ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 124-126 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 124-126

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 124

“หากเป็นเรื่องแค่นี้ท่านพ่อข้าคงไม่พูดกับข้าเป็นพิเศษ”

ฉินเจ่าเอ๋อร์มองไปรอบๆ ก่อนลุกเดินมานั่งข้างกายเฉินวั่งซู ป้องหูนางพลางกระซิบ “ท่านพ่อข้าบอกว่าหมู่นี้ฝ่าบาทมีพระราชดำริจะแต่งตั้งบรรดาศักดิ์แก่องค์ชาย จึงได้เรียกขุนนางใหญ่หลายคนไปหารือถึงเรื่องนี้ นอกจากองค์ชายสี่กับองค์ชายแปด องค์ชายที่เหลือล้วนแต่งงานหมดแล้ว เกรงว่าคงต้องออกมาทำงาน องค์ชายสี่น่าจะไปชายแดนไม่ได้แล้ว แม้จะยังไม่เคยเปิดเผย แต่ฝ่าบาทได้ให้เขาสอดมือดูแลเรื่องเกลือเหล็กอย่างเงียบๆ แล้ว”

เฉินวั่งซูได้ยินแล้วก็ลอบตกใจกับตนเอง นางมองฉินเจ่าเอ๋อร์อย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง

หากมิใช่ในสมุดนั้นของเหยียนเจวี๋ยไม่มีชื่อคนสกุลฉินอยู่ เฉินวั่งซูก็แทบจะคิดแล้วว่าฉินเจ่าเอ๋อร์เป็นผู้ช่วยแสนเก่งกาจที่เหยียนเจวี๋ยหาตัวมาไว้นานแล้ว ยามนี้ประหนึ่งว่ามีคนบอกเรื่องที่ควรบอกให้นางฟังทั้งหมดผ่านปากของฉินเจ่าเอ๋อร์อย่างไรอย่างนั้น

มิน่าเมื่อก่อนเฉินสี่หลิงถึงสามารถส่งสินค้าห้าลำเรือออกไปได้ง่ายดาย แต่ครั้งนี้กลับต้องขาดทุนเป็นครั้งแรก นี่หมายถึงอะไร ย่อมหมายถึงว่าทิศทางลมในราชสำนักเปลี่ยนไปแล้ว ฐานะพระชายาองค์ชายสามของนางไม่ได้ใช้ได้ง่ายดายเท่าเมื่อก่อนแล้ว

ความจริงเฉินวั่งซูก็คาดเดาไว้เช่นนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

สินค้าห้าลำเรือ หากมิได้เป็นการค้าที่ได้กำไรสูงโดยแทบไม่ต้องลงทุนก็ไม่มีค่าพอให้เฉินสี่หลิงยอมเสี่ยงโดยสิ้นเชิง

หากเป็นพวกผ้าไหมใบชาธรรมดาทั่วไป ขนส่งอย่างเปิดเผยก็หมดเรื่องแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เถ้าแก่โจว หากเป็นพวกวัวม้าอาวุธเหล็ก นั่นเป็นยุทธปัจจัย ความเสี่ยงสูงเกินไป หากถูกตรวจสอบได้ก็จะถูกสงสัยว่าสมคบคิดกับศัตรูทรยศต่อบ้านเมือง มีเพียงเกลือเถื่อนที่เป็นการค้าอันไร้ต้นทุนอย่างแท้จริง

ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคือต่อให้เรื่องนี้ถูกคนตรวจสอบได้จริงๆ ก็ไม่ถึงขั้นสั่นคลอนรากฐานของจวนองค์ชายสาม

ราชสำนักนี้เน่าเฟะตั้งแต่รากแล้ว ชนชั้นสูงที่ทำเรื่องทำนองนี้มีไม่รู้ตั้งเท่าไร ไม่ได้มีเขาเพียงผู้เดียว

“น่าเสียดายแล้ว แคว้นต้าเฉินของเราอุตส่าห์มีผู้ที่ออกรบได้ทั้งที” เฉินวั่งซูสะท้อนใจอยู่บ้าง

ฉินเจ่าเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง แต่กลับไม่ได้พูดเรื่องสงครามต่อ นางกล่าวเพียงว่า “บรรดาคนที่หากินในเส้นทางเหล่านั้นล้วนลำบากกันทั้งนั้น ได้ยินว่าไม่กี่วันก่อนองค์ชายสี่ออกเรือลาดตระเวน แล้วถูกคนลอบปลงพระชนม์เข้า เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่าพี่น้องที่ติดตามข้างกายเขาตายไปหลายคน ข้าไม่ได้ว่านะ แต่อยู่ที่ชายแดนมีฮู่กั๋วกงคุ้มครอง อยู่ที่นี่มีผู้ใต้บังคับบัญชาเพียงไม่กี่คนกลับไม่ประเมินกำลังตนเอง ยังไม่ทันรับตำแหน่งใหม่อย่างเป็นทางการเลยก็ทำไฟเผาก้นตนเองก่อนแล้ว ยุคสมัยนี้การหาบุรุษที่มีหัวสมองสักคนเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยจริงๆ”

