บทที่ 1-1 แม่นางไม่สำรวมตัว
“หลังจากนั้นเล่า พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเป็นอย่างไรต่อ”
ภายในห้องโถงใหญ่ของโรงน้ำชาคลาคล่ำไปด้วยแขกเหรื่อ ดวงตาคู่แล้วคู่เล่าของบุรุษและสตรีจับจ้องอยู่ที่อาจารย์เมิ่งยางนักเล่านิทานผู้หล่อเหลาซึ่งยืนอยู่ตรงกลาง ทว่าช่วงเวลาตื่นเต้นนี้เขากลับดื่มน้ำชาอย่างเนิบนาบเชื่องช้า ยั่วให้ทุกคนอยากรู้ต่อ
“ท่านก็รีบเล่าสิ”
มีคนหนึ่งพูดขึ้น ก็ย่อมมีคนที่สองส่งเสียง ทันใดนั้นในห้องโถงใหญ่พลันเกิดเสียงดังอึกทึก
เมิ่งยางวางถ้วยชาลง แล้วค่อยเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน “หลังจากเง็กเซียนฮ่องเต้ทราบเรื่องเข้าก็พรากคู่รักคู่นี้จากกันทันที ลบความทรงจำของเซียนจิ้งจอกทิ้งและเนรเทศลงไปยังโลกมนุษย์ ส่งเทพธิดาไปอยู่ที่ยมโลก เนรเทศเซียนจิ้งจอกลงไปยังโลกมนุษย์ พวกท่านรู้หรือไม่ว่าในภายหลังพวกเขากลายเป็นใคร”
บรรดาแขกในโรงน้ำชาไม่คิดจะคาดเดากันเลยแม้แต่น้อย พากันโห่ร้องบอกให้เขารีบเฉลยโดยเร็ว
เมิ่งยางโบกมือเบาๆ รอกระทั่งทุกคนเงียบเสียงลงถึงค่อยเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “คนหนึ่งกลายเป็นยายเมิ่งอยู่ที่ยมโลก ส่วนอีกคนก็กลายเป็นเฒ่าจันทรา”
“นะ…นี่มันอันใดกัน”
ทุกคนไม่ยอมรับกับคำตอบนี้ ซักไซ้ไล่ถามไม่ยอมหยุด แต่เมิ่งยางก็ยังคงมีท่าทีผ่อนคลายสบายอุรา ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับคำซักไซ้ของทุกคน เขาจิบน้ำชาหนึ่งอึกให้ชุ่มคอ ลูบหนวดเคราที่ไม่มีอยู่จริงเล็กน้อยแล้วถึงค่อยกล่าวต่อไปว่า “คนหนึ่งถูกพันธนาการด้วยความรัก ใช้น้ำตาหมักบ่มเป็นน้ำแกงยายเมิ่ง ดื่มลงท้องไปหนึ่งถ้วยก็จะลืมเลือนเรื่องราวในอดีตกาล ส่วนอีกคนก็เฝ้าเสาะหาความรัก ดูแลสมุดบันทึกชะตารัก ด้ายแดงหนึ่งเส้นพันผูกบุพเพนับพัน…เป็นการชดใช้อย่างไรเล่า”
ทุกคนเข้าใจกระจ่างแจ้งขึ้นมาในทันใด ต่างก็พากันทอดถอนใจ รู้สึกว่าสวรรค์เบื้องบนพรากคู่รักออกจากกันแต่กลับมาทำเช่นนี้ ช่างขัดแย้งเสียเหลือเกิน
แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเรื่องราวจบสมบูรณ์แล้ว เมิ่งยางกลับพูดขึ้นอีกครา “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าภายหลังยายเมิ่งก็ถูกเนรเทศลงไปยังโลกมนุษย์เช่นกัน”
“นี่มันเพราะเหตุใดกัน”
“เพราะว่านางไม่ยอมลืม ดังนั้นสวรรค์จึงให้นางเข้าสู่สังสารวัฏ ทำให้นางลืมเลือนครั้งแล้วครั้งเล่า ให้นางพานพบกับเซียนจิ้งจอกครั้งแล้วครั้งเล่า น่าเสียดายที่ถึงแม้จะได้พบเจอแต่ก็จำกันไม่ได้”
“ต่อมาเล่า” ฝูงชนรีบร้อนเอ่ยถามอย่างห้ามไม่อยู่ ถลำเข้าสู่เรื่องราวโดยสมบูรณ์
“ต่อมาน่ะหรือ…”
“น่าเบื่อ”
เสียงท้ายประโยคที่เมิ่งยางจงใจลากให้ยาวขึ้นถูกเสียงดังกังวานเสียงหนึ่งตัดบทลง สายตาทั้งห้องโถงล้วนมองไปทางที่มาของเสียงทันที ไม่มองก็ไม่เท่าใด แต่พอมองแล้วก็เป็นเรื่องใหญ่ เจ้าของเสียงดังก้องกังวานมีรูปโฉมงดงามที่เย้ายวนตาเย้ายวนใจเสียนี่กระไร
ดวงหน้าขาวผ่องประดุจหยก บริเวณปลายหางตาดอกท้อซึ่งยกสูงขึ้นมีสีแดงจางๆ โดยธรรมชาติ ขับเน้นให้ดวงตาคู่นั้นสะกดวิญญาณยิ่งนัก ชุดคลุมยาวสีดำปักลายเมฆาสวมคู่กับชุดขนจิ้งจอกสีเงิน ท่าทางเกียจคร้านทว่าสูงศักดิ์ทั่วทั้งกายาชวนให้คนมิอาจละสายตา โดยเฉพาะหญิงสาวที่ฟังนิทานอยู่ในโรงน้ำชา
เยวี่ยซย่าหมั่งไม่นำพากับการที่ตนเองถูกผู้คนมากมายจับจ้อง เพราะเขารู้ดีว่าตนเองมีรูปโฉมเช่นไร การได้รับความชื่นชอบจากผู้อื่นเป็นเรื่องสามัญอย่างที่สุด ตอนอยู่ที่เมืองหลวงก็ถูกถุงเหอเปา และดอกไม้ผ้าไหมของหญิงสาวโยนใส่จนไม่มีทางให้เดินเป็นปกติ ดังนั้นหลังจากย้ายค่ายทหารมาอยู่ที่ซุยโจว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิม เขาจึงเอาแต่พำนักอยู่ในค่ายใหญ่ฝั่งตะวันตกมาโดยตลอด
ทว่าพอนานวันเข้าเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป