ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 192-194 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 192-194

บทที่ 193

เกามู่เฉิงมองแขนเสื้อของตนเองตามจิตใต้สำนึก ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ช่องใส่ของตรงแขนเสื้อขาดเป็นรู

นางพุ่งปราดไปข้างหน้าหมายจะเก็บไข่มุกสีดำเม็ดนั้นบนพื้นขึ้นมา ทว่าช้าเกินไป องค์ชายแปดก้มตัวลง ยื่นสองนิ้วออกไปคีบไข่มุกขึ้นมาแล้ว

เกามู่เฉิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เหลือบมองเหยียนเจวี๋ยกับเฉินวั่งซูคราหนึ่งด้วยอาการหวาดหวั่นลนลาน

เฉินวั่งซูยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทางว่านอนสอนง่ายประหนึ่งเด็กน้อยที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี เหยียนเจวี๋ยมุ่นหัวคิ้วไม่ชอบใจ เขาคีบกับแกล้มให้นาง ทำประหนึ่งรอบข้างไม่มีผู้คนอยู่…ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในตำหนักใหญ่ แต่เป็นในเรือนของพวกเขาเองต่างหาก

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกามู่เฉิงทำลงไปเมื่อครู่นี้นึกว่าตนเองวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ในสายตาผู้อื่นกลับเหมือนเป็นฝุ่นบนเสื้อผ้าก็มิปาน แค่ปัดสักหน่อยฝุ่นก็หายไปแล้ว

เกามู่เฉิงใจหายวาบ ยกมือปิดแขนเสื้อ “น้องแปดคงจะมองผิดไปแล้ว ไข่มุกเม็ดนั้นข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่ามาจากที่ใด จู่ๆ ก็กระดอนออกมา ทำเอาข้าตกใจนัก หากเหยียบมันเข้าเกรงว่าคงได้หกล้มอีกเป็นแน่”

องค์ชายแปดหยิบไข่มุกเม็ดนั้นขึ้นมา จากนั้นเลียนอย่างท่าทางของเกามู่เฉิงก่อนหน้านี้ ส่องมันกับแสงไฟ ก่อนจะเดินมาหยุดเบื้องหน้าเฉินวั่งซูแล้วกล่าวว่า “ท่านอาหญิง ท่านดูที ไข่มุกเม็ดนี้เหมือนกับเม็ดก่อนหน้านี้หรือไม่ หากมีม้าดำสองตัวข้ายังพอแยกแยะได้ แต่ไข่มุกนี้เว้นแต่จะเป็นคนละสี มิเช่นนั้นข้าก็แยกไม่ออก”

เขาพูดพลางยัดไข่มุกเม็ดนั้นเข้ามาในมือเฉินวั่งซู ก่อนจะหันหน้าไปมองเกามู่เฉิง “เกามู่เฉิง! เจ้าอย่านึกนะว่าเจ้าเป็นสตรีแล้วข้าจะไม่กล้าชกเจ้า ข้าอยากชกเจ้ามานานแล้ว!”

เขาพูดพลางถลกแขนเสื้อ พุ่งตัวไปหาเกามู่เฉิงราวกับวัวคลั่งตัวหนึ่ง

อย่าว่าแต่คนอื่นๆ ในที่นี้เลย แม้แต่เฉินวั่งซูก็ยังถูกการกระทำนี้ขององค์ชายแปดทำเอาปากอ้าตาค้าง

นางรู้เพียงว่าในอดีตองค์ชายแปดกับเหยียนเจวี๋ยต่างก็เป็นพวกชนชั้นสูงมั่งคั่งที่ไม่เอาการเอางาน ชื่อเสียงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย แต่นางคิดไม่ถึงสักนิดว่าเจ้าคนผู้นี้จะถึงกับไม่ได้เรื่องปานนี้

เกามู่เฉิงตกใจจนใบหน้างดงามถอดสี รีบวิ่งไปอยู่ข้างหลังองค์ชายเจ็ด เจียงเยี่ยเฉินไหนเลยจะเคยเห็นภาพเยี่ยงนี้จึงเก็บกระบี่ยาวที่ข้างเท้าขึ้นมาตั้งท่าป้องกัน “น้องแปด เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ นี่จะทำอะไร”

“เหล่าปา!” ฮ่องเต้ตวาดออกมาด้วยความโกรธ

องค์ชายแปดชกหมัดไปถึงหน้ากระบี่แล้วกลับพลันชะงักกึก ครั้นแล้วก็ร้องไห้ออกมา

เฉินวั่งซูมุมปากกระตุก มองไปยังฉินเจ่าเอ๋อร์ ปากของฉินเจ่าเอ๋อร์กระตุกจนเหมือนจะเป็นลมชักแล้ว วิธีร้องไห้โฮนี้นางเคยได้เปิดหูเปิดตามาก่อน เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดทั้งเช้า แม้แต่เจดีย์เหลยเฟิง* ยังจะถูกน้ำตาเขาท่วมจนมิด

