ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 198-200 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 198-200

บทที่ 199

เฉินวั่งซูได้ยินแล้วอารมณ์ก็ซับซ้อนอยู่บ้าง

เฉินเป่ยผู้เป็นปู่ของนางไม่ได้สละชีพด้วยความห้าวหาญเสียทีเดียว แต่เขาบรรลุเต๋ากลายเป็นเซียน ไปใช้ชีวิตอย่างสบายอกสบายใจอยู่ในอีกโลกหนึ่งแล้วกระมัง! การกระทำครานี้ยิ่งใหญ่เทียบได้กับเทพเซียนจุติลงมาบนโลกมนุษย์เลยทีเดียว!

ข้อแรกคือเขาสามารถทำนายได้ว่าท่านยายที่มีอายุหกสิบปีผู้นี้สามารถถือไม้เท้าหนีจากเมืองตงจิงตามกองทัพใหญ่มาถึงเมืองหลินอันได้ หนทางไกลโพ้นนับพันหลี่นี้แม้แต่เจ้าเมืองหลินอันยังหวิดจะแข็งตายไปในแม่น้ำอันหนาวเหน็บ

ท่านยายกลับดีนัก มาถึงได้โดยปลอดภัยไม่พอ ยังสามารถทำอาชีพเก่า ขายซานจามาได้จนอายุเจ็ดสิบ

ส่วนข้อสอง เขาสามารถทำนายได้ว่าแม้จะอยู่ในเมืองหลินอันแสนใหญ่โต เฉินวั่งซูก็ยังสามารถหาหญิงชราขายซานจาพบได้ ซ้ำสามีที่น่ากลุ้มใจผู้นั้นของนางก็ยินดีจะมุดเข้ามาในตรอกมืดๆ เล็กๆ เป็นเพื่อนนางในวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งด้วย

วิชาทำนายนี้ช่างน่าเหลือเชื่อโดยแท้

วันหน้าหากผู้อื่นไม่เรียกนางเฉินวั่งซูว่า ‘หลานสาวของเซียนผู้เฒ่า’ นางไม่ยอมแน่!

ท่านยายทำซานจานี้มาหลายปีแล้ว เมื่อมองไปหมั่นโถวแดงในลังถึงมีขนาดและรูปร่างเหมือนกันทุกประการ เฉินวั่งซูหยิบลูกหนึ่งมาแล้วส่งเข้าปาก ก่อนหันหน้าไปมองเหยียนเจวี๋ย “ท่านเองก็หยิบมาลูกหนึ่งสิ ต้องกินตอนร้อนๆ ถึงจะอร่อย อย่าได้คิดจะฉีกดูใบเสี่ยงทายข้างในเป็นอันขาด กัดคำเดียวก็ล้วงออกมาได้แล้ว”

เฉินวั่งซูพูดพลางล้วงซองแดงสองซองออกมาวางบนโต๊ะ

แม้ท่านยายจะอายุมาก แต่ร่างกายยังแข็งแรงยิ่งยวด เพียงครู่เดียวก็เดินออกมาจากในห้อง ในมือถือกล่องไม้สีดำมาด้วยใบหนึ่ง

กล่องไม้ใบนี้ลงรักสีดำ ด้านบนวาดลวดลายไม่รู้ชื่อสีทองไว้จำนวนมาก

“เดิมทีด้านนอกนี้มีผ้าห่อไว้ด้วย ตอนเพิ่งมาถึงดินแดนทางใต้ข้าไม่รู้ว่าที่นี่อากาศชื้นมาก พอถึงช่วงฤดูฝนจึงมีราขึ้น ข้าคิดจะเอาออกมาตากแดด แต่พอดึงผ้ากลับขาด เคราะห์ดีที่กล่องยังดีอยู่”

นางพูดพลางยื่นกล่องให้เฉินวั่งซู มองเหยียนเจวี๋ยปราดหนึ่งก่อนคลี่ยิ้มยินดี “ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของแม่ทัพน้อยเหยียนมา แต่ตามความเห็นข้า การมีรูปโฉมที่ดีและรู้จักทะนุถนอมผู้อื่นจึงจะเป็นสิ่งสำคัญ วั่งซูแต่งงานได้ดี หากปู่ของท่านที่อยู่ในปรโลกได้ทราบก็คงจะวางใจได้แล้ว ห่อผ้านั้นดูไม่มีสิ่งใดพิเศษ เป็นเพียงผ้าต่วนพื้นขาวลายคลื่นสีน้ำเงินที่นิยมในเมืองหลวงเมื่อตอนนั้น”

เฉินวั่งซูพยักหน้า เซียนผู้เฒ่าสามารถทำนายอนาคตได้ ไม่น่าจะนำความลับอะไรมาไว้บนห่อผ้าที่เปื่อยยุ่ยได้หรอก

