“ได้ กลับไปก่อนเถิด ครั้งนี้สำเร็จผลเมื่อใด เจ้าก็ซื้อชุดที่พอดูได้ให้ตนเองสักสองสามชุดเถิด” แม่สื่อหวงมองดูรอยปะชุนบนเสื้อผ้าซั่นซือฮุ่ย กระทั่งเห็นผมเปียสองข้างที่มัดอย่างลวกๆ ของนางแล้วก็รู้สึกเจ็บดวงตายิ่ง
ซั่นซือฮุ่ยตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆ จากนั้นยอบกายคารวะแล้วไปตามหาหลิวซิน ใครจะรู้ว่าละสายตาไปเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวก็หาตัวคนไม่เจอแล้ว
หายไปที่ใดแล้วนะ
นางกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของหลิวซิน จึงมองไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างห้ามไม่อยู่ ครั้นแล้วก็เห็นหลิวซินอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งจริงๆ!
ได้ยินมาว่าขนบธรรมเนียมของชาวซุยโจวนั้นเปิดกว้าง ไม่เหมือนกับเมืองหลวงที่ยึดถือกฎที่ว่าสตรีต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนอย่างเคร่งครัด แต่การอยู่ร่วมกับบุรุษอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งเช่นนี้คงไม่ได้กระมัง!
ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นซั่นซือฮุ่ยก็เห็นว่าจริงๆ แล้วอีกฝั่งก็มีหญิงสาวจำนวนหนึ่งอยู่ด้วยเช่นกัน…เอ่อ หรือเพราะวันนี้เป็นงานดูตัวครั้งใหญ่ ดังนั้นกฎระเบียบจึงหย่อนยานกว่าเดิมเล็กน้อย
นางสังเกตดูอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวที่อยู่ฝั่งนี้จะมองไปทางอีกฝั่งเป็นระยะๆ แต่ก็มิได้ชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์หญิงสาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแต่อย่างใด ท่าทีเช่นนี้ทำให้ซั่นซือฮุ่ยสบายใจขึ้นเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าชื่อเสียงของหลิวซินจะเสียหาย
แต่พอมองดูอีกหลายครานางก็กังวลขึ้นมาอีก…ไม่ถูก! ดูจากท่าทางของหลิวซินแล้ว เหตุใดถึงดูเหมือนรู้จักกับบุรุษผู้นั้นจริงๆ เล่า ไม่ได้ ข้าต้องรีบพาตัวนางไปถึงจะถูก
ซั่นซือฮุ่ยข้ามสะพานโค้ง เดินไปทางหลิวซินด้วยฝีเท้ารวดเร็ว ยิ่งนางเดินเข้าไปใกล้มากเท่าใดก็ยิ่งเห็นรอยยิ้มขวยเขินและคาดหวังจากบนใบหน้าของหลิวซินชัดเจนขึ้น ทำให้นางร่ำร้องในใจว่าแย่แล้ว
ไฉนถึงมีเหตุการณ์เช่นนี้ได้ ด้ายเนื้อคู่ปรากฏขึ้นแล้วแท้ๆ แต่เหตุใดยังมีบุคคลที่สามปรากฏกายขึ้นอีกเล่า
“เอ๊ะ นี่มิใช่แม่นางขายซาลาเปาเมื่อวันนั้นหรอกหรือ”
เงาสายหนึ่งพุ่งมาจากด้านข้าง ทำเอาซั่นซือฮุ่ยตกใจจนชะงักฝีเท้า ครั้นช้อนสายตาขึ้นมองนางก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างไร้สุ้มเสียง
สวรรค์ เหตุใดถึงเจอบุรุษผู้นี้อีกแล้วเล่า!
(ติดตามต่อได้ในรูปแบบฉบับเต็มได้ในเดือนกันยายน 2568)