เฉินวั่งซูกลั้นไม่อยู่ หลุดหัวเราะพรืดออกมาทันที

คุณหนูฉินเจ้าขา หากท่านไปพูดเช่นนี้ข้างนอก คุณชายทั่วทั้งเมืองหลินอันคงได้พากันม้วนแขนเสื้อต่อยท่านแล้ว

“เฮ้อ…ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราเสียหน่อย ท่านรีบชิมปูนี้เร็ว เย็นแล้วจะไม่อร่อย ว่าแต่…ข้าเห็นท่านยังดูเป็น…หญิงสาวไม่ประสีประสา หรือว่าเหยียนเจวี๋ยจะใช้การไม่ได้”

ฉินเจ่าเอ๋อร์พูดพลางฉีกปูตัวหนึ่งออกเป็นสองชิ้น ถลกแขนเสื้อลวกๆ แล้วเริ่มจิ้มน้ำส้มสายชูกิน

เฉินวั่งซูยังไม่ทันกลืนเนื้อปูในปากก็ถูกทำให้สำลักจนไอโขลกๆ ขึ้นมาในทันใด นางไออยู่ครู่ใหญ่เสียจนหน้าแดง “ท่านยังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน พูดเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร”

แย่จริง! ดวงตาท่านเป็นเครื่องตรวจจับหรือไร แม้แต่เรื่องนี้ยังมองออกได้

ฉินเจ่าเอ๋อร์กะพริบตา “ช่วยไม่ได้ จวนข้านอกจากพวกที่อัปลักษณ์จนกระเดือกไม่ลงจริงๆ ที่เหลือล้วนเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของท่านพ่อข้าหมดแล้ว ตอนข้ายังเล็ก เวลาเบื่อๆ ก็จะไปนั่งดูในลานเรือน มีคนที่ไม่ได้ถูกท่านพ่อข้านำมาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงผ่านมาผู้หนึ่ง ข้าจะให้รางวัลตนเองด้วยการกินลูกพลับหนึ่งลูก สุดท้ายท่านลองทายดูว่าเป็นอย่างไร”

“เป็นอย่างไรหรือ”

ฉินเจ่าเอ๋อร์ชูนิ้วขึ้นสามนิ้วด้วยท่าทางหัวเสีย “ลูกพลับเต็มต้น ข้าได้กินไปแค่สามลูก เพราะคนหนึ่งหน้าตาดี แต่หน้าเหมือนท่านย่าข้า ท่านพ่อข้าไม่กล้าเอาเข้าปาก คนหนึ่งผิวพรรณเข้มเป็นพิเศษ ผู้อื่นออกมาจากท้องนางกลับเหมือนออกมาจากอ่างหมึก ส่วนคนที่สามนั้น…จิ๊ๆ เป็นแม่ครัว มีหน้าที่แกะเปลือกถั่วอยู่ในครัว ท่านพ่อข้ากินถั่วไม่ได้ ด้วยเหตุนี้พอเห็นนางจึงไม่กล้าข้องเกี่ยว เหยียนเจวี๋ยของท่านไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าท่านพ่อข้า แต่ถึงกับไม่ได้…ท่านเองก็อย่าได้เก็บไปใส่ใจ ใช้การไม่ได้ก็ใช้การไม่ได้ เขาจะได้ไม่ไปหาเศษหาเลยข้างนอกจนทำให้ท่านหงุดหงิดใจ”

เฉินวั่งซูอ้าปากพะงาบ ไม่รู้จริงๆ ว่าควรแก้ตัวแทนเหยียนเจวี๋ยอย่างไรดี สุดท้ายนางจึงพยักหน้าเห็นด้วยเสียเลย “ก็จริง ถึงอย่างไรหน้าตาดีก็ใช้ได้แล้ว”

ฉินเจ่าเอ๋อร์ตบบ่าเฉินวั่งซูด้วยความเห็นใจ “ไม่เป็นไร พวกเรามีเงิน วันหน้ายังมีคนอีกมากอยากมาคุกเข่าแทบเท้าเรียกเราว่ามารดา แย่งชิงกันถือธงโยนกระถางหามโลงศพพวกเราไปส่งยังสุสาน! อีกอย่างเขาก็อายุยังน้อย ยังรักษาได้!”

ปากเฉินวั่งซูอ้าแล้วอ้าอีก หุบแล้วหุบอีก แววตาวูบไหว คิดถึงอะไรได้ก็พยักหน้า

ฉินเจ่าเอ๋อร์เห็นนางน่ารักว่าง่ายปานนี้ก็ยิ่งปวดใจ สั่งให้คนนึ่งปูมาอีกเข่ง รับปากว่าคราวหน้าจะมอบเข็มที่เข้าชุดกับหน้าไม้เล็กนั้นให้เฉินวั่งซูอีกหนึ่งกล่อง เสร็จแล้วถึงตัดสินใจออกจากหอกวนไห่นี้

