เขาผู้นี้มิอาจทนถูกจำกัดพื้นที่ได้มาตั้งแต่เกิด หากไม่ให้เขาออกไปซึมซับความคึกคักมีชีวิตชีวา ไม่ได้ยินเสียงจอแจข้างนอก ก็คงยากจะมีชีวิตอยู่ได้
ที่เลือกออกมาข้างนอกวันนี้เดิมทีก็คิดอยากจะมาฟังประเพณีวัฒนธรรมที่แตกต่างไปจากเมืองหลวง จึงเลือกแวะมาเยือนที่โรงน้ำชา เพราะคิดว่าที่นี่มีคนเล่านิทาน คงจะเล่าเรื่องแปลกใหม่อัศจรรย์ใจในแถบซุยโจวได้บ้าง ไหนเลยจะคาดคิดว่าสิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเรื่องราวที่จืดชืดไร้แก่นสารปานนี้
เล่าเรื่องของคนเป็นๆ บ้างไม่ได้หรือไร ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้กลับเอาแต่คุยเรื่องคนที่ตายไปแล้ว ช่างน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน
“ไปกันเถิด”
เขาทิ้งวาจานี้ไว้อย่างหมดอารมณ์ เพิกเฉยต่อสายตาผู้คน เดินไปทางประตูใหญ่อย่างไม่สนใจใคร ผู้ติดตามสองคนวางเงินเอาไว้แล้วรีบเดินตามผู้เป็นนายไปทันที
ในเดือนสองซุยโจวอยู่ในช่วงอากาศหนาวต้นฤดูใบไม้ผลิพอดี สายลมเย็นเสียดกระดูก บนถนนสายใหญ่หลังเที่ยงวันมีฝูงชนไม่มาก แต่ละคนล้วนหดคอ ฝีเท้าไม่หยุดนิ่ง ไม่มีผู้ใดหยุดเท้าลงชื่นชมต้นหลิวสีเขียวสดคล้อยลู่ลมตรงริมแม่น้ำเลยสักคน
เยวี่ยซย่าหมั่งเหลือบมองแวบหนึ่ง แม้แต่ความอยากจะขึ้นเรือชมทิวทัศน์ก็ยังไม่มี เพราะสำหรับเขาแล้วทุกอย่างที่นี่ช่างน่าเบื่อหน่ายเกินไป ประการแรกไม่มีคนที่สนิทสนมคุ้นเคยจนเขาสามารถร่ำสุราสรวลเสเฮฮาด้วยได้ ประการที่สองไม่มีทัศนียภาพที่คึกคักงดงามตระการตา ทุกหนแห่งล้วนวังเวงไร้ชีวิตชีวา เหตุใดต้องเลือกให้ข้ามาทำงานในช่วงฤดูกาลเช่นนี้ด้วยหนอ รออีกสักสองเดือนอย่างน้อยทิวทัศน์ก็ยังดีกว่านี้หน่อย
“เจ้านาย พวกเราจะไปที่ใดหรือขอรับ” โม่เทาหนึ่งในผู้ติดตามเดินขึ้นหน้าพลางเอ่ยถาม
เยวี่ยซย่าหมั่งสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน เขาหยิบพัดจีบออกมาจากในอกเสื้อ แล้วดันใบหน้าของโม่เทาออกไปไกลๆ อย่างไร้ความปรานี “ออกไป เสนียดสายตา”
ดวงตาเรียวเล็กของโม่เทาคู่นั้นกระตุกสองที บ่นอุบอิบว่า “ข้ารับใช้ท่านมาตั้งนานแล้ว ไฉนท่านยังไม่เคยชินอีก”
โหดร้ายเกินไป โหดร้ายเกินไปจริงๆ! ข้าเป็นเสนียดสายตาตรงที่ใดกัน ดีร้ายอย่างไรข้าก็หน้าตาสมส่วน ถึงแม้ดวงตาจะเล็กไปสักหน่อย แต่ข้าก็มองเห็นในระยะไกลได้ ไม่มีปัญหาแม้แต่เศษเสี้ยว!
เยวี่ยซย่าหมั่งไม่แม้แต่จะหันไปมองเขาด้วยซ้ำ “นี่มิใช่ปัญหาเรื่องเวลา” แต่เป็นปัญหาที่หน้าตา…
เขาเป็นคนดี จึงไม่อาจหักใจพูดออกมาได้ว่าปมปัญหาอยู่ที่ใด
ตันเสิงผู้ติดตามอีกคนหนึ่งไม่รอให้โม่เทาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟรีบผลักเขาไปอีกด้านทันที ก่อนจะเอ่ยเตือนว่า “เจ้านาย ได้เวลาแล้วขอรับ ควรจะกลับค่ายใหญ่ฝั่งตะวันตกได้แล้ว”
“ไม่กลับ” เยวี่ยซย่าหมั่งเอ่ยโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด เรื่องเล่าสนุกๆ ไม่ได้ฟัง สุราก็ไม่ได้ดื่ม น้ำชาก็รสชาติไม่ดีอันใด อย่าได้คิดว่าเขาจะกลับค่ายไปตอนนี้
“เจ้านาย ยามย้ายค่ายทหารเดิมทีก็ไม่ควรจะออกไปนอกค่ายตามใจชอบนะขอรับ” ตันเสิงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เยวี่ยซย่าหมั่งปรายตามองตันเสิงอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นเจ้านายหรือข้าเป็นเจ้านาย”
“เจ้านายอย่าพูดเช่นนี้สิขอรับ สถานการณ์ในเมืองหลวงกำลังปั่นป่วน ขุนนางในราชสำนักต่างก็คิดว่าท่านเป็นพรรคพวกฝ่ายรัชทายาท บัดนี้ฝ่ายรัชทายาทมีเรื่องน่ากลัดกลุ้มใจเกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่า หากมีคนไม่ประสงค์ดีอาศัยโอกาสนี้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เกรงว่าท่านคงจะถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วย ไยท่านต้องทำเช่นนี้ด้วยเล่า”
ระยะนี้ฝ่ายรัชทายาทถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ เนื่องจากคดีสังหารล้างตระกูลเมื่อยี่สิบปีก่อนคดีหนึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุทุจริตมากมาย เพื่อรักษาตำแหน่งรัชทายาทเอาไว้ องค์รัชทายาทจึงย่อมต้องตัดเนื้อร้ายทิ้ง กำจัดขุนนางใหญ่ใต้บังคับบัญชาหลายคนทิ้งไป
บัดนี้สถานการณ์ในราชสำนักอยู่ในช่วงคับขันอันตราย ขอแค่เป็นคนที่มีความเกี่ยวพันกับองค์รัชทายาท พรรคพวกฝ่ายองค์ชายแปดก็จะคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด หาเหตุใส่ร้ายป้ายความผิดส่งเดชก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้