องค์ชายแปดน้ำตาไหลพรากๆ “เสด็จพ่อ กระหม่อมคับข้องใจ กระหม่อมกับเกามู่เฉิงโตมาด้วยกัน ตอนเทศกาลไหว้พระจันทร์ เสด็จพ่อทรงมอบขนมไหว้พระจันทร์ให้พวกกระหม่อม บอกว่าในนั้นมีเพียงชิ้นเดียวที่เป็นไส้เนื้อกวาง

กระหม่อมโชคดีหยิบได้ชิ้นนั้นมา ตนเองกินไปได้ครึ่งหนึ่งก็ต้องเหลือให้เกามู่เฉิงอีกครึ่งหนึ่ง ทั้งๆ ที่ตอนแรกกำหนดการแต่งงานไว้แล้ว แต่มู่เฉิงกลับจะแต่งกับพี่เจ็ดให้ได้ พี่น้องคนใดในเมืองหลินอันไม่หัวเราะเยาะว่ากระหม่อมเป็นเจ้าโง่ถูกสวมเขาบ้าง

เรื่องนี้กระหม่อมยอมทน คิดเสียว่านางเป็นเหมือนพี่สาวแท้ๆ ของกระหม่อม ยามนางแต่งงานกระหม่อมก็ได้นำเอาของที่พระองค์พระราชทานมาตลอดหลายปีนี้เติมเป็นสินเดิมให้นางด้วย”

องค์ชายแปดหันไปมองเกามู่เฉิง “เกามู่เฉิง เจ้าบอกมา ข้าเคยทำความผิดใดต่อเจ้า! เจ้าถึงได้ทำร้ายข้าเยี่ยงนี้ เจ้ามองสองตานี้ของข้านะ มันมีตาขาวใหญ่กว่าเจ้าหรือไร ข้ามองเห็นชัดกับตา ไข่มุกเม็ดนั้นถูกสะบัดออกมาจากในแขนเสื้อของเจ้า ก่อนหน้าที่ข้าจะหกล้มตรงนี้วุ่นวายยุ่งเหยิง พี่สะใภ้ห้ากับพี่สะใภ้หกที่นั่งอยู่ด้านข้างล้วนขยับที่นั่งแล้ว มีเจ้าเป็นสตรีอยู่เพียงคนเดียว ไม่ใช่ของเจ้าแล้วจะเป็นของผู้ใด คิดว่าใครเป็นคนโง่กัน!” พูดจบเขาก็คำรามลั่น

เฉินวั่งซูรู้สึกว่าเสี้ยวเวลาถัดไปองค์ชายแปดคงจะพุ่งตัวไปคว้าไหล่เกามู่เฉิงไว้แล้วจับนางเขย่าไปมาไม่หยุดเพื่อแสดงความเจ็บใจและความเดือดดาลของตนเอง

ฝีมือการแสดงระดับราชานักคำรามนี้ช่างชวนให้คนต้องทอดถอนใจว่า…ได้มาเห็นเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ

เฉินวั่งซูคิดพลางมองฮ่องเต้ปราดหนึ่ง ขิงแก่ผู้นี้เกิดบิดเบี้ยวผิดพลาดจากตรงที่ใดกันแน่ เจ้าหนูน้ำเต้าทั้งแปดถึงได้ไม่มีใครปกติเลยสักคน! ดูเจ้าหนูน้ำเต้าคนอื่นๆ สิ ท่าทางเหมือนบอกว่าตีกันเลยๆ มีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นทั้งนั้น

“ท่านอาหญิง ท่านดูเสร็จหรือยัง มันเหมือนกันใช่หรือไม่”

เจ้าหนูน้ำเต้าผู้เป็นราชานักคำรามมองมา เฉินวั่งซูที่ถือไข่มุกเม็ดนั้นอยู่ก็ร่างกายโงนเงน หวิดจะยืนไม่อยู่ เหยียนเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างนางรีบยื่นมือมาโอบไว้ไม่ปล่อยให้นางล้มลงพื้น

เกือบไปแล้ว! รับทันพอดี! เหยียนเจวี๋ยเหงื่อซึมฝ่ามือ

เฉินวั่งซูปรายตามองเขาทีหนึ่ง วางใจเถอะ ก็แค่หงายไปด้านหลังสี่สิบห้าองศา ข้าไม่ล้มแน่!