นางเดินมาถึงหน้าประตูหอก็ชะแง้แลมองไปรอบๆ เล็กน้อย เห็นว่าไม่มีองค์ชายแปดที่มักชอบแสร้งทำเป็นบังเอิญมาเจอก็ให้โล่งอก โบกมือให้เฉินวั่งซู “ข้ากลับก่อนแล้ว หากท่านไปบ้านท่านลุงใหญ่ของท่าน อย่าลืมส่งเทียบมาให้ข้าด้วย จะต้องส่งมาสามฉบับติดเพื่อแสดงว่าเป็นเหตุการณ์เร่งด่วน ท่านพ่อข้าถึงจะยอมให้ข้าไปได้”

เฉินวั่งซูแย้มยิ้มพลางตอบรับ “เร็วๆ นี้ในหมู่บ้านของข้าส่งเกาลัดมาให้จำนวนมาก ประเดี๋ยวจะส่งไปให้ท่านจำนวนหนึ่ง อีกทั้งเมื่อตอนดอกกุ้ยออกดอก ไป๋ฉือบ่มสุราดอกกุ้ยไว้ ข้าคิดว่าท่านน่าจะชอบดื่ม จึงตั้งใจเตรียมไว้ให้ท่านสองไห”

ฉินเจ่าเอ๋อร์ได้ฟังก็ตาสว่างวาบ “ยังมีดอกกุ้ยตากแห้งอีกหรือไม่ หากมีข้าขอด้วยตะกร้าหนึ่ง อยากกินรากบัวยัดไส้ข้าวเหนียวผสมดอกกุ้ยแล้ว มารดาเลี้ยงข้าทำอะไรได้ไม่ดีสักอย่าง แค่ตากดอกกุ้ยข้างในก็ยังมีทราย สีก็ผิดเพี้ยนไปเช่นกัน เห็นแล้วน่ากลุ้มใจ”

“รู้แล้ว คราวหน้าหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินอันใด ท่านก็ให้คนมาตามตัวข้าได้เลย”

ฉินเจ่าเอ๋อร์มองความคิดในใจนางได้ปรุโปร่งในแวบเดียว “ท่านอยากเห็นเรื่องน่าขันของข้าล่ะสิ”

เฉินวั่งซูโบกมือและก้าวขึ้นรถม้า นางมีหรือจะได้เห็นเรื่องน่าขันของฉินเจ่าเอ๋อร์ ด้วยฉินเจ่าเอ๋อร์ล้วนเป็นฝ่ายทำให้ผู้อื่นกลายเป็นเรื่องน่าขันชัดๆ

“ไปหออิ๋นชุ่ย” เฉินวั่งซูเอ่ยสั่ง

มู่จิ่นกระโดดขึ้นรถม้าตาม ก่อนถามด้วยความสงสัย “คุณหนูจะไปหออิ๋นชุ่ยด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ กั๋วกงน้อยมีหอฝูเป่า เดือนนี้มิใช่เพิ่งนำสมุดรายการมาให้ท่านเลือกเครื่องประดับไปจำนวนมากเองหรือ เมื่อก่อนท่านไม่ชอบเครื่องประดับของหออิ๋นชุ่ย รังเกียจว่าพวกมันดูไม่หรูหราสง่าผ่าเผยมิใช่หรือเจ้าคะ”

เฉินวั่งซูเท้าคางมองนอกหน้าต่าง “ไม่หรูหราสง่าผ่าเผยก็มีข้อดี ข้าคิดว่าไปวันนี้น่าจะได้บังเอิญเจอกับคนที่ควรเจอ”

มู่จิ่นไม่เข้าใจ แต่เห็นเฉินวั่งซูไม่อธิบายก็เกาศีรษะแล้วเลิกถาม

เฉินวั่งซูกระตุกมุมปาก ความผิดบาปนั้นเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ยัดมันให้แพะอย่างเกามู่เฉิงกับองค์ชายเจ็ด

 

เพียงไม่นานก็มาถึงหออิ๋นชุ่ย เฉินวั่งซูลงรถม้ามาก็เหลือบเห็นรถม้าที่มีตราสกุลเกาจอดอยู่ด้านข้างตามที่คาดไว้

“เซี่ยนจู่เป็นแขกผู้สูงส่งโดยแท้ ในหอของพวกเรามีปิ่นคู่ออกใหม่ชุดหนึ่ง ให้ความรู้สึกสูงส่งเกินไป มีคนขอดูมากยิ่ง แต่กลับไม่มีใครกล้าซื้อไปใช้แม้แต่ผู้เดียว เดิมผู้น้อยไม่เข้าใจ วันนี้ได้เห็นเซี่ยนจู่ถึงได้กระจ่าง อันว่ากระบี่เทพเลือกเจ้านาย ของล้ำค่ารอผู้มีชะตาต้องกัน ปิ่นนั้นกำลังรอเซี่ยนจู่อยู่นั่นเอง”

เฉินวั่งซูแย้มยิ้มอ่อนโยน “เจ้ากล่าวเช่นนี้ หากข้าไม่ดูเสียหน่อยคงจะเป็นการไม่สมควรแล้ว”

นางเพิ่งจะพูดจบเกามู่เฉิงก็พุ่งตัวมาจับมือนางไว้ แล้วลากนางเข้าไปในห้องส่วนตัวที่อยู่ด้านข้าง

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com