ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 201-202 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 201-202

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 201

เฉินวั่งซูได้ยินก็กระทืบเท้าสองทีทันควัน

นางก้มตัวลงพร้อมกับยิ้มตาหยี “หม่อมฉันก็ว่าอยู่ว่าไฉนหิมะที่นี่ถึงแข็งเหมือนกับหินในห้องปลดทุกข์ กระทืบดูก็ไม่มีเสียงกระทบ ที่แท้ข้างล่างนี้มีคนอยู่นี่เอง! นี่มันวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง ท่านไม่ผิงไฟดื่มสุราอยู่ในจวน กลับวิ่งมาเป็นหินรองเท้าอยู่บนภูเขาหิมะนี้เพื่อฝึกวรยุทธ์สำนักใด”

“โบราณกล่าวไว้อย่างดี อันว่าผู้ที่กำลังประสบความสำเร็จ สวรรค์จะทดสอบจิตใจ ทดสอบร่างกาย ทดสอบความอดทนