ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 198-200 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 198-200

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 198

เฉินวั่งซูหัวเราะฮ่าๆ “ได้เลย! พวกเราไปขี่ม้าล่าสัตว์กันบนทุ่งหญ้า แล้วก็ออกทะเลไปทำให้พวกคนเถื่อนต้องตัวสั่น ดีไม่ดีข้าอาจจะยังได้เป็นฮ่องเต้หญิงด้วย”

นางกับเหยียนเจวี๋ยไม่ได้เพิ่งเคยถกเรื่องนี้กันเป็นครั้งแรก

เพียงแต่สภาพจิตใจคราวนี้แตกต่างจากคราวก่อนมาก

ยามนั้นนางคิดว่าหลอกเหยียนเจวี๋ยไปก่อน วันหน้าค่อยสังหารเจียงเยี่ยเฉินแล้วตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้หญิงเอง

แต่บัดนี้ความรู้สึกที่นางมีต่อเหยียนเจวี๋ยมิใช่ง่ายๆ เพียงแค่ถูกใจในความงามแล้ว

สำหรับนางแคว้นต้าเฉินเป็นแค่นิยายเล่มหนึ่ง แต่สำหรับเหยียนเจวี๋ยมันเป็นโลกของเขาไปแล้ว

นางยังคิดไม่ตกว่าควรเอ่ยปากบอกเรื่องระบบและเรื่องภารกิจให้เขารู้ดีหรือไม่

คราวก่อนองค์ชายสามก่อกบฏ เข่นฆ่ากันในสนามรบ นางก็ไม่ได้เป็นเหมือนในอดีตที่ปลีกตัวไปอยู่ห่างๆ คิดเพียงว่าเชิญเคี่ยวกรำตามสบาย จะอย่างไรพอถึงเวลานางก็สะบัดก้นจากไปแล้ว

ลูกปัดระเบิดของนางก็ระเบิดคนเป็นให้ตายได้ ปีกผีเสื้อที่นางขยับสามารถเปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของผู้คนตั้งมากมาย ถึงแม้คนเหล่านี้จะอยู่ในนิยาย แต่ก็ไม่สมควรที่จะตายไปง่ายๆ เช่นนี้

เหยียนเจวี๋ยมีใจเกรงกลัวเร็วกว่านาง

นางค้นพบนานแล้วว่าคนผู้นี้ใจเย็นและมีเหตุผลกว่าที่นางคิดไว้มาก

เมื่อคิดว่าในอดีตเหยียนเจวี๋ยคือรัชทายาทฉินเจ้าพ่อเทคโนโลยีผู้นั้นก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลแล้ว

เขาเติบโตอยู่ต่างประเทศ ไม่แตกฉานในภาษาโบราณก็เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนโง่เสียหน่อย

“ดีมาก มีเจ่าเอ๋อร์คอยเตือนอยู่ข้างๆ ข้าว่าเจ้าสี่คงจะไม่ออกนอกลู่นอกทางไปที่ใด หากเขาออกนอกลู่นอกทางจริง พวกเราค่อยวางแผนกันก็ยังไม่สาย”

เหยียนเจวี๋ยจริงใจตรงไปตรงมา นางเองก็ไม่อยากพูดจาปิดบังซ่อนเร้น

“ดี” เหยียนเจวี๋ยกล่าวด้วยท่าทางจริงจังระมัดระวัง

 

รถม้าแล่นมาถึงจวนฮู่กั๋วกงในที่สุด

เฉินวั่งซูกับเหยียนเจวี๋ยไม่ได้คุยกันอีก ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จก็ล้มตัวนอนหลับไป

ตื่นเช้ามาวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งแล้ว

“คุณหนูๆ อย่านอนอีกเลยเจ้าค่ะ มู่จิ่นมาอวยพรปีใหม่ท่านแล้ว บนถนนมีคนจำนวนมากจุดประทัดกันอยู่ พวกเราออกไปเดินถนนหาซานจากินกันเถิด ท่านยายผู้นั้นจะออกมาขายซานจาเฉพาะวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งเท่านั้น สมัยก่อนพวกเราล้วนไปกันทุกปี”

เฉินวั่งซูขยี้ตาพลางปิดหูตนเอง

มู่จิ่นผู้นี้เวลาพูดจาเสียงดังราวเครื่องเสียงของคุณป้านักเต้นตามลานจัตุรัส หลังคายังแทบจะถูกนางทำให้เผยอเปิดขึ้นแล้ว

“เจ้าไปซื้อกลับมาก็หมดเรื่องแล้ว เมื่อวานข้าไม่ได้หลับเลยทั้งคืน ง่วงยิ่งนัก”

มู่จิ่นส่ายหน้าเป็นกลองป๋องแป๋ง “คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าคะ ซานจานั่นกินได้แค่คนละลูก ข้างในใส่ใบเสี่ยงทายปีใหม่เอาไว้ด้วย คุณหนูนอนติดเตียงทุกปี ทุกครั้งล้วนพูดว่าปีหน้าต้องมาเรียกข้าเร็วๆ ผลคือพอถึงปีหน้าก็ยังนอนติดเตียงอยู่ดี”

