“มามารู้หรือไม่ว่าขนมน้ำตาลขาวในจวนทำอย่างไร ไฉนเวลากินจึงนุ่มกว่าของที่อื่นมาก ท่านย่าของข้าชอบกิน แต่นางฟันไม่ดี…ข้าอยากเรียนตำรับนี้ไว้เผื่อจะได้แสดงความกตัญญูต่อท่านย่าสักเล็กน้อย แต่หากมามาลำบากใจ ข้าไปถามฮูหยินก่อนก็ได้”
บ่าวหญิงสูงวัยผู้นั้นได้ยินก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มหวาน “คุณหนูรองเฉินเกรงใจเกินไปแล้ว คุณหนูชอบขนมนี้ ฮูหยินของบ่าวมีแต่จะดีใจแทบไม่ทัน มิต้องไปถามหรอกเจ้าค่ะ นี่ไม่นับเป็นความลับอะไร คนในครัวล้วนรู้กันทั้งสิ้น เพียงแค่ใส่นมแพะลงไปหน่อย…ตระกูลของคุณหนูมาจากทางเหนือ ย่อมต้องทราบวิธีขจัดกลิ่นคาว บ่าวขอไม่รำขวานหน้าบ้านหลู่ปันแล้ว ขอแค่เติมนมแพะเวลากินเนื้อก็จะละเอียดและอ่อนนุ่มแล้วเจ้าค่ะ”
เฉินวั่งซูเอ่ยถามปริมาณต่ออย่างละเอียด ทว่าหางตากลับเหลือบมองไปที่ทางแยกตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้หงไถก็บอกว่าเฉินสี่ผิงจะรอนางอยู่ตรงนี้ นี่เป็นทางที่ต้องผ่านเพื่อไปยังหอเหวินเซียงอันเป็น ‘เวทีแสดง’
ครั้นพอเห็นเงาร่างที่คาดไว้รีบร้อนเดินผ่านไปแล้ว เฉินวั่งซูถึงได้ยกมุมปาก กล่าวขอบใจบ่าวหญิงสูงวัยนางนั้น “ขอบใจมามามาก ของเล็กๆ น้อยๆ นี้มิมีค่าอะไร ขอมามาอย่าได้ปฏิเสธ”
นางพูดพลางล้วงแท่งเงินเล็กๆ แท่งหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ เห็นได้ชัดว่าเป็นของที่เหลือมาจากตอนปีใหม่ บนนั้นยังมีอักษรคำว่า ‘เฉิน’ สลักไว้ตัวเล็กๆ อีกด้วย
บ่าวหญิงสูงวัยผู้นั้นได้รับโชคโดยคาดไม่ถึงก็ดีใจจนปิดปากไม่ลง รีบประสานมือคารวะ จวบจนพาเฉินวั่งซูไปส่งถึงที่นั่งข้างเฉียนฝูหรงแล้วก็ยังคงยิ้มแฉ่งเห็นฟันเรียงซี่
“ไฉนเจ้าจึงไปนานนัก ข้าเห็นเด็กจากบ้านรองผู้นั้นกลับมาดื่มชานานแล้ว”
เฉียนฝูหรงกล่าวพลางหยิบลำไยแห้งลูกหนึ่งมายื่นให้เฉินวั่งซู
เฉินวั่งซูบิเปลือกส่งเนื้อเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ ก่อนมองไปยังเฉินสี่ผิงตามสายตาเฉียนฝูหรง นางผุดลุกผุดนั่งรออยู่ตรงนั้น ครั้นเห็นเฉินวั่งซูก็ตกใจจนตัวสั่น รีบร้อนเบนสายตาหนี
เฉียนฝูหรงขมวดคิ้ว “เจ้ามิได้ถูกเอาเปรียบกระมัง หากถูกเอาเปรียบ คอยดูอาสะใภ้จะฟาดกะโหลกนางให้แตกเชียว”
เฉินวั่งซูรู้สึกอบอุ่นในใจมาก นางยกชาขึ้นดื่มตัดรสหวานเลี่ยนของลำไยแห้ง “อาสะใภ้สามกล่าวอะไรกันเจ้าคะ ข้าเคยถูกเอาเปรียบด้วยหรือ ข้าแค่มัวสอบถามตำรับขนมน้ำตาลขาวอยู่ตรงโน้น ท่านย่าชอบกินของหวาน ขนมกินมากก็ไม่ย่อย ข้าเห็นว่าขนมของจวนนี้ทำได้ดี จึงได้ถามมากหน่อย”
เฉียนฝูหรงเพิ่งจะวางใจลงได้ก็มองเห็นบ่าวหญิงสูงวัยผู้หนึ่งของฮู่กั๋วกงฮูหยินเดินมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“เฉินฮูหยิน คุณหนูรองเฉิน ฮูหยินของบ่าวได้ภาพอักษรมาใหม่ เห็นว่าเป็นสมบัติล้ำค่าฝีมือยอดปรมาจารย์นักเขียนอักษร จึงใคร่ขอให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองท่านช่วยไปให้คำวิจารณ์ดูสักหน่อยเจ้าค่ะ”
เฉียนฝูหรงยังไม่ทันตอบคำใด เฉินวั่งซูก็ยิ้มพลางลุกขึ้นยืนแล้ว “มามานำทางเถิด ไม่ว่าเป็นเรื่องใดก็จงอย่าเขียนไว้บนหน้าให้ผู้อื่นระแคะระคาย ท่าทางเช่นนี้ของมามาไม่เหมือนมาเชิญพวกข้าไปชมภาพอักษรเลย”
บ่าวหญิงสูงวัยผู้นั้นชะงักงันไปเล็กน้อย ก่อนเหยียดยิ้มออกมา “คุณหนูรองเฉินฉลาดปราดเปรื่องยิ่ง เชิญตามบ่าวมาก่อนเจ้าค่ะ”
เฉินวั่งซูทอดสายตามองไป มีคนสองสามคนเดินผ่านทางแยกนั้นไปแล้ว
ฮู่กั๋วกงฮูหยินกำลังสนทนากับพระชายาองค์ชายสาม ส่วนที่ด้านหลังนั้นมีฮูหยินติดตามอยู่หลายท่าน ในสวนเอะอะอึกทึก หญิงสาวไม่น้อยกำลังเล่นโยนศรเล่นซวงลู่กันอยู่ และยังมีบางส่วนแย่งกันไปล่องเรือ หรือไม่ก็ขับร้องเพลงบรรเลงดนตรีไปตามประสา หมายใจจะใช้โอกาสนี้ทำตัวให้เข้าตาของใครสักคน
ดูเหมือนหามีใครค้นพบความผิดปกติทางด้านนี้ไม่
เฉินวั่งซูหลุบตาลง หึ ล้วนเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทกันทั้งนั้น
สิ่งที่นางมิได้สังเกตเห็นคือเหยียนเจวี๋ยที่ยืนอยู่ใต้ต้นซิ่งต้นหนึ่ง ในมือถือกาสุรา กำลังมองนางอย่างสนอกสนใจ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 20 ก.ค. 66 เวลา 12.00 น.