ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 195-197 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 195-197

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 195

เฉินวั่งซูปรบมือแปะๆๆ พินิจมองเหยียนเจวี๋ยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาแฝงความนัยลึกซึ้ง ที่แท้การเป็นภรรยายังทำเช่นนี้ได้ด้วย!

เหยียนเจวี๋ยตัวสั่นสะท้าน ขยับเข้าหาองค์ชายสี่อีกเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเปลี่ยนไปนั่งคนละฝั่งกับเฉินวั่งซูทันที

“มือของภรรยาเหมือนกับเต้าหู้อ่อน เอามาใช้ต่อยตีคนได้เสียที่ใดกัน เจ้าบอกมาว่าเจ้าอยากต่อยตรงจุดใด ข้าจะลงมือเอง!”

เหยียนเจวี๋ยกับฉินเจ่าเอ๋อร์ยืนอยู่บนแนวรบฝั่งเดียวกันอย่างหาได้ยาก

ไม่เคยเห็นคนที่หน้าหนาไร้ยางอายเท่านี้มาก่อนเลย รู้จักเขินอายบ้างหรือไม่!

“เหยียนเจวี๋ย! สามีเป็นใหญ่ สามีเป็นใหญ่! จะปล่อยให้ภรรยาตัวน้อยขี่หัววางอำนาจกับเจ้าได้อย่างไร!” องค์ชายสี่ตระหนกตกใจก่อนจับตัวเหยียนเจวี๋ยไว้ เจ้าคนผู้นี้เป็นคนทรยศในหมู่บุรุษเลยทีเดียว

เหยียนเจวี๋ยมององค์ชายสี่ปราดหนึ่งก่อนกล่าวอย่างเนิบนาบ “ไยข้าจึงเห็นแม่นางฉินกระโดดโลดเต้นอยู่บนศีรษะท่านไปหลายรอบแล้วเล่า! ท่านลองสำแดงบารมีให้ดูสักหน่อยเป็นไร”

องค์ชายสี่แค่นเสียงก่อนหันไปมองฉินเจ่าเอ๋อร์ ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ชูสองมือขึ้นแล้ว

“แม่นาง วางหน้าไม้ลงเถิด ครั้งแรกเจ้ายิงข้าเสียจนข้ามีสภาพราวกับเม่น ข้าต้องเอาแม่เหล็กมาดูดออกเองอยู่ในจวนเป็นนานสองนาน ส่องหาเข็มจนตาเกือบบอดแล้ว”

ฉินเจ่าเอ๋อร์สอดหน้าไม้เล็กเก็บเข้าแขนเสื้อ ก่อนมองไปยังเฉินวั่งซู “หน้าไม้เล็กคันนี้ของข้าเป็นของที่ทำใหม่ ยาที่ให้ท่านไปนั้นล้ำค่าราคาแพงยิ่ง จึงไม่ได้เอามาทาที่เข็มหน้าไม้ ทว่าเข็มนี้บิดงอเป็นพิเศษ แทงเข้าในเนื้อจะเหมือนมีหนอนไชเข้าไป พอดูดเข็มออกจะเกิดเป็นรู”

องค์ชายสี่ได้ยินแล้วก็ขดร่างเข้าหาผนังรถม้า แทบอยากจะเอาตัวแนบเข้าไปทั้งร่าง “พิษร้ายที่สุดคือใจสตรี เจ้าเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง ในสมองกลับไม่คิดเรื่องสายลมบุปผาหิมะจันทรา* เอาแต่คิดว่าจะทรมานคนเยี่ยงไร…เจ้าหน้าที่สอบปากคำของกรมอาญาศาลต้าหลี่ยังไม่ร้ายกาจเท่าเจ้าเลย!”

ฉินเจ่าเอ๋อร์ถลึงตาใส่เขา “หม่อมฉันรู้สึกว่าตนเองใจดีมากแล้วที่ใช้แค่เข็มปักผ้ากับท่าน ดูท่าทางท่านจะไม่พอใจมาก เช่นนั้นคราวหน้า…”

องค์ชายสี่ตัวสั่นสะท้าน ทุบตนเองดังปั้ก “ข้าทำเอง!”

เหยียนเจวี๋ยส่งเสียงจุปาก เลียนอย่างวิธีที่องค์ชายสี่เคยทำมาก่อนแล้วจับตัวเขา “สามีเป็นใหญ่! สามีเป็นใหญ่!”

เฉินวั่งซูทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงหัวเราะร่วนออกมา “พอได้แล้ว! หากข้ายังหัวเราะต่อไป เสียงหัวเราะของข้าคงได้ทำให้หิมะในเมืองหลินอันสั่นสะเทือนจนพังถล่มแล้ว!”