ไป๋ฉือที่ยกอ่างทองแดงเข้ามาทำเสียงถุยๆ ใส่มู่จิ่น “นี่เป็นวันแรกของปี เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร วันปีใหม่นอนติดเตียง เช่นนั้นตลอดทั้งปีก็จะต้องนอนติดเตียง…”

มู่จิ่นกระโดดผลุงขึ้นมาประหนึ่งว่าจับจุดอ่อนของนางได้ “เจ้ายังมีหน้ามาว่าข้าอีก? ข้าเพิ่งจะพูดไปสองคำ รวมกับที่เจ้าพูดก็เป็นสี่คำแล้ว!”

ไป๋ฉือยกมือปิดปากตนเองไว้ทันที ก่อนจะแย้มยิ้มเก้อเขิน

เฉินวั่งซูกลิ้งไปมาบนเตียงสองที ข้างเตียงเย็นเฉียบ เห็นได้ชัดว่าเหยียนเจวี๋ยลุกออกไปนานแล้ว นางกอดผ้าห่มและห่อตนเองไว้มิดชิด ขณะที่เสียงประทัดดังขึ้นเปรี้ยงปร้างทั้งใกล้และไกล

“พวกเจ้าไม่รู้หรอก วันนี้ผ้าห่มแพรผืนนี้ของข้ามีระดู มันหนาวง่ายยิ่ง อยากให้ข้ามอบความอบอุ่นแก่มัน”

มู่จิ่นถลึงตาโต “คุณหนูท่านมาลูกไม้นี้อีกแล้ว ปีที่แล้วท่านยังบอกว่าต่อให้เป็นขุนนาง ตลอดทั้งปีก็ยังมีวันหยุด ทว่ารองเท้าเล่า รองเท้าน่าสงสารมากเพียงไร ต้องถูกเหยียบย่ำทุกวัน ท่านเห็นว่าวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งก็คือวันดีที่จะปล่อยให้รองเท้าได้พักบ้าง ฉะนั้นวันนี้ท่านจะไม่สวมรองเท้า ย่อมลงจากเตียงไม่ได้แล้ว”

เฉินวั่งซูได้ยินก็หัวเราะร่วน ถ้าเป็นตามที่ว่ามาเฉินวั่งซูในอดีตก็น่าสนใจแบบแปลกๆ เช่นกัน

“ลุกแล้วๆ กั๋วกงน้อยไปที่ใดแล้ว ไยจึงตื่นเร็วปานนี้”

ไป๋ฉือนำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำร้อนมาให้ “กั๋วกงน้อยกำลังฝึกกระบี่อยู่ในลานเรือนเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้เขาอ่านหนังสือเสร็จ บ่าวแจ้งว่าจะเตรียมอาหารเช้าให้เขา เขาก็บอกจะรอกินพร้อมคุณหนู ซ้ำยังสั่งให้เฉิงอู่เตรียมรถม้า บอกว่าจะไปปีนเขาวันนี้อีกด้วย คุณหนูจะไปจุดธูปที่วัดใดหรือเจ้าคะ ทว่าเวลาป่านนี้แล้วเกรงว่าคงแย่งปักธูปเป็นคนแรกไม่ทัน”

เฉินวั่งซูบิดขี้เกียจก่อนลุกขึ้นนั่ง นางมองออกไปนอกหน้าต่าง เหยียนเจวี๋ยกำลังรำกระบี่ หิมะบนต้นเหมยถูกปราณกระบี่ชักนำให้หล่นลงมา

“ไม่ไปจุดธูปแล้ว ถ้าจะไหว้พระสู้ไหว้ตนเองจะดีกว่า วันนี้เป็นวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง กั๋วกงน้อยไม่ต้องไปศาลบรรพชนหรือ”

ไป๋ฉือยิ้ม “คุณหนูคงจะหลับจนหลงๆ ลืมๆ ไป นี่มันเวลาใดแล้วเจ้าคะ กั๋วกงน้อยจัดการเรียบร้อยนานแล้วเจ้าค่ะ เดิมทีบ่าวจะปลุกคุณหนู กั๋วกงน้อยกลับไม่ยอม บอกว่าท่านจะได้ไม่ต้องไปเห็นผู้เฒ่าผู้อาวุโสในตระกูลเหล่านั้นให้โมโหอีก”

เฉินวั่งซูกลับไม่ใส่ใจ เกิดเป็นสตรีเช่นนี้ ต่อให้นางไปก็ต้องรออยู่ด้านนอก สู้ไม่ไปยังสบายเสียกว่า ถึงอย่างไรปีที่แล้วๆ มาฮู่กั๋วกงฮูหยินก็เพียงตระเตรียมการให้เหยียนเจวี๋ยสามพี่น้องไปกันเอง