“ท่านยาย สามีข้ารูปงามใช่หรือไม่” เฉินวั่งซูหัวเราะคิกคัก มองไม่ออกเลยว่าตอนท่านยายยังสาวก็มีความคิดแบบเดียวกับนาง

ท่านยายพยักหน้า “รูปงามเหลือเกิน งามกว่าเทพธิดาบนภาพวาดนั้นเสียอีก”

เฉินวั่งซูขยิบตาให้เหยียนเจวี๋ยพลางล้วงกระดาษในซานจาออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะแสดงท่าทีอ่อนอกอ่อนใจออกมา พอนางอ่านดูแล้วก็อดจะดีใจไม่ได้ ชูแผ่นกระดาษในมือแล้วโบกไปมา “ท่านยาย ข้าจับได้โชคดีที่สุด!”

ท่านยายรับใบเสี่ยงทายไปดู “เป็นโชคดีที่สุดจริงๆ จะได้เป็นพ่อคนแม่คน! เห็นทีวั่งซูตัวน้อยของเราใกล้จะได้เป็นแม่คนแล้ว!”

เฉินวั่งซูพยักหน้าลวกๆ คนทั่วไปไม่ล่วงรู้ถึงความสุขใจของนาง

นี่ข้าไม่ได้จะเป็นมารดาใคร แต่จะได้เป็นบิดาต่างหาก! เห็นทีองค์ชายเจ็ดเจียงเยี่ยเฉินคงได้คุกเข่าเรียกข้าว่าบิดาเป็นที่แน่นอนแล้ว!

ท่านยายว่าแล้วก็เปิดกระปุกดินเผาบนเตาด้านข้าง ตักเนื้อสับปรุงรสที่อยู่ข้างในออกมาช้อนหนึ่งแล้วเทลงในซานจาของเฉินวั่งซู ซานจานี้กลวงตรงกลาง หยิบกระดาษออกไปแล้วก็เหมือนเป็นชามใบน้อยใบหนึ่ง

ท่านยายมือนิ่งมาก ไม่มีหกออกมาแม้แต่นิดเดียว

“หอมจริง! เหยียนเจวี๋ยรีบดูของท่านเร็วเข้าว่าได้อะไร ใบเสี่ยงทายต่างกันจะได้ไส้ต่างกัน!”

มือของเหยียนเจวี๋ยที่ถือแผ่นกระดาษเกิดอาการชะงักเล็กน้อย เขาจับมันยัดเข้าแขนเสื้ออย่างไม่รีบร้อน ก่อนกล่าวพร้อมกับยิ้มจนดวงตาเป็นเส้นโค้ง “ไม่บอกเจ้าหรอก ข้ากินอาหารเช้ามาเยอะแล้ว ไม่จำเป็นต้องเติมไส้ ประเดี๋ยวกินไม่หมดจะเสียน้ำใจของท่านยายเปล่าๆ”

ท่านยายเห็นว่ามีคนมาที่ร้านมากแล้วก็มิได้ฝืนใจ ปิดฝากระปุกเนื้อสับปรุงรสนั้นแล้วเปิดกระปุกดินเผาสีขาวอีกใบ ล้วงเอาผลไม้เคลือบน้ำตาลลูกหนึ่งออกมาแทน

“ข้าเห็นว่าวั่งซูโตแล้ว แต่ท่านเพิ่งมาเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นวันปีใหม่ จึงจะให้ของหวานท่านกิน แม้ไม่ดีเท่ากับของในจวนพวกท่าน แต่ก็เป็นของที่ข้าทำเอง ท่านลองชิมดูสิ”

เหยียนเจวี๋ยพยักหน้า รับผลไม้เคลือบน้ำตาลมา ก่อนส่งเข้าปาก

ซานจาก็กินแล้ว กล่องก็รับมาแล้ว อีกทั้งด้านหลังก็มีลูกค้ามาแล้ว เฉินวั่งซูเห็นท่านยายเริ่มยุ่งก็ไม่รั้งอยู่นาน บอกลาแล้วขึ้นรถม้าพร้อมกับเหยียนเจวี๋ย

คนทั้งสองกินซานจาไปคนละลูก ดูท่าทางรื่นเริงยินดีพอสมควร

“ท่านจับได้อะไรหรือ เอาออกมาดูหน่อย หากไม่ดีก็ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ ท่านยายไม่ใช่แม่มดหมอผีอะไร ก็แค่ใบเสี่ยงทายต่างกันจะได้ไส้ต่างกันเท่านั้นเอง ชีวิตนี้ข้ากินมาสิบกว่าลูกแล้วยังไม่เคยเห็นคนจับได้เลวร้ายที่สุดเลย หากท่านจับได้ก็ขาดทุนหนักแล้ว ท่านยายมีกระปุกใบน้อยที่พิเศษอยู่ใบหนึ่ง ไม่เคยเปิดมาก่อน ข้ารู้สึกว่ามันเป็นของที่เตรียมไว้สำหรับใบเสี่ยงทายเลวร้ายที่สุด ไม่รู้ว่าเป็นรสชาติอะไร”

