได้

ฮั่วปู้อี๋ไม่ยี่หระแม้แต่น้อย ทั้งยังผลิรอยยิ้มที่ทำให้โลกนี้สดใส

เฉิงเซ่าซางขอบตาเปียกชื้น โน้มน้าวเขาเสียงนุ่มนวล “ท่านปลงตกสักหน่อยไม่ได้หรือ อดีตผ่านพ้นไปแล้ว พวกเราต่างคนต่างแยกย้าย ไปมีครอบครัวให้กำเนิดบุตร รออีกสักสิบกว่าปียี่สิบปีผ่านไป สหายเก่ามารวมตัวกัน พูดคุยยิ้มหัว ไม่ใช่ดีงามหรือไร” หากเขาโดดเดี่ยวตัวคนเดียว อ้างว้างลำพังไปทั้งชีวิต นางจะทำเช่นไรเล่า จะให้ทนมองเยี่ยงนี้น่ะหรือ

ฮั่วปู้อี๋โอบรั้งแผ่นหลังอันแบบบางพานางมากอดไว้แนบแน่น เอ่ยเสียงอู้อี้ “ข้าจะไม่เป็นสหายเก่ากับเจ้า พวกเราจะเป็นสามีภรรยาจวบจนวันที่แก่เฒ่า”

เฉิงเซ่าซางสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่แผ่พุ่งมา จากนั้นศีรษะอันอุ่นร้อนก็ซุกซบเข้ามาในซอกคอนาง รอบกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันหมดจดของชายหนุ่ม แทรกปนกลิ่นหอมสมุนไพรที่คุ้นเคย กับคาวโลหิตที่ให้กลิ่นคล้ายสนิม

นางหลั่งน้ำตาโดยไร้เสียง ก่อนจะทำใจเหี้ยมออกแรงผลักไสเขาไป นางยืนยืดกายตรง แล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “ท่านคิดจะแต่งภรรยาก็เชิญแต่งภรรยา คิดจะแต่งกับผู้ใดก็เชิญแต่งกับผู้นั้น ไม่เกี่ยวกับข้าแม้เพียงน้อยนิด! ถ้อยคำพูดหมดสิ้นแล้ว ข้าต้องขอตัว”

ฮั่วปู้อี๋คว้าร่างนางไว้ในคราวเดียว เขาคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น รัดช่วงเอวอรชรไว้อย่างแน่นหนาพลางเอ่ยวิงวอน “เจ้าโปรดอย่าใจร้ายเช่นนี้เลย เมื่อห้าปีก่อนข้าผิดต่อเจ้า ผู้อื่นไม่รู้ ทว่าข้ารู้ดี…แต่ไรมาเจ้าไม่ยอมเชื่อใจผู้อื่นและไม่ยินดีจะพึ่งพาผู้ใด เป็นข้าบังคับให้เจ้าเปิดใจยอมรับข้าเอง รอจนเจ้ามอบหัวใจทั้งดวงยินดีจะใช้ชีวิตร่วมกับข้า ข้ากลับสละเจ้าไป…”

เฉิงเซ่าซางหลั่งน้ำตาอีกครา หัวใจที่ตกสะเก็ดแล้วบัดนี้ถูกฉีกจนเกิดรอยร้าวอีกสาย

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com