ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 4 บทที่ 88 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 4 บทที่ 88

ฮองเฮาชำเลืองมองเฉิงเซ่าซางปราดหนึ่งก่อนเอ่ย “ข้าเชื่อมั่นในตัวเซ่าซางเสมอมา คิดว่านางไม่ถึงกับทำเช่นนี้แน่…”

“ฮองเฮา! ข้าผู้เฒ่ากล้าสาบานต่อฟ้า!” ชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าแผดสุดเสียงจนน้ำลายกระเซ็น

ผู้คนยุคนี้เชื่อเรื่องผีสางเทวดาอย่างยิ่ง ท่าทีของฮองเฮาอ่อนลงทันตา พลิกความคิดเอ่ยว่า “เรื่องในครอบครัวเช่นนี้ ยังคงเชิญเยวี่ยเฟยมาร่วมพิจารณาจะดีกว่า”

“ฮองเฮา!” ชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าจงใจเอ่ยเน้นทีละคำ “ทรงเป็นถึงประมุขของหกตำหนักใน เรื่องเล็กๆ แค่ลงโทษผู้เยาว์ ยังต้องไถ่ถามชายาตำหนักในผู้หนึ่งเชียวหรือ!”

ไจ๋เอ่าทนไม่ไหว จึงเอ่ยปากแย้ง “ฮองเฮาทรงอยากเชิญผู้ใดก็จะเชิญผู้นั้น ชายาอ๋องผู้หนึ่งไม่แคล้วเหยียดมือเข้ามายาวเกินไปกระมัง”

“หญิงแก่ชั้นต่ำกำเริบนัก!” ชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าตวาดลั่น ท่าทีดุร้ายไม่ธรรมดา “ผู้สูงศักดิ์พูดคุยกัน ถึงคราวให้บ่าวเยี่ยงเจ้าสอดปากตั้งแต่เมื่อไร ฮองเฮาทรงปล่อยปละเช่นนี้นี่เอง บ่าวพรรค์นี้สมควรจะตบปากให้หนักๆ!”

ท่าทีดุดันเปี่ยมอำนาจของหญิงชราช่างน่าตระหนก กระนั้นในใจเฉิงเซ่าซางกลับยังลอบให้กำลังใจ หวังว่าอีกฝ่ายจะเดินหน้ารนหาเรื่องตายต่อไป

ใบหน้าฮองเฮาดุจฉาบเกล็ดน้ำค้าง มีเพียงลมหายใจซึ่งถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย แสดงออกถึงโทสะในใจนาง นางพลันเอ่ยขึ้นว่า “เซ่าซาง ต่อหน้าพระชายากับหลิงโหวฮูหยินนี้ เจ้ามีถ้อยคำใดล้วน ‘เปล่งวาจา’ ได้อย่างเต็มที่”

ครั้นประโยคนี้กล่าวออกมา ดวงตาของเฉิงเซ่าซางก็ลุกวาว

ฉุนอวี๋ซื่อหน้าเปลี่ยนสี นางเคยรับการชี้แนะวิชาตามรังควานของเฉิงเซ่าซางมาก่อน ผิดกับชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าที่ยังคงตะเบ็งเสียง “ฮองเฮา ข้าผู้เฒ่าอุตส่าห์พาเจ้าทุกข์มาแล้ว ทรงรีบๆ ลงโทษเด็กนี่เป็นใช้ได้ ยังจะให้เด็กคนหนึ่งมาต่อปากต่อคำกับข้าผู้เฒ่าหรือไร!”

“โอ๊ะ ชายาผู้เฒ่าวางก้ามใหญ่โตจริงเชียว! ผู้ที่รู้ย่อมเข้าใจได้ว่าท่านถูกโทสะจู่โจมหัวใจจนใช้คำไม่เลือก แต่ผู้ที่ไม่รู้อาจนึกว่าท่านต่างหากที่เป็นประมุขแห่งใต้หล้า ผู้นำของหกตำหนักใน” เฉิงเซ่าซางเดินเนิบนาบขึ้นหน้าไปสองสามก้าว ก่อนนั่งคุกเข่าเบื้องหน้าทางขวาของฮองเฮา

“นางเด็กต่ำช้าพูดอะไรของเจ้า!” ชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าชี้หน้าเฉิงเซ่าซางพลางด่ากราด