เหยียนเจวี๋ยส่ายหน้า “มิใช่ เป็นแค่โชคดีเล็กน้อย ข้าเห็นมู่จิ่นจับได้โชคดีเล็กน้อยแล้วได้ไส้ผักดอง ข้าไม่ชอบกินจึงไม่ได้เอาให้ดู”

เฉินวั่งซูขานรับคำหนึ่งโดยหาได้ใส่ใจไม่ คนเปิดร้านทำการค้า ไม่แน่ว่าคนเขาอาจจะไม่เคยใส่ใบเสี่ยงทายที่มีผลเลวร้ายที่สุดลงไปเลยก็เป็นได้

“ท่านปู่ข้าทำตัวลึกลับ ในกล่องนี้ก็ไม่รู้ว่าใส่อะไรไว้” เฉินวั่งซูพูดพลางเขย่ากล่อง ด้านในไม่มีเสียงกุกกักใดๆ

กล่องติดบานพับกลอนไว้ ตรงกลางบานพับมีห่วงทองเล็กๆ คล้องอยู่ห่วงหนึ่ง ออกแรงเพียงนิดก็หักมันได้แล้ว ของสิ่งนี้มีไว้ป้องกันสุภาพชน มิได้มีไว้ป้องกันคนถ่อย

เฉินวั่งซูยื่นกล่องให้เหยียนเจวี๋ย เหยียนเจวี๋ยแค่ใช้สองนิ้วคีบห่วงทองนั้นก็หักแล้ว

เขายื่นกล่องคืนให้เฉินวั่งซู “เปิดดูเถอะ”

เฉินวั่งซูพยักหน้า กล่องพลันเปิดออกเสียงดังกึก เห็นเพียงข้างในมีหนังสือเล่มหนานอนอยู่หนึ่งเล่ม รวมถึงมีกุญแจทองเหลืองอีกหนึ่งดอก บนปกหนังสือไม่มีอักษรใดๆ เขียนไว้แม้แต่ตัวเดียว ดูลึกลับยิ่งนัก

เฉินวั่งซูเปิดหนังสือนั้นดู ด้านในขาวยิ่งกว่ากำแพง ไม่มีตัวอักษรแม้แต่ตัวเดียว

นางสะบัดมันอย่างหมดคำจะกล่าว “ท่านปู่ข้าทิ้งแบบฝึกหัดไว้ให้ข้า! ไม่รู้ว่าเป็นบันทึกการตายหรือว่าเป็นตำราสวรรค์ไร้อักษร!…อ๊ะ มีจดหมายอีกฉบับ”

เฉินวั่งซูออกแรงสะบัดหนังสือ ซองจดหมายสีเหลืองก็หล่นออกมาจากในหนังสือนั้น บนซองเขียนไว้ว่า

 

ให้เฉินวั่งซูและเหยียนเจวี๋ยเปิดอ่านด้วยตนเอง

 

เฉินวั่งซูเห็นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา

หากเป็นเมื่อก่อนนางคงเพียงทอดถอนใจว่าปู่ของเฉินวั่งซูเป็นเจ้าสำนักเต๋า สามารถจับยามทำนายทายทักได้ แต่บัดนี้นางกลับขนหัวลุกบ้างแล้ว

เหตุเพราะข้อนี้เขาสามารถทำนายออกมาได้ว่าในภายภาคหน้าเฉินวั่งซูผู้เป็นหลานสาวแท้ๆ ของตนเองจะได้แต่งงานกับเหยียนเจวี๋ยบุตรชายของฮู่กั๋วกง

นี่ไม่ใช่เซียนเฒ่าแล้ว แม้แต่ผู้แต่งนิยายก็ยังคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลย

หากมิใช่นางทะลุเข้ามา เฉินวั่งซูจากตระกูลบัณฑิตกับเหยียนเจวี๋ยผู้เป็นลูกไม้ไกลต้นจากตระกูลแม่ทัพก็มิใช่คนบนเส้นทางเดียวกันโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงไม่มีทางกลายเป็นสามีภรรยา ยังอาจจะเป็นศัตรูคู่แค้นกันเสียด้วยซ้ำไป

นางเก็บจดหมายขึ้นมา ตั้งสติเล็กน้อยก่อนฉีกออกอ่าน

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com