“เจ้าขายแค่ซาลาเปา? ขายซาลาเปาลำบากเกินไป มิสู้กลับบ้านไปกับคุณชายดีกว่า คุณชายรับรองเลยว่าเจ้าจะมั่งคั่งสุขสบายไปทั้งชีวิต” ดวงตาของชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าแย้มยิ้มที่ทั้งงามหยาดเยิ้มทั้งสดใสมีชีวิตชีวาดวงนั้นตาไม่กะพริบ
คราวนี้ซั่นซือฮุ่ยยิ้มไม่ออกแล้วจริงๆ ครั้นได้ยินน้ำเสียงและคำพูดคำจาของชายผู้นี้กำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ ก็สามารถเดาได้ว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องพรรค์นี้เป็นครั้งแรก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ไม่มีผู้คนอยู่บนถนนเลย หรือต่อให้มีคนเบียดเสียดเต็มถนน หากเขาคิดจะทำเช่นไรกับนางก็คงจะทำเช่นนั้นอยู่ดีกระมัง
ปกตินางจะไม่ขายซาลาเปาจนดึกดื่นเช่นนี้ เพียงแต่บังเอิญว่าวันนี้ทำซาลาเปามามากเกินไปหน่อยเลยกินเวลานาน นี่ถึงได้เกิดเรื่องเข้า แล้วนางก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะหนีคนตรงหน้านี้ได้อย่างไร
ด้านหลังของชายผู้นี้มีคนตามมาด้วยหลายคน ดูเหมือนจะเป็นผู้ติดตามของเขา ต่อให้นางวิ่งเร็วเพียงใดก็วิ่งสู้คนพวกนี้ไม่ได้
ทำอย่างไรดี…ซั่นซือฮุ่ยขบคิดพลางก้าวถอยหลัง จนกระทั่งหลังคอของนางถูกอะไรบางอย่างสัมผัสเข้าเบาๆ ทำให้นางตกใจจนหันกายขวับกลับไป…ในเสี้ยวขณะที่สายตาสบเข้ากับคนที่อยู่ด้านหลัง ถึงแม้ท้องนภากว้างใหญ่จะแจ่มใสไร้เมฆา แต่นางก็เสมือนได้ยินเสียงฟ้าร้องครืนๆ หางตาราวกับเห็นสายฟ้าสว่างจ้าวาบผ่านไป
“โอ๊ะ นี่มิใช่บุตรชายท่านเจ้าเมืองหรอกหรือ” เยวี่ยซย่าหมั่งยิ้มตาหยีพลางเอ่ยถามชายหื่นกระหาย ในขณะเดียวกันสายตาก็ทอดมองไปยังผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังชายผู้นี้ด้วย ครั้นเห็นหนึ่งในนั้นลอบเดินหนีไปเงียบๆ เขาก็ใช้มือซ้ายที่ไพล่อยู่ด้านหลังส่งสัญญาณลับ จากนั้นตันเสิงซึ่งติดตามอยู่ด้านหลังเขาก็รับคำสั่งไล่ตามคนผู้นั้นไปทันที
ครั้นเฉินซีเห็นเยวี่ยซย่าหมั่งไหนเลยจะยังมีท่าทางไร้มารยาทอีก รีบละล่ำละลักประสานมือคารวะอีกฝ่ายทันที “คารวะซื่อจื่อ วันนี้ซื่อจื่อจะไปที่ใดหรือ อยากให้ข้าไปเป็นเพื่อนหรือไม่”
รอยยิ้มของเยวี่ยซย่าหมั่งไปไม่ถึงก้นบึ้งของดวงตา แฝงด้วยความห่างเหินเย็นชาไม่อยากใกล้ชิดกับผู้คน “เมื่อครู่ได้ยินว่าคุณชายเฉินอยากจะซื้ออันใดนะ”
พูดแล้วเขาก็รู้สึกว่าบนใบหน้าปวดแสบไม่น้อย เมื่อหันมองไปตามสายตาก็สบเข้ากับสายตาที่ไม่ขัดเขินเอียงอายใดๆ แม้แต่กระผีกริ้น ทั้งยังเผยความตื้นตันยินดีปรีดาที่ชวนให้คนฉงนงงงวยของซั่นซือฮุ่ยเข้า
อืม…เขาเป็นที่รักใคร่ชื่นชอบของผู้คนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เคยได้รับสายตาที่ไม่เกรงอกเกรงใจที่สุดและสายตาที่ร้อนแรงที่สุดบนโลกมนุษย์มาแล้ว ทว่าความไม่เกรงอกเกรงใจและความร้อนแรงเหล่านั้นกลับเทียบกับสายตาของคนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่ได้เลย ลูกตาของนางแทบจะเปล่งแสงและมีประกายไฟลุกไหม้แล้วด้วยซ้ำ
แม้จะได้ยินมาว่าวิถีชีวิตของชาวซุยโจวค่อนข้างเปิดกว้าง แต่จนกระทั่งบัดนี้เขาถึงเพิ่งได้เปิดหูเปิดตา นางไม่มีความสำรวมตนของหญิงสาวแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวเลยจริงๆ ราวกับว่าหากชั่วพริบตาถัดมานางกระโจนเข้าใส่เขาก็ไม่ทำให้แปลกใจอันใด
จะว่าไปแล้วเขาไม่ได้คิดจะช่วยนาง เขาแค่เห็นคนรู้จักเลยเอ่ยทักทายเท่านั้น นางไม่จำเป็นต้องคิดใช้สายตาเหมือนอยากจะตอบแทนด้วยร่างกายมาบีบบังคับเขาก็ได้ สรุปแล้วนางรู้หรือไม่ว่าคำว่า ‘ยางอาย’ นี้เขียนเช่นไร
เฉินซีได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ก็แค่ซื้อซาลาเปากับนางสักลูกเท่านั้น”
บิดาเคยบอกว่าผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์เมืองหลวงที่มาจากเมืองหลวงผู้นี้มิใช่คนธรรมดา จะกระทำความผิดแม้เพียงน้อยนิดต่อหน้าเขามิได้เป็นอันขาด เขาคือเจิ้นอันโหวซื่อจื่อ เป็นพี่น้องร่วมสาบานของผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสหายรักของรัชทายาท และเป็นคนโปรดเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ มีภูมิหลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่ในแถบซุยโจวเลย ต่อให้เป็นที่เมืองหลวงก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา