เดิมทีนางสั่งให้ชิวเยวี่ยซึ่งเป็นสาวใช้ส่งซั่นซือฮุ่ยกลับไปทางประตูหลัง แต่ใครจะรู้เล่าว่าระหว่างทางชิวเยวี่ยกลับถูกคนแยกตัวไปอีกทาง กระทั่งหันหน้ากลับมาอีกครั้งก็เห็นว่าซั่นซือฮุ่ยถูกผู้อื่นรังแกอยู่ ถึงได้เร่งรีบเรียกนางมา
ซั่นซือฮุ่ยรู้ว่ารั่วเฉินเข้าใจผิดไป จึงรีบร้อนโบกมืออธิบายว่า “ไม่ใช่นะ คุณชายผู้นี้ช่วยข้าเอาไว้”
นางเล่าที่มาที่ไปของเหตุการณ์อย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ
“ขอบคุณนายท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือ ผู้น้อยรั่วเฉินขอขอบคุณท่านไว้ ณ ที่นี้” รั่วเฉินยอบกายอย่างชดช้อย เรือนร่างอรชรอ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูก ทว่าสีหน้าแววตากลับไม่มีเจตนายั่วยวนเลยแม้แต่เศษเสี้ยว ส่วนการที่นางยืนขวางอยู่ตรงหน้าซั่นซือฮุ่ย ดูเหมือนเพราะกลัวว่าเขาจะมีเจตนาไม่ดี
เยวี่ยซย่าหมั่งจ้องมองรั่วเฉินครู่หนึ่ง จากนั้นเปิดปากเอ่ยว่า “ไม่เดิมพันชีวิต แต่เดิมพันด้วยเงินหนึ่งร้อยตำลึง”
คราวนี้โม่เทากับตันเสิงจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้านายถึงต้องเดิมพันกับผู้อื่นด้วย เงินหนึ่งร้อยตำลึงสำหรับเจ้านายแล้วก็เหมือนกับขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว* แต่สำหรับแม่นางผู้นี้…บางทีขายสองชีวิตก็ยังไม่ได้หนึ่งร้อยตำลึงเลย
คิ้วงามของรั่วเฉินขมวดเล็กน้อย ใช้สายตาสอบถามซั่นซือฮุ่ย ทว่าซั่นซือฮุ่ยยังไม่ทันได้อธิบายก็เอ่ยตอบรับเสียก่อน
“ได้ หนึ่งร้อยตำลึง” ถึงแม้หาเงินจากผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตจะไร้คุณธรรมยิ่ง แต่นางก็ขาดแคลนเงินมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาค่อยลดให้เขาก็แล้วกัน
“สามเดือน?”
ซั่นซือฮุ่ยพยักหน้า “ภายในสามเดือนแน่นอน”
“ได้ สามเดือนให้หลังมาดูกัน”
เมื่อรั่วเฉินได้ยินเช่นนี้ก็พอจะจับต้นสายปลายเหตุออก เดาได้ว่าซั่นซือฮุ่ยเอาเรื่องเนื้อคู่ของนางมาเดิมพัน แต่ซั่นซือฮุ่ยมีความมั่นใจถึงเพียงนี้จริงๆ หรือ จริงๆ แล้วที่นางเรียกซั่นซือฮุ่ยมาดูเรื่องเนื้อคู่ให้เป็นเพราะในใจร้อนรนกระสับกระส่าย บัดนี้พอเห็นแม่นางผู้นี้เดิมพันด้วยเงินหนึ่งร้อยตำลึงอย่างมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม กลับทำให้นางเบาใจลง
ซั่นซือฮุ่ยยิ้มตาหยีราวกับเห็นเงินสีขาวแวววาวแล้ว ลิงโลดดีใจไม่หยุด ระหว่างที่คิดจะถามไถ่ชื่อเสียงเรียงนามของเขา ก็เห็นเขาปลดป้ายหยกอันหนึ่งออกมาจากสายคาดเอวแล้วยื่นให้นาง
“ภายในสามเดือนนี้หากอยากพบข้า ถือป้ายหยกนี้ไปยังที่ทำการก็พอ”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 ก.ย. 68