เฉิงเซ่าซางเอ่ย “ฮองเฮาดำริจะเชิญเยวี่ยเฟยมา ท่านไม่ยินยอม ฮองเฮาทรงหมายไถ่ถามเพิ่มสองประโยค ท่านก็จะให้ฮองเฮาทรงลงโทษข้าทันที โอ้ ท่านเก่งกาจกว่าฝ่าบาทมากทีเดียว ฝ่าบาททรงมีปรึกษามีหารือกับฮองเฮาเสมอ มีท่าทีน่าเกรงขามเช่นท่านเสียเมื่อไร บ่ายวันนี้จะมีบัณฑิตหญิงสูงวัยผู้รอบรู้ท่านหนึ่งมาชี้แนะธรรมเนียมมารยาทให้ข้าต่อ ไว้ข้าจะสอบถามนางดูสักหน่อย ไม่รู้ว่ากิริยาเยี่ยงชายาผู้เฒ่านี้ถูกธรรมเนียมมารยาทหรือไม่!”

ชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าหน้าแดงซ่านทันตา

“อ้อ ข้าลืมพูดไป บัณฑิตหญิงสูงวัยท่านนี้มีญาติผู้น้องทำงานในสังกัดของหัวหน้าผู้ตรวจการด้วยนะเจ้าคะ” เฉิงเซ่าซางจับจ้องหนังหน้าชราสีแดงดุจตับหมูนั้น ในใจให้สาสมอย่างยิ่ง

เรื่องวันนี้พูดให้เล็กเป็นเพียงเรื่องในราชวงศ์ แต่หากแพร่ไปถึงราชสำนัก ย่อมดึงดูดผู้คนซึ่งไม่ต่างจากฝูงหนอนแมลงวันที่สูดได้กลิ่นคาวเลือดในทันที ต่อให้ชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าถือดีว่าศักดิ์สูงอาวุโส ก็ไม่ปรารถนาจะตีถูกระฆังใบนี้จนเกิดเสียงดังไปทั่ว

“ล้วนเป็นเพราะหม่อมฉันไม่ดีเอง” ฉุนอวี๋ซื่อที่บิดผ้าเช็ดหน้าสะอื้นไห้มาโดยตลอดพลันเอ่ยปาก “พระชายาผู้เฒ่าหมายเป็นปากเป็นเสียงแทนหม่อมฉัน ด้วยอารามฉุนเฉียวจึงได้เอ่ยคำไม่กลั่นกรอง ขอฮองเฮาโปรดอภัยด้วยเถิดเพคะ!” นางกล่าวพลางโขกศีรษะติดๆ กัน ไม่ทันไรหน้าผากก็บวมแดง

ฮองเฮาเบือนหน้าหนี ได้แต่เอ่ยว่า “อภัยโทษให้เจ้า”

แววตาฉาบพิษของชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่ากวาดไปทางเฉิงเซ่าซาง “น้ำคำร้ายกาจนักนะ มากเล่ห์เพทุบาย ลิ้นยาวปากคมจริงเสียด้วย หลิงโหวฮูหยินถูกเจ้าลบหลู่ไปหนหนึ่งแล้ว เจ้ารู้ผิดหรือไม่!”

“รู้ผิดอันใดหรือเจ้าคะ ข้าไม่เคยกล่าวถ้อยคำลบหลู่หลิงโหวฮูหยินมาก่อน” เฉิงเซ่าซางท้วง

“ข้าผู้เฒ่ากล้าสาบาน…”

“ท่านสาบานมีประโยชน์อันใดเล่า ท่านไม่อยู่ในเหตุการณ์เสียหน่อย ไม่ได้เห็นไม่ได้ยิน เพียงอาศัยวาจาข้างเดียวของหลิงโหวฮูหยิน ไม่แน่นะ ท่านเองก็อาจถูกตบตาเช่นกัน” คำหักล้างระดับนี้ เฉิงเซ่าซางกล่าวได้โดยไม่ต้องผ่านสมองด้วยซ้ำ

ชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าอับจนถ้อยคำไปชั่วขณะ ฉุนอวี๋ซื่อจึงรีบโผขึ้นหน้ามากล่าวกับฮองเฮา “หม่อมฉันก็กล้าสาบานเพคะ ขอสาบานด้วยชีวิตของหม่อมฉันเอง วันนั้นเฉิงเซ่าซางพูดลบหลู่หม่อมฉันสารพัด ถ้อยคำสกปรกโสมมจริงแท้แน่นอน”

“คำสาบานของท่านเชื่อไม่ได้เด็ดขาด” เฉิงเซ่าซางเสียงเบาพลิ้ว “ผู้ที่มีความประพฤติเยี่ยงท่าน ย่อมไม่วางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ในใจ”

ลมเฮือกหนึ่งติดคาอยู่ในลำคอของฉุนอวี๋ซื่อ นางไม่อยากให้ถกประเด็นความประพฤติของตนต่อ จึงได้แต่ร้องบอกฮองเฮาเสียงดัง “ตอนนั้นหม่อมฉันพาสาวใช้ไปด้วยสองคน พวกนางเป็นพยานได้เพคะ!”