“นี่…เหมือนกันจริงๆ…เพียงแต่หม่อมฉันไม่เข้าใจ เมื่อครู่นี้พระชายาองค์ชายเจ็ดพูดอยู่ตลอดว่าไข่มุกที่ทำร้ายคนนั้นเป็นไข่มุกในสร้อยเส้นที่เกาเฟยประทานให้หม่อมฉัน หากเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องจะมีความคิดเยี่ยงนี้ก็มิแปลก แต่พระชายาองค์ชายเจ็ด ไข่มุกที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วนี้ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของท่านชัดๆ ท่านรู้ว่ามันอยู่ที่ใด แล้วไยยังต้องพูดโยงมาถึงหม่อมฉันด้วย”

นางพูดพลางยกมือปิดปาก เหลือบมองคราบเลือดบนพื้นด้วยความตกตะลึง

“ประเดี๋ยวเกาเฟย หม่อมฉันขอยืมไข่มุกในมือของท่านมาดูสักหน่อยได้หรือไม่เพคะ…หม่อมฉันพบว่าบนไข่มุกเม็ดนี้มีรอยประหลาดอยู่ น่าจะเคยผ่านการเลี่ยมด้วยดิ้นทอง หากบนเม็ดนั้นมีเหมือนกัน ก็เป็นไปได้สูงว่าไข่มุกสองเม็ดนี้จะถูกคนดึงออกมาจากเครื่องประดับสักชิ้นหนึ่ง…ปกติแล้วขั้นตอนการเลี่ยมเครื่องประดับให้ไข่มุกไม่หลุดร่วงมักจะกดทับไข่มุกไว้จนแน่น นานวันเข้าก็จะปรากฏรอยกดขึ้นมา”

เกาเฟยรีบจับไข่มุกในมือตนเองขึ้นดู ครั้นแล้วก็อุทานออกมา “มีจริงๆ ด้วย!”

นางพูดพลางยื่นไข่มุกเม็ดนั้นให้เฉินวั่งซู

ไข่มุกสีดำขลับทั้งสองเม็ดวางอยู่บนมือขาวผ่องอ่อนนุ่มของเฉินวั่งซู ขนาดเท่ากัน สีสันความมันเงาเท่ากัน มีรอยกดจางๆ อยู่ตรงตำแหน่งเดียวกัน ไม่ว่าใครมาดูก็ต้องบอกว่านี่เป็นคู่แห่งโชคชะตา

เฉินวั่งซูยกมือขึ้น นำไข่มุกคู่นี้ไปวางบนโต๊ะของฮ่องเต้ จากนั้นก็หมุนตัวไปมองเกามู่เฉิง “พระชายาองค์ชายเจ็ด คราวนี้ถึงตาหม่อมฉันถามบ้างแล้ว พระชายากับหม่อมฉันไม่มีความแค้นเคืองต่อกัน ไยท่านจึงต้องการทำร้ายหม่อมฉัน”

นางพูดพลางก้มหน้าลง ก่อนจะมองเหยียนเจวี๋ยปราดหนึ่งอย่างระมัดระวัง

เหยียนเจวี๋ยพยักหน้า

เฉินวั่งซูคล้ายได้รับกำลังใจจึงเงยหน้าขึ้นมา “หม่อมฉันยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาต้องทรงจงใจทำให้องค์ชายแปดล้ม ทำให้อนุหลิ่วต้องคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งเหตุใดต้องปล่อยให้องค์ชายเจ็ดรวมถึงทุกคนรู้สึกว่าเรื่องอำมหิตนี้เป็นฝีมือของหม่อมฉัน ทำเช่นนี้มีผลดีอะไรต่อพระชายาเล่า”

เกามู่เฉิงได้ยินวาจานี้ก็ราวกับเป็นคนจมน้ำที่คว้าขอนไม้ลอยน้ำไว้ได้จึงพูดต่อจากเฉินวั่งซูทันที “ใช่น่ะสิ ทำเช่นนี้มีผลดีอะไรต่อข้า เด็กคนนั้นก็เป็นลูกของพี่เยี่ยเฉิน อยู่ดีๆ เหตุใดข้าต้องทำร้ายเด็กด้วย

ต่อให้ข้าชังที่เด็กเป็นลูกอนุ แต่ข้าก็ไม่ได้โง่เขลาถึงขั้นทำร้ายนางจนตายต่อหน้าธารกำนัลมากมาย น้องแปดใกล้ชิดสนิทสนมกับข้ามาแต่ไหนแต่ไร ข้ากับจวนฮู่กั๋วกงของพวกเจ้าก็ไม่มีความแค้นต่อกัน ข้าคงกินอิ่มมากไปกระมังเลยมาทำเรื่องพวกนี้”

เฉินวั่งซูดูเวลาเล็กน้อย ก่อนนับในใจ สาม สอง หนึ่ง!

หมอตำแยคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้ามาจากหน้าประตู กล่าวด้วยสีหน้าปีติยินดีว่า “ยินดีด้วยเพคะๆ องค์ชายเจ็ดทรงได้โอรส วันสิ้นปีเพิ่งจะผ่านพ้นไป เด็กคนนี้คลอดในวันปีใหม่ ถือเป็นมงคลเพคะ!”

เฉินวั่งซูกระตุกมุมปาก พลันเงยหน้าขึ้นรำพึงรำพันกับตนเอง “อย่างนี้นี่เอง มีบุตรชายในเร็ววัน”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com