บทที่ 88
แต่ไรมาแม่สามีกับลูกสะใภ้ก็มีความสัมพันธ์ซับซ้อน นับประสาอะไรกับแม่เลี้ยงของสามีอย่างฉุนอวี๋ซื่อเล่า เดิมทีเฉิงเซ่าซางยังกังวลว่าวันหน้าจะอยู่ร่วมกันเช่นไร แต่เมื่อวานหลังจากได้พบฮั่วจวินหวา นางก็เปลี่ยนความคิดแล้ว นางมิเพียงไม่คิดจะปรนนิบัติฉุนอวี๋ซื่ออีก ยังคิดจะหลุดพ้นจากอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ด้วย…
ขั้นแรก…เริ่มจากยั่วโทสะฉุนอวี๋ซื่อ ยิ่งหยาบคายยิ่งดี จากนั้นฉุนอวี๋ซื่อก็จะไปฟ้องหลิงโหว หรือถึงขั้นไปโพนทะนาข้างนอก
ขั้นที่สอง…พิเคราะห์ว่าผู้ดำเนินแผนมีรูปลักษณ์เป็นดอกบัวขาวที่บอบบางชวนถนอม ย่อมสามารถร่ำไห้ร้องทุกข์ไปทั่วว่าฉุนอวี๋ซื่อปั้นน้ำเป็นตัวกลั่นแกล้งตน
ขั้นที่สาม…ปลุกปั่นตามจำเป็น สามารถกุเรื่องว่าแม่เลี้ยงมีเจตนาร้ายเคลือบแฝงต่อบุตรชายคนโตสายเลือดภรรยาคนแรก เพื่อให้ผู้คนได้สำแดงจินตนาการกันต่อ
ผลลัพธ์แรก…ขั้นต่ำสุดคือหลิงปู้อี๋แม้รู้อยู่เต็มอกก็ยังมีความสุขยิ่งที่จะหนุนหลังผู้ดำเนินแผน ขั้นสูงสุดคือฮ่องเต้เดือดดาลหนัก ชำระทั้งแค้นเก่าแค้นใหม่กับฉุนอวี๋ซื่อพร้อมๆ กัน
ผลลัพธ์ที่สอง…ฉวยจังหวะยุติ ‘การอยู่ร่วมกันฉันแม่สามีกับลูกสะใภ้’ ที่กำลังจะมาถึง ต่อไปทุกคนเป็นเช่นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง
***
ผู้อำนวยการสร้าง : เฉิงเซ่าซาง
ผู้ดำเนินแผนหลัก : เฉิงเซ่าซาง
ผู้ช่วยดำเนินแผน : หัวหน้าเซียว หลิงปู้อี๋
ผู้สนับสนุนหลังฉาก : หลิงปู้อี๋ ฮ่องเต้ ฮองเฮา ฯลฯ
กลุ่มผู้กินแตงกับเหล่าหน้าม้า : ท่านพ่อเฉิงกับคณะญาติมิตร สามารถพิจารณาจัดบทตามระดับทักษะของแต่ละบุคคล
รายละเอียดทั้งหมดดังข้างต้นนี้
ทว่ากลอุบายไม่ใช่การคำนวณ ไม่มีทางจะเหมาะเจาะไปทุกอย่างเหมือนใส่สูตรคำนวณไว้ ไม่ทันรอให้เฉิงเซ่าซางคิดออกว่าจะจบเรื่องนี้อย่างไร ก็ได้เจอฮ่องเต้ที่เพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จในตำหนักฉางชิวก่อน
ขณะนี้ฮองเฮากำลังจัดแต่งฉลองพระองค์กับสายคาดหยกให้ฮ่องเต้ ครั้นเห็นแม่นางน้อยที่ก้มหน้าสงบเสงี่ยมดุจนกกระทา ฮ่องเต้ก็ขมวดคิ้วกล่าวทันใด “ไฉนเราไม่พบเห็นเจ้าตั้งหลายวัน ทีแรกฮองเฮาบอกว่าทุกสิบวันให้หยุดได้หนึ่งวันมิใช่หรือ นี่หยุดไปตั้งกี่วันแล้ว อืม เราจำได้ว่าวันหยุดของเจ้าคือ…เมื่อสี่วันก่อนกระมัง”
เฉิงเซ่าซางลอบทอดถอนใจ ไม่รู้ฮ่องเต้เป็นอย่างไร คงเทศนาข้าจนติดอกติดใจไปแล้ว ผ่านทางมาเป็นต้องเทศนาประจำวันหนึ่งยก ไม่ผ่านทางวกอ้อมมาก็ต้องเทศนาของวันก่อนหนึ่งยก หรือว่าข้าดูไม่เข้าทีถึงเพียงนั้น?