องค์ชายสี่หน้าดำราวกับก้นหม้อ เพิ่งคิดจะต่อปากต่อคำอีกเล็กน้อยก็นึกได้ว่าคนตรงหน้านี้คืออาหญิง เป็นคนโหดที่สามารถสั่งสอนให้อันธพาลกลายเป็นสุนัขที่จงรักภักดีได้ จึงเปลี่ยนคำพูดให้เบาลงทันที

“หากท่านอาหญิงมีความสามารถนั้นจริง รอถึงเวลาชาวบ้านตากข้าวจะให้ท่านไปลองหัวเราะอยู่ข้างๆ ทำให้ข้าวฟ่างสะเทือนจนลอยขึ้นมา นั่นมิใช่ไม่ต้องฝัดข้าวแล้วหรือไร”

เฉินวั่งซูไม่โกรธ กลับพยักหน้า “หม่อมฉันก็คิดอยู่ รอท่านถูกเจ่าเอ๋อร์ฟาดจนนอนหมอบบนเตียงขยับเขยื้อนไม่ได้ ท่านก็ให้เชิญหม่อมฉันไปหัวเราะสักสองที สามารถช่วยให้ท่านพลิกตัวได้พอดี ท่านจะได้ไม่ต้องนอนจนรากงอก นับว่าไมตรีฉันอาหลานของพวกเราสมบูรณ์แล้ว”

องค์ชายสี่อ้าปากพะงาบ…

ฝีปากคมแล้วอย่างไร

หนังหน้าของผู้อื่นหนาจนขีดข่วนไม่เข้าแล้ว!

เฉินวั่งซูสบตากับฉินเจ่าเอ๋อร์ ก่อนจะพากันหัวเราะร่วน

ฉินเจ่าเอ๋อร์บิดขี้เกียจ ชะโงกหน้าออกไปรับลมด้านนอก พอสัมผัสอากาศหนาวจนจามออกมาแล้วก็หดศีรษะกลับมา “ตรงกลับจวนเลยแล้วกัน เฉิงอู่ พอถึงทางแยกแล้วก็ปล่อยพวกข้าลง เดิมทีอยู่ในวังเห็นคนพวกนั้นปากหวานก้นเปรี้ยวจนหงุดหงิด บัดนี้อยู่กับวั่งซูได้ครู่เดียวก็รู้สึกสบายอกสบายใจแล้ว ข้าว่านะ ถึงอย่างไรเหยียนเจวี๋ยเขาก็ใช้การ…แค่กๆ วั่งซูมิสู้แต่งงานกับ…ข้า…”

ฉินเจ่าเอ๋อร์เห็นแววตาโหดเหี้ยมของเหยียนเจวี๋ยแล้วก็กลัวหงอในทันที “ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูด”

นางว่าแล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูดทันควัน “วันนี้ข้าเห็นขาขององค์ชายแปดดูเหมือนจะมีอาการเจ็บ ท่าทางขณะเขายกขาดูแข็งทื่อไปสักหน่อย ทว่าก่อนหน้านี้…” ฉินเจ่าเอ๋อร์มองเหยียนเจวี๋ยด้วยสายตาสอบถาม “ก่อนหน้านี้เขาเที่ยวเล่นกับท่าน ขี่ม้าล่าสัตว์เป็นประจำ ข้าเองก็เคยตีคลีกับเขา แต่มิได้พบปัญหานี้ ท่านเคยพบอาการนี้ของเขามาก่อนหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าองค์ชายเจ็ดจะทรงมีความคิดความอ่านลึกซึ้งปานนี้ ทั้งยังไม่ไว้ไมตรีอีก เขาได้การสนับสนุนจากสกุลเกาไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พอ นี่ยังต้องการกระชากองค์ชายแปดให้ร่วงหล่นลงมา จะได้รวบผลประโยชน์ไว้คนเดียวไม่แบ่งใคร! แล้วไหนจะบุตรชายนั่นอีก…โชคดีที่ถูกวั่งซูทำลายจุดมุ่งหมายของเขาทิ้งแล้ว มิเช่นนั้นก็ดูไม่ออกเลย ปกติเขาเก็บงำท่าทีไว้แนบเนียน แต่สองสามครั้งหลังมานี้ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือเขา”

เฉินวั่งซูได้ยินแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย

เห็นทีเรื่องที่บิดาของฉินเจ่าเอ๋อร์ชี้แนะนางไปจะได้ผลพอดู ฮ่องเต้ยังไม่แต่งตั้งรัชทายาทเสียที องค์ชายคนใดจะไม่มีปณิธานยิ่งใหญ่คิดจะลองดูสักครั้งกันบ้าง

