บทที่ 15
ฝั่งเหนือของจวนสกุลเฉินมีเรือนเล็กอยู่แห่งหนึ่ง ที่นี่อย่าว่าแต่ป่าไผ่และภูเขาจำลอง แม้แต่วัชพืชก็มีแค่ไม่กี่ต้น ล้วนใช้ศิลาเขียวปูทั่วพื้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
กลางเรือนแห่งนั้นมีหอกยาวสามเล่มตั้งอยู่ เรียงจากเล็กไปใหญ่
เฉียนฝูหรงกวาดตามองหอกเหล่านั้นปราดหนึ่งก่อนเดินเข้าห้อง นี่เป็นเรือนที่นางอาศัยมานับสิบปีในเมืองหลินอัน
“แม้ฮูหยินจะรักและเอ็นดูคุณหนูรอง แต่ไปล่วงเกินฮู่กั๋วกงฮูหยินเพื่อนางได้อย่างไรเจ้าคะ ฮู่กั๋วกงท่านนั้นมีอำนาจล้นฟ้าในกองทัพ หากฮู่กั๋วกงฮูหยินเกิดไปเป่าหูเขาเข้า เช่นนั้นท่านแม่ทัพชราและท่านแม่ทัพน้อยที่อยู่ในกองทัพ…” จย่ามามาที่ติดตามรับใช้เฉียนฝูหรงมาตั้งแต่บ้านเดิมยกชามาให้นางเสร็จก็กล่าวอย่างหวั่นวิตกอยู่บ้าง
เฉียนฝูหรงถอนหายใจ “ฮู่กั๋วกงฮูหยินผู้นั้นแต่งงานมาทีหลัง ทั้งยังเป็นบุตรสาวอนุในตระกูลขุนนางบุ๋น ตอนแรกถูกฮู่กั๋วกงฉุดขึ้นเขาไปเป็นภรรยาหัวหน้าโจร จะไปมีไมตรีอะไรได้ ฮู่กั๋วกงกลับเมืองหลวงนับครั้งได้ นางจะเป่าหูอย่างไร ยิ่งกว่านั้นท่านพ่อก็เคยบอกข้าว่าฮู่กั๋วกงนับว่าเป็นคน…มีศีลธรรมมีคำสัตย์ ไม่มีทางสร้างความลำบากให้ท่านพ่อกับท่านพี่ข้าเพราะเรื่องโสมมหลังบ้านพรรค์นี้แน่ จย่ามามา ข้ารู้จักหนักเบาอยู่”
จย่ามามาโล่งใจ “เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ นายท่านหายไปไร้ข่าวคราว สกุลเฉียนเป็นที่พึ่งสุดท้ายของฮูหยินแล้วนะเจ้าคะ”
เฉียนฝูหรงยกถ้วยชาขึ้นจิบ “สกุลเฉียนเป็นที่พึ่งของข้า แต่สกุลเฉินเป็นที่พึ่งของลูกข้า วันนี้ข้าออกหน้าแทนวั่งซู แม้จะบอกว่ามีความจริงใจอยู่เจ็ดส่วน แต่ก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่สามส่วนเช่นกัน บุตรชายข้าร่างกายอ่อนแอ ทำได้เพียงทิ้งบู๊มาเอาดีด้านบุ๋น อำนาจในกองทัพของท่านพ่อกับท่านพี่ข้าช่วยอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงเดินบนเส้นทางการสอบขุนนาง บุตรชายสองคนของฝั่งพี่สะใภ้ใหญ่ คนโตเพิ่งสอบได้จิ้นซื่อหมาดๆ เหยาซื่อที่แต่งเข้ามาก็มาจากตระกูลดังแถบเจียงหนาน…ส่วนคนเล็กนั้นยิ่งเลื่องชื่อในความรู้ความสามารถ มหาปราชญ์ให้ความสำคัญ…หากบุตรชายข้าเดินบนเส้นทางขุนนางก็จะขาดสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพวกเขาไปไม่ได้ หากมามาหวังดีต่อข้าจริง วันหน้าก็อย่านำทุกเรื่องไปบอกให้ท่านแม่ข้าฟังอีก หากเหล่าบัณฑิตคิดจะใช้ความคิดความอ่านขึ้นมา พวกเรามีกันแปดคนก็ยังไม่พอให้ตาย”
เฉียนฝูหรงกล่าวพลางแสดงสีหน้าคิดตริตรองอย่างสุขุมออกมาเล็กน้อยพลางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ
จย่ามามาตัวสั่น หมอบลงกับพื้น
เฉียนฝูหรงมองดูเล็บอันกลมกลึงของตนเองที่ตัดแต่งเรียบร้อยยิ่ง “ท่านแม่ชมชอบแต่พี่หญิงมาแต่ไหนแต่ไร ไม่สนิทสนมกับข้า พวกเรื่องไม่เป็นเรื่องในสมัยก่อนข้าเองก็ไม่อยากจะพูดถึงอีก ปกติมามาชอบวิ่งไปรายงาน ข้าเห็นชัดอยู่ในสายตา แค่ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างเท่านั้นเอง เรื่องวันนี้มามาติดตามอยู่ข้างกายข้าก็ได้เห็นไปด้วย นั่นเป็นเรื่องฉาวโฉ่ถึงเบื้องสูง หากมามากล้าพูดออกไปส่งเดชก็ระวังถูกคนสาวมาถึงตัว ทีนี้แม้แต่ข้าก็คุ้มหัวมามาไม่ได้”
จย่ามามาตัวสั่นสะท้านหนักกว่าเดิม
เฉียนฝูหรงแย้มยิ้ม ก่อนประคองจย่ามามาลุกขึ้น “ข้าแค่เตือนเท่านั้น มามาไม่ต้องกลัว ข้าหิวแล้ว อยากกินห่านอบสุราแดงของร้านอู่เซียง มามาไปซื้อมาให้ข้าที บัดนี้ในจวนกำลังเจรจาเรื่องหมั้นหมายให้เถียนเอ๋อร์ ข้ากับวั่งซูกลับมาเงียบๆ รอเรื่องนั้นแล้วเสร็จ เกรงว่าในจวนคงจะได้วุ่นวายแล้ว ฉะนั้นต้องกินอาหารเย็นล่วงหน้าไว้ก่อน”
จย่ามามารับคำก่อนกระวีกระวาดถอยออกไป
ครั้นนางไปแล้วสาวใช้นางหนึ่งที่เฝ้าอยู่นอกห้องก็เดินเข้ามา
นางเดินมาหยุดข้างกายเฉียนฝูหรง แล้วนวดขมับให้อีกฝ่าย “นายหญิงปล่อยยายเฒ่านั่นออกไป นางคงไปรายงานข่าวอีกเป็นแน่”
เฉียนฝูหรงหัวเราะพลางชี้ไปทางเรือนใหญ่ “ถ้านางไม่พูด ข้ามิใช่แสดงความภักดีต่อฮูหยินผู้เฒ่าไปอย่างเสียเปล่าหรือไร”