“ทูลฝ่าบาท ที่ตรัสมาถูกต้องตรงเผงเลยเพคะ วานซืนของวานซืนหม่อมฉันพักผ่อนอยู่ที่บ้าน”
“แล้วถัดมาเล่า” เมื่อได้ยินคำว่า ‘วานซืนของวานซืน’ ฮ่องเต้ก็เพียรข่มมุมปากไว้ไม่ให้โค้งขึ้น
เฉิงเซ่าซางตอบ “เมื่อวานของวานซืน…บ้านหม่อมฉันจัดงานฉลองหมั้นเพื่อใต้เท้าหลิงมิใช่หรอกหรือ ท่านพ่อเชิญญาติสนิทมิตรสหายมามากมายเลยเชียว” ท่านลุงหน้าเหม็น หลายวันก่อนตัวท่านเองยังมอบสุรามาตั้งเยอะแยะ ท่านลืมแล้วหรือ!
“เหตุใดงานฉลองหมั้นไม่จัดวันเดียวกับวันหยุดของเจ้าเล่า” ฮ่องเต้เน้นเสียง จงใจปั้นคิ้วตาดุดัน ส่งผลให้ฮองเฮาออกแรงรัดสายคาดเอวของพระองค์หนึ่งที
“เพราะ…เพราะว่า…งานฉลองหมั้น ตะ…ต้อง…ต้องเตรียมการเพคะ” แน่นอนว่าเพื่อจะพักเพิ่มอีกหนึ่งวันน่ะสิ ต่างเป็นคนในยุทธภพเดียวกัน ท่านลุงฮ่องเต้จำเป็นต้องเคร่งครัดเพียงนี้ด้วยหรือ
“งานฉลองหมั้นนั้นเจ้าเป็นคนจัด?” ฮ่องเต้เดินหน้ากลั่นแกล้งต่อ
“มะ…ไม่ใช่เพคะ คือว่า…หม่อมฉันช่วยเป็นลูกมือเล็กๆ น้อยๆ ที่สำคัญคือดูให้มาก เรียนให้มาก เพื่อเพิ่มพูนความรู้”
ฮ่องเต้หลุบคิ้วหรี่ตา สีหน้าขึงขัง “คราวก่อนโหลวกับเฉิงสองสกุลหมั้นหมาย เจ้าไม่ได้ดูไม่ได้เรียนเลยหรือ ไฉนมาหนนี้ยังไม่อาจจัดงานด้วยตนเองอีก”
มือฮองเฮาออกแรงกระตุกดึงสายคาดหยก รัดเสียจนอาหารเช้าของฮ่องเต้เกือบจะขย้อนออกมา
ใบหน้าเฉิงเซ่าซางเขียวคล้ำแล้ว “เอ่อ…มะ…หม่อมฉัน…คือว่าการเรียนรู้ไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งเรียนมากก็ยิ่งค้นพบว่าแท้จริงแล้วหม่อมฉันยังไม่รู้ความ ดังนั้นจึงต้องหมั่นดูหมั่นเรียนอีกหลายๆ ครั้ง แหะๆ…”
ฮ่องเต้สูญเสียบิดามารดาไปแต่เล็ก กระนั้นอุปนิสัยยังคงสดใสร่าเริงอยู่ น่าเสียดายภายหลังเข้าร่วมช่วงชิงแผ่นดิน ตลอดทางเต็มไปด้วยอุปสรรคภยันตรายกับภูเขาศพทะเลโลหิต เมื่อขึ้นครองราชย์ยิ่งต้องเป็นแบบอย่างของผู้คนทั่วหล้า มีเพียงยามอยู่ต่อหน้าสหายเก่าแก่ส่วนน้อยไม่กี่คนที่ยังพอจะพูดเล่นกันได้บ้าง มาคิดๆ ดู หลายปีมากแล้วที่พระองค์ไม่ได้หยอกใครสนุกๆ เช่นนี้