“น้องหญิงรอง ปกติเจ้ามิได้ไปมาหาสู่กับสกุลเกา ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของพวกเขา หากเป็นยามที่สกุลเฉินเรากำลังรุ่งเรืองอาจจะพอสู้กับพวกเขาได้ แต่จากเมื่อสิบปีก่อน…สกุลเฉินเราเสียหายใหญ่หลวง”
พระชายาองค์ชายสามกล่าวพลางเอามือทาบอก “ข้าขอพูดกับเจ้าจากก้นบึ้งหัวใจสักคำ เกามู่เฉิงชอบองค์ชายเจ็ดมาตั้งแต่เล็ก ก่อนหน้านี้นางก็มีความคิดเช่นนี้แล้ว แต่ข้าห้ามเอาไว้ องค์ชายเจ็ดเป็นน้องสามีของข้า ข้าจะปล่อยให้…แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่านางจะผุดความคิดขึ้นมาอีก ซ้ำยังทำสำเร็จแล้วด้วย วันนี้เจ้าเองก็เห็นแล้ว เกาฮูหยินเอาแต่บอกว่าจะไปทวงความยุติธรรมต่อพระพักตร์ฝ่าบาท สกุลเกามีอำนาจมาก หลานสาวสายตรงของอัครมหาเสนาบดีเกาจะไปเป็นอนุผู้อื่นได้อย่างไร ข้าจึงห่วงว่าป้าสะใภ้จะนำเรื่องนี้ไปอาละวาดต่อพระพักตร์ ทำให้ฝ่าบาทหงุดหงิดพระทัย ถึงเวลานั้นถ้าฝ่าบาททรงยอมให้เกามู่เฉิงเป็นพระชายา เจ้าเป็นอนุ ทีนี้จะทำอย่างไรดี ข้าคิดว่าเกามู่เฉิงต้องการแต่งงาน จะเอะอะก็ดี เงียบไว้ก็ช่าง ล้วนแก้ไขอันใดไม่ได้ สู้เจ้ายอมถอยก้าวหนึ่งกลับจะเป็นผลดีกว่า”
เฉินวั่งซูตบตั่งเล็กดังปังก่อนลุกขึ้นยืน ทำเอาแมวตัวนั้นร้องเมี้ยวด้วยความตกใจและกระโดดลงจากอ้อมแขนนาง ก่อนจะวิ่งเผ่นออกไป “พี่หญิง เชิญกลับไปได้แล้ว พวกเราบุตรสาวสกุลเฉินไม่มีเหตุผลให้ต้องเป็นอนุ แม้นเรื่องจะไปถึงฝ่าบาท ท่านกับข้าก็มีเหตุผล ตระกูลสามีพี่หญิงแซ่เกาย่อมจะหวั่นกลัว แต่ข้าแซ่เฉินกลับมิมีสิ่งใดต้องกลัว!”
นางพูดจบก็โอบกอดพระชายาองค์ชายสาม “ข้าอารมณ์พลุ่งพล่านไปชั่วขณะ พี่หญิงอย่าได้ถือโทษ พี่หญิงมิใช่บอกแล้วหรือว่าขอเพียงเรื่องนี้ไม่แพร่ออกไป ตระกูลเราไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต ไม่ว่าอย่างไรฝ่าบาทก็มิทรงมีเหตุผลที่จะลดข้าเป็นอนุ ถูกต้องหรือไม่เล่า พี่หญิงเป็นผู้ที่ฉลาดที่สุดในสกุลเฉินเรา มีใครไม่พูดกันว่าพระชายาองค์ชายสามฉลาดหลักแหลมบ้าง วาจาของพี่หญิงข้าจดจำไว้ขึ้นใจ จะไม่พูดอะไรแม้แต่ครึ่งคำ จะถือว่าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น เพียงแต่เรื่องเป็นอนุ ข้าเฉินวั่งซูยอมตาย แต่จะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด”
พระชายาองค์ชายสามยังสับสนอยู่บ้าง นางถูกเฉินวั่งซูพาพูดอ้อมวกวนจนมึนงง
เฉินวั่งซูมองมู่จิ่นปราดหนึ่ง มู่จิ่นก็ผายมือไปทางประตูด้วยท่าทางเด็ดขาด “พระชายาองค์ชายสาม เชิญเพคะ วันนี้ในจวนมีเรื่องมงคล พระชายามีพระประสงค์จะไปร่วมเสวยชามงคลที่เรือนส่วนหน้าหรือไม่”
พระชายาองค์ชายสามได้สติกลับมาก็ยิ้มเล็กน้อย “มิได้ๆ ข้าจะไปแย่งความสำคัญของงานได้อย่างไร ข้ากลับไปก่อนดีกว่า หากน้องหญิงรองมีสิ่งใดต้องการให้ข้าช่วยเหลือก็จงอย่าได้เกรงใจ”
