ฮู่กั๋วกงฮูหยินยิ้มกระอักกระอ่วน เดินไปตบไหล่หลิ่วอิงเบาๆ “ข้าเห็นว่ามือเจ้าถูกเหยียบบาดเจ็บแล้ว จะให้คนมาทายาให้เจ้าแล้วกัน ส่วนที่ต้องการโสมไปเป็นกระสายยา ในจวนข้ามีอยู่ ประเดี๋ยวจะสั่งให้คนนำมาให้เจ้า องค์ชายเจ็ดจะได้ไม่ต้องทรงวิ่งวุ่นอีกรอบ”
หลิ่วอิงน้ำตาร่วงเผาะ นางคารวะต่อฮู่กั๋วกงฮูหยิน “ขอบคุณฮูหยินมากเจ้าค่ะ ข้าขอขอบคุณในบุญคุณช่วยชีวิตของฮูหยินแทนท่านแม่ข้าด้วย”
ว่าแล้วฮู่กั๋วกงฮูหยินก็มองไปยังฮูหยินท่านอื่นๆ ที่ตามมา “เป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น ทุกท่านกลับไปดื่มสุรากันต่อก่อนเถิด หากมีใครถามก็บอกว่าพวกเรามาส่งเกาฮูหยิน รบกวนทุกท่านด้วย”
เหล่าฮูหยินมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ใครๆ ก็อยากสอดรู้สอดเห็นทั้งนั้น ทว่าก็มิมีใครอยากให้เรื่องแปดเปื้อนมาถึงตนเองเช่นกัน
พวกนางอยากแบ่งปันให้ผู้อื่นฟัง แต่เกาฮูหยินกับฮู่กั๋วกงฮูหยินล้วนมิใช่คนไร้พิษสง
“นั่นสิๆ เช่นนั้นพวกข้าจะล่วงหน้ากลับไปดื่มสุราในสวนก่อน ฮูหยินรีบตามมาเร็วๆ เล่า”
ฮู่กั๋วกงฮูหยินพยักหน้า แย้มยิ้มอ่อนโยนเป็นมิตรขึ้นสามส่วน “ประเดี๋ยวเดียวๆ”
เฉินวั่งซูเห็นแล้วก็คล้องแขนเฉียนฝูหรง คิดจะตามไปเช่นกัน กลับถูกฮู่กั๋วกงฮูหยินขวางไว้
“คุณหนูรองเฉินอย่าเพิ่งไป เรื่องนี้…”
ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเฉียนฝูหรงตัดบทอย่างเฉียบขาด นางหัวเราะออกมาเสียงเย็น “นี่ฮูหยินหมายความว่าอย่างไร เดิมทีเรื่องในวันนี้ก็มิได้เกี่ยวข้องกับสกุลเฉินของพวกข้า ถึงจะมีสัญญาหมั้นหมายอยู่ แต่ตราบใดที่ยังมิได้แต่งงาน คุณหนูของตระกูลเราก็มิอาจยุ่งเรื่องพวกนี้ได้ หลานสาวผู้นี้ของข้ามีจิตใจดี ฮูหยินเรียกนางก็มา แต่แล้วอย่างไร มาแล้วยังไม่ยอมปล่อยให้จากไปอีกหรือ สกุลเกาต้องการความยุติธรรม พวกข้าสกุลเฉินก็ต้องการเช่นกัน หลานสาวข้าพูดง่าย แต่ข้าเฉียนฝูหรงเป็นพวกไร้เหตุผล! ในเมื่อพวกท่านเป็นตระกูลแม่ทัพ ก็ต้องรู้ว่าคนแซ่เฉียนอย่างพวกข้าแต่ละคนล้วนไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น บัดนี้ข้ากำลังเดือดจัด คันมืออยากทุบตีคน ฮูหยินยังจะขวางข้าอีกหรือไม่”
ฮู่กั๋วกงฮูหยินเห็นเฉียนฝูหรงมีท่าทางเอาจริงก็หน้าซีด รีบกล่าวพร้อมยิ้ม “เข้าใจผิดแล้วๆ ข้าเพียงคิดจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ให้คุณหนูรองเฉินได้ฟังองค์ชายเจ็ดทรงอธิบายดีๆ แต่ในเมื่อทางบ้านฮูหยินมีธุระ ข้าก็ไม่รั้งไว้แล้ว”
เฉียนฝูหรงแค่นเสียงหึคราหนึ่ง ก่อนจะดึงมือเฉินวั่งซูก้าวอาดๆ จากมา
เพิ่งจะเดินออกพ้นประตูเฉินวั่งซูก็ลดเสียงลงพูดว่า “อาสะใภ้สาม อย่าหงุดหงิดเลยเจ้าค่ะ จะทำให้เราดูไม่ดี”
เฉียนฝูหรงได้ยินก็จิ้มหน้าผากเฉินวั่งซูอย่างแรง “ข้าว่าเจ้าถูกท่านย่าเจ้าล้างสมองแล้ว! ดูดี? ดูดีแล้วอิ่มท้องหรือ ทางนั้นจะอธิบาย? อธิบายบ้าบออันใด ใครตาไม่บอดก็ล้วนเห็นกันทั้งนั้นว่าองค์ชายเจ็ดนั่นดื่มสุราเมามายแล้วลอบนัดพบกับหลิ่วอิง ผลคือเกามู่เฉิงมาถึง หลิ่วอิงหนีไปไม่ทันจึงไปหลบใต้เตียง องค์ชายเจ็ดก็คงจะดื่มมากไป พอมีคนเสนอตัวให้ก็…สกปรกโสมมที่สุด แค่พูดยังกระดากปาก! วั่งซูของข้าวันนี้ได้รับความไม่เป็นธรรมครั้งใหญ่แล้วจริงๆ”
เฉินวั่งซูมองรอบๆ ก่อนทำมือให้อีกฝ่ายเบาเสียง “อาสะใภ้สาม มีเรื่องอะไรพวกเรากลับไปค่อยว่ากันเถิดเจ้าค่ะ”
นางพูดพลางก้าวขึ้นรถม้าตามเฉียนฝูหรงที่กำลังโมโหโทโส ในใจอดจะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
พูดให้รู้ชัดแล้วจะไปมีความหมายอะไร นางมิใช่กำลังแสดงหนังสืบสวนสอบสวนอยู่เสียหน่อย ใครจะไปสนใจความถูกความผิดความจริงความเท็จกัน
ข่าวลือจะต้องไม่ชัดเจน ต้องมีช่องให้ใส่สีตีไข่ถึงจะสามารถลือต่อกันไปได้อีกนาน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 21 ก.ค. 66 เวลา 12.00 น.