ระหว่างที่พูดคุยนางก็ล้างหน้าหวีผมเสร็จแล้ว จึงเดินออกมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ แม้แต่เครื่องประดับศีรษะและการแต่งกายก็เป็นการบอกลาสิ่งเก่าต้อนรับสิ่งใหม่ ให้ความรู้สึกน่าเฉลิมฉลองอย่างยิ่ง

“บนเขาหนาวมาก ประเดี๋ยวภรรยาสวมเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกตัวนี้ด้วย นี่เป็นของที่พวกเรานำกลับมาจากเผ่ามู่ซี เจ้ายังจำได้หรือไม่” ระหว่างที่พูดเหยียนเจวี๋ยก็เก็บกระบี่แล้วหิ้วเสื้อคลุมมีหมวกตัวหนึ่งเดินเข้ามา

เฉินวั่งซูพยักหน้า “มาได้เวลาพอดีเชียว อาหารเช้าขึ้นโต๊ะแล้ว จะไปปีนเขาจริงหรือ เจ่าเอ๋อร์ช่างออกความคิดไม่เข้าท่าเสียจริง เช่นนั้นพวกเราไปกินซานจากันก่อนแล้วค่อยไปปีนเขาเถอะ”

“ภรรยาเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้จะพาภรรยาไปปีนเขา ข้าจะพาภรรยาไปเล่นไถลหิมะต่างหาก หาได้ยากที่เมืองหลินอันจะมีหิมะตกหนักปานนี้ ตอนเจ้ายังเล็กเคยเล่นหรือไม่ นั่งแผ่นกระดานไถลลงมาจากบนเนินเขา ข้าหาช่างมาทำแผ่นกระดานแล้ว วันนี้จะพาเจ้าไปเล่น” เหยียนเจวี๋ยพูดพลางนำแผ่นไม้ลักษณะเหมือนเรือพายขนาดเล็กสองชิ้นมาวางพิงผนัง

เฉินวั่งซูกระปรี้กระเปร่าขึ้นแล้ว ความเร็วในการดื่มโจ๊กจึงเพิ่มขึ้นหลายส่วน นี่เยี่ยมไปเลย! วันนี้ไปเล่นไถลหิมะ วันพรุ่งนี้กลับไปเล่นไพ่นกกระจอกที่บ้านเดิม นี่เป็นชีวิตสุขสบายที่ผู้มีอันจะกินถึงจะมีได้ อะไรกันนี่!

 

ท่านยายที่ขายซานจาผู้นั้นอยู่ในตรอกเล็กเส้นหนึ่งด้านทางตะวันออกของเมือง ผู้ที่มาที่นี่มีไม่มาก กล่าวว่าเป็น ‘ซานจา’ อันที่จริงเป็นเพียงหมั่นโถวสีแดงที่ทำเป็นรูปโคมไฟแล้วใช้ตะเกียบข้างหนึ่งเสียบไว้

หมั่นโถวนี้กลวงตรงกลาง ข้างในสอดกระดาษไว้แผ่นหนึ่ง บนนั้นเขียนคำทำนายปีใหม่ไว้ ซึ่งท่านยายไม่ได้เป็นนักพรตหญิงที่ทำนายชะตาชีวิตเป็นสักนิด ทั้งบรรพบุรุษก็ไม่เคยเป็นหมอดูหมอเดาอะไร ท่านยายเพียงแต่ทำไปเพื่อความรื่นเริงใจเท่านั้น

ผู้ที่มาทุกปีก็ล้วนเป็นลูกค้าประจำ

“วันนี้คุณหนูรองเฉินไม่ได้มาคนเดียวแล้ว ข้ายังจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนอยู่ที่เมืองตงจิงล้วนเป็นปู่ของท่านแบกท่านขึ้นหลังมา!”

เฉินวั่งซูหัวเราะคิกๆ “ท่านยาย นี่คือเหยียนเจวี๋ย ต่อจากนี้เขาจะมาขอซานจาเป็นเพื่อนข้า”

ท่านยายเปิดฝาลังถึงอย่างรู้สึกสะทกสะท้อนใจอยู่บ้าง “ท่านเลือกเอาเอง จะว่าไปแล้วสมัยก่อนปู่ของท่านเคยทิ้งของบางอย่างไว้ที่ข้า บอกว่ารอเมื่อใดท่านพาคนข้างกายมาซื้อซานจาก็ให้ข้ามอบมันให้ท่าน เวลานั้นข้าอายุหกสิบแล้ว ยังพูดกับปู่ของท่านอยู่เลยว่าไยเขาไม่มอบของให้ท่านเอง…ข้าอายุมากแล้ว วันใดเลินเล่อหน่อยก็คงได้กลับบ้านเก่า ถึงเวลานั้นของมิใช่ต้องหายไปหรือไร แต่ปู่ของท่านพูดอย่างไรก็ไม่ฟัง ดึงดันจะทิ้งมันไว้ให้ได้ ตอนที่หนีลงใต้ข้าก็เก็บสัมภาระเพียงลวกๆ กลับคิดไม่ถึงว่าจะเอามันใส่มาด้วย นับว่าไม่ได้ผิดต่อคำไหว้วานของปู่ท่านแล้ว”

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com