เฉิงเซ่าซางผลิยิ้ม “ตายจริงฮูหยิน ท่านทำดีเสียบ้างเถิด สาวใช้สองคนนั้นเป็นท่านจ่ายเงินซื้อหามา มิใช่ท่านว่าอย่างไรก็ต้องว่าตามนั้นหรือ หากเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็สามารถเรียกบ่าวในจวนสกุลเฉิงมายืนยันว่าวันนั้นท่านมีเจตนาไม่ซื่อ หมายให้ข้าใส่สิ่งปนเปื้อนบางอย่างลงในอาหารของใต้เท้าหลิง ทำให้เขาจากไปโดยไร้ผู้สืบทอด ภายหน้าทรัพย์สินมหาศาลของเขาย่อมตกเป็นของบุตรชายท่านทั้งหมดมิใช่หรือไร อย่าว่าแต่สาวใช้สองคนเลย ต่อให้ยี่สิบคนข้าก็หามาเป็นพยานให้ท่านดูได้…ว่าอย่างไรเล่า”

วาจาเล่นลิ้นเลื่อนเปื้อนไปเรื่อยเยี่ยงนี้พอพูดออกมา อย่าว่าแต่ชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่ามึนงงอยู่บ้าง ฉุนอวี๋ซื่อที่โกรธจนลมจุกอกแทบจะทะลักล้นก็ยังทำได้เพียงชี้มือไปทางเฉิงเซ่าซาง “จะ…เจ้า…เจ้าเด็กปลิ้นปล้อน!”

ไม่ง่ายเลยกว่าฉุนอวี๋ซื่อจะหายใจหายคอคล่องขึ้น นางรีบคุกเข่าหลั่งน้ำตาร้องทุกข์ทันที “ฮองเฮาเพคะ คำกล่าวยัดเยียดข้อหาของแม่นางเฉิง หม่อมฉันมิกล้ารับเป็นอันขาด วาจาเหล่านี้มิเพียงไม่อาจพูด แม้แต่คิดหม่อมฉันก็ไม่เคยคิด หากวาจาเหล่านี้แพร่ออกไปแม้เพียงนิด หม่อมฉันคงยากจะหยัดยืนเบื้องหน้าผู้คนอีก! ขอฮองเฮาทรงวินิจฉัย หากมิอาจคืนความบริสุทธิ์แก่หม่อมฉัน หม่อมฉันขอยอมตายเสียดีกว่าเพคะ!”

ฮองเฮามีสีหน้าลำบากใจ ขณะจะอ้าปากเอ่ยวาจาไกล่เกลี่ย เฉิงเซ่าซางก็รีบชิงกล่าวกับชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่า “พระชายาโปรดวินิจฉัย หากข้าเองก็กล้าสาบานว่าหลิงโหวฮูหยินมีใจคิดร้ายต่อใต้เท้าหลิงจริง ท่านจะผดุงความยุติธรรม ลงโทษหลิงโหวฮูหยินสถานหนักเช่นกันหรือไม่”

ชายาหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าอดไม่ได้ที่จะกระถดถอยเล็กน้อย เรื่องในอดีตนางถามใจตนเองแล้ว ไม่กล้าพูดเช่นกันว่าฉุนอวี๋ซื่อไร้ความเห็นแก่ตัวแม้สักนิด ดังนั้นคำรับรองนี้นางไม่กล้าเปล่งออกมาจริงๆ จึงได้แต่เอ่ยเฉไฉ “เจ้ายังจะสาบานอันใด เมื่อครู่หลิงโหวฮูหยินก็สาบานแล้ว ไฉนเจ้าไม่ยอมรับ!” นางพักหายใจชั่วครู่ ก่อนผ่อนน้ำเสียงให้นุ่มนวล “เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อย บังเอิญพูดผิดก็เป็นไปได้ ผู้อาวุโสมีหรือจะถือสาหาความกับเจ้า แค่รับผิดแต่โดยดี เรื่องนี้ก็ให้ผ่านพ้นไป ดีหรือไม่เล่า”

เฉิงเซ่าซางยิ้มเยาะ คิดในใจว่า เจ้ากล่อมเด็กสามขวบอยู่สินะ เมื่อใดที่ข้ารับผิด บทลงโทษถัดจากนั้นไม่ถูกพวกเจ้าช่วยกันป่วนหรือ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com