อย่างวันนี้ฉินเจ่าเอ๋อร์กับองค์ชายสี่มุดขึ้นรถม้าของพวกนางตรงหน้าประตูวัง นั่นก็หาใช่อยากไปปีนภูเขาหิมะเสียหน่อย แต่หนึ่งคือพวกนางมีสายสัมพันธ์กันอยู่พอสมควรจริงๆ และสองก็เป็นการแสดงความสนิทสนมต่อหน้าคนทั้งหลาย

เหยียนเจวี๋ยส่ายศีรษะ “ในอดีตไม่เคยเห็นเลย เหล่าปาชอบออกกำลัง เตะลูกหนังเป็นประจำ เดิมทีไม่น่าจะมีอาการเจ็บป่วยอะไร”

‘ไม่น่าจะมี’ ไม่ได้หมายความว่า ‘ไม่มี’ เสียหน่อย คืนนี้คนมากมายล้วนเห็นกันหมดแล้ว ขาองค์ชายแปดเคลื่อนไหวไม่สะดวก เห็นทีอีกไม่นานก็น่าจะรู้จุดจบของบุตรชายคนโตสายตรงแล้ว

องค์ชายสี่ลังเลอยู่ชั่วประเดี๋ยว สุดท้ายยังคงพูดออกมา “เรื่องนี้แม้แต่ในวังก็ยังมีคนรู้น้อยมาก มารดาบังเกิดเกล้าของเสี่ยวเกาเฟยจากโลกนี้ไปเนื่องจากเป็นโรคประหลาดชนิดหนึ่ง ตอนนางยังสาวไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่เวลาผ่านไปขากลับค่อยๆ เคลื่อนไหวไม่สะดวก ต่อมามือก็แข็งตามไปด้วย มาตอนหลังทั้งร่างก็มีสภาพเป็นเช่นก้อนหิน…คนสกุลเกาหวาดกลัว เนื่องจากดูเหมือนกับศพ เห็นแล้วประหลาดนัก จึงไม่กล้าไปเชิญหมอหลวงจากในวัง เพียงให้หมอที่มีอยู่ในจวนคอยตรวจดู

ทว่าไม่นานนักมารดาของเสี่ยวเกาเฟยก็สิ้นใจตาย สกุลเกาเผานางเป็นเถ้าถ่านในคืนเดียวกัน ที่หลุมศพทุกวันนี้ยังฝังไว้เพียงแค่เสื้อผ้า ไร้เถ้ากระดูก”

องค์ชายสี่พูดเบาเสียงลงอีก “เรื่องนี้เป็นท่านแม่ข้าเล่าให้ฟัง นางบอกว่าเสี่ยวเกาเฟยกลัวตนเองจะเป็นโรคนี้เป็นพิเศษ มีหนหนึ่งนางอาศัยความโปรดปรานทำตัวโอหัง กระทำความผิดลงไป ถูกไทเฮาลงโทษให้คุกเข่าในห้องพระจนขาชา ให้ตายสิ นางตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง หลังฟื้นคืนสติก็กินโสมเข้าไปทั้งต้นจนเลือดกำเดาไหลอยู่สามวัน!”

เฉินวั่งซูขมวดคิ้ว “ดังนั้นท่านสงสัยว่าองค์ชายแปดจะป่วยเป็นโรคเดียวกับท่านยายของเขา?”

องค์ชายสี่พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “มีเพียงคำชี้แจงนี้แล้ว เกามู่เฉิงเองก็เป็นคนสกุลเกา ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีไปกว่านาง เกิดเหตุอันใดขึ้นกับน้องแปด นางย่อมจะได้รับข่าวเร็วกว่าพวกเรามาก โรคนี้กำเริบอย่างกะทันหัน ข้าเห็นว่าขาของน้องแปดเพียงแต่เคลื่อนไหวติดขัดเล็กน้อย บางทีอาจจะแค่บาดเจ็บจากการเตะลูกหนังเมื่อไม่กี่วันก่อนก็เป็นได้ ทว่าเสด็จพ่อจะมีพระราชดำริอย่างไร นั่นก็บอกได้ยากแล้ว”

ฉินเจ่าเอ๋อร์มององค์ชายสี่อย่างเหยียดหยามปราดหนึ่ง “คนแซ่เจียงอย่างพวกท่านวันๆ เอาแต่สู้กันเป็นไก่ชน จริงสิ วั่งซู ไข่มุกเม็ดนั้นเกามู่เฉิงน่าจะวางไว้ในตัวท่านแล้วจึงจะถูก แล้วมันกลับไปอยู่บนตัวนางใหม่ได้อย่างไรกัน”

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com