เฉินวั่งซูพยักหน้าด้วยสองแก้มแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่ายังมิคลายโทสะ
ครั้นพระชายาองค์ชายสามพาคนจากไปอย่างเอิกเกริกแล้ว เฉินวั่งซูถึงได้หัวเราะออกมาก่อนกล่าวเสียงดังฟังชัด “ท่านย่ามานานแล้ว ไยจึงไม่ออกมาให้พี่หญิงคนดีผู้นั้นของหลานได้คารวะสักหน่อยเล่าเจ้าคะ”
ระหว่างที่พูดฮูหยินผู้เฒ่าเฉินก็เดินถือไม้เท้าเข้าประตูมา
เฉินวั่งซูรีบก้าวไปต้อนรับ พยุงนางมานั่งข้างโต๊ะเล็ก ก่อนรินชาให้ด้วยตนเอง และสั่งให้มู่จิ่นไปยกขนมกับผลไม้มา
“แม่เจ้าอยากอาละวาด แต่ย่าห้ามไว้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าว่าควรทำอย่างไรดี” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินกล่าวพลางมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา
เฉินวั่งซูยิ้มหน้าเป็น “ท่านย่าก็เห็นแล้วนี่เจ้าคะ เมื่อครู่พระชายาองค์ชายสามกำลังยั่วยุหลาน! คนผู้นี้ช่างโลภโมโทสัน มาเป็นผู้เกลี้ยกล่อมให้สกุลเกา มอบทางตันให้หลานสองทาง หากหลานมีนิสัยรุนแรง ถูกนางยั่วโมโหด้วยการที่เอะอะก็อนุ เอะอะก็บอกสกุลเการ้ายกาจจนนำเรื่องนี้ไปอาละวาดต่อพระพักตร์ ผลสุดท้ายก็คงเป็นดั่งที่นางพูด เกามู่เฉิงจะต้องแต่งงานกับองค์ชายเจ็ด ฝ่าบาททรงพระพิโรธ หลานต้องกลายเป็นอนุ หากหลานมีนิสัยปวกเปียก ฟังคำของนางแล้วยอมเป็นอนุเอง โยนความหยิ่งในศักดิ์ศรีของผู้มีปัญญาทิ้งไป ไม่ต้องกล่าวว่าคนในตระกูลจะมองหลานอย่างไร ท่านย่าคงเป็นคนแรกที่ตัดญาติขาดมิตรกับหลาน กวาดหลานออกไปให้พ้นจวน”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินพยักหน้าก่อนกล่าวเนิบๆ “สกุลเฉินเรามิมีบุตรสาวที่เป็นอนุ”
“เหตุใดหลานต้องร้อนใจ หลานไม่ร้อนใจเลยสักนิด เรื่องมาถึงบัดนี้ มีให้เพียงคำเดียว นั่นก็คือรอ!” เฉินวั่งซูกล่าวพลางชูนิ้วสามนิ้ว “หนึ่งรอสกุลเกานั่งไม่ติด วางท่าประกาศว่าหลานต้องยอมถอยให้เกามู่เฉิงต่อหน้าคนในเมืองหลินอัน สองรอให้จวนองค์ชายสามนั่งไม่ติด ด้วยเห็นพวกเราไม่มีการเคลื่อนไหว สกุลเกาก็ปิดบังอำพรางจนร้อนใจกระพือเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นมาในที่แจ้ง บีบให้ฝ่าบาทแก้พระราชโองการ สามรอ…”
เฉินวั่งซูพูดพลางมองไปยังฮูหยินผู้เฒ่าเฉินพร้อมรอยยิ้มหวาน “สามรออาสะใภ้สามกระพือเรื่องที่อัครมหาเสนาบดีเกาใช้อำนาจข่มคน ฝ่าบาทไม่ทรงคำนึงถึงหน้าขุนนางผู้มีความดีความชอบ บีบให้บุตรหลานของเขาเป็นอนุไปถึงในกองทัพ…เมื่อสร้างแรงกระตุ้นนี้เรียบร้อย ยกฝ่าบาทขึ้นย่างบนกระถางไฟจนทรงเดินหน้าถอยหลังไม่ได้แล้ว…ก็ถึงเวลาที่ท่านย่าผู้เป็นดั่งพระโพธิสัตว์มาโปรดของจวนเราจะเข้าวัง”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 23 ก.ค. 66 เวลา 12.00 น.