ทดลองอ่าน ด้ายแดงของเซียนจิ้งจอก บทที่ 1.2 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ด้ายแดงของเซียนจิ้งจอก

ทดลองอ่าน ด้ายแดงของเซียนจิ้งจอก บทที่ 1.2

“เจ้าคือนางหนูสกุลซั่นมิใช่หรือ!”

ซั่นซือฮุ่ยตื่นตกใจ หันหน้าขวับกลับไปมอง นางรีบยัดซาลาเปาใส่มือเยวี่ยซย่าหมั่ง หลังจากยอบกายคารวะแล้วก็เดินไปด้านหลังด้วยฝีเท้าเร็วรี่ ก่อนจะเอ่ยปากเสียงหวานหยดย้อย “พี่สาวทั้งสองตามหาข้าหรือ”

พอเยวี่ยซย่าหมั่งได้ยิน คิ้วเข้มก็ยกสูงขึ้นกว่าเดิม พี่สาว? ท่านป้าสองคนนี้ให้เรียก ‘หมัวมัว’ ก็ยังไม่ถือว่าเกินไปด้วยซ้ำ แต่นางกลับเรียก ‘พี่สาว’ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ…ร้ายกาจนัก ขนาดข้าที่โอ้อวดตนเองว่าเจอคนพูดภาษาคน เจอผีพูดภาษาผีก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้เลย

เขาครุ่นคิดพร้อมกับสังเกตการณ์ไปด้วย ครั้นแล้วก็เห็นว่าหมัวมัวทั้งสองคนเดิมทีท่าทางดุดันไม่ได้มาดี แต่ครั้นนางเปิดปากเรียกว่า ‘พี่สาว’ โทสะขุมนั้นก็สลายไปราวๆ ครึ่งหนึ่ง ต่อมาก็ไม่รู้ว่าพูดคุยอันใดกัน ถึงกับเย้าแหย่หมัวมัวทั้งสองจนหัวเราะร่วน จากนั้นทั้งสามคนก็เดินไปยังอีกฝั่งของถนนอย่างสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องกัน

นาง…ยอดเยี่ยมมากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้บอกนางว่ารอยปานบนใบหน้าของนางสีซีดลงแล้ว คราวหน้าต้องวาดให้เข้มๆ หน่อย

เยวี่ยซย่าหมั่งหลุบตาลงมองดูซาลาเปาในมือ คิดว่าเมื่อครู่ตอนอยู่ที่โรงน้ำชาก็ไม่ได้กินอะไรเลย เขาจึงกัดเสียเลยหนึ่งคำแล้วเคี้ยวสองครั้ง ใบหน้าอันหล่อเหลาปานหยกงามแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ต่อมาก็ขยับหน้าเข้าไปดมใกล้ๆ ดวงตาดอกท้อคู่นั้นเบิกกว้างจ้องซาลาเปาในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

“เจ้านาย มีพิษหรือขอรับ” โม่เทาเห็นสีหน้าแววตาของเยวี่ยซย่าหมั่งแปลกไปจึงรีบเดินเข้าไปเอ่ยถามเบาๆ

“เจ้าสิมีพิษ” ครู่ใหญ่กว่าเยวี่ยซย่าหมั่งจะเอ่ยตอบด้วยสุ้มเสียงแหบแห้งเล็กน้อย

โม่เทาหน้าง้ำงอ อย่าปฏิบัติแตกต่างกันถึงเพียงนี้ได้หรือไม่ ข้ากับตันเสิงเป็นฝาแฝดกัน แต่ดันรังเกียจรังงอนข้าอยู่คนเดียว! ช่างเถิด เจ้านายไม่คิดเล็กคิดน้อยกับข้า สามารถพูดกลั่นแกล้งข้าได้ เช่นนั้นก็แสดงว่าซาลาเปาไม่มีพิษ ดังนั้นการที่เจ้านายแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาต้องเป็นเพราะ…

“หากไม่อร่อยก็ทิ้งไปเถิดขอรับ” เห็นซาลาเปานั่นแล้ว ไม่ว่าจะราคาถูกสักเท่าไร หรือไม่ว่าเขาจะหิวโหยมานานถึงเพียงใด เขาก็ไม่อยากจะกินหรอก

“ไม่…นี่เลิศรสเป็นที่สุด” เยวี่ยซย่าหมั่งลิ้มรสอีกคำอย่างอดใจไม่ไหว นี่เป็นรสชาติที่เขาถวิลหามาเนิ่นนาน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกับนางในชาตินี้…ที่ซุยโจวแห่งนี้

“จริงหรือขอรับ”

“สิ้นวสันต์ธาราบุปผาล้วนราร้าง ไกลห่างปานสวรรค์กับแดนดิน”

“หา?” เจ้านายเจ้าบทเจ้ากลอนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน แค่กินซาลาเปาก็ต้องร่ายกวีด้วย ข้าต่อสนทนาไม่ถูกนะ

เยวี่ยซย่าหมั่งยัดซาลาเปาคำสุดท้ายเข้าปาก มองไปทางถนนฝั่งตรงข้ามที่ไม่เห็นเงาร่างคนแล้ว ก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย ถอนหายใจหนึ่งเฮือกโดยไม่มีใครสังเกตเห็น “ไปกันเถิด กลับไปกินทราย”

โม่เทาสีหน้างงงวย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดความคิดของเจ้านายถึงได้เปลี่ยนรวดเร็วถึงเพียงนี้ เพิ่งจะกินซาลาเปาเสร็จก็อยากจะกินทรายต่อ…ความเจริญอาหารนี้ชวนให้คนจับทางไม่ถูกจริงๆ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ด้ายแดงของเซียนจิ้งจอก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 1-2

บทที่ 1 เสียงเคาะระฆังบอกโมงยามดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงอันคุ้นเคยเตือนให้คนเก่าคนแก่ในวังตระหนักได้ว่าเพลานี้เป็น...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสีฟ้าคราม สายลมโชยอ่อนพัดแผ่ว ม่านโปร่งบนศาลาริมน้ำขยับไหว ที่อยู่หลังม่านโปร่งคือโฉมสะคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 1-2

บทที่ 1 เวลาเช้าตรู่กู้เจี้ยนหลีรออยู่หน้าโรงจำนำเป็นเวลานานมากแล้ว ในมือของนางกำปิ่นรูปผีเสื้อคู่ประดับพู่ระย้าไว้อันหน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 3-4

บทที่ 3 เนี่ยชิงหลินได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองสีหน้าเย็นชาเข้มงวดของเว่ยเหลิ่งเหยาปราดหนึ่ง นางลังเลอยู่ช...

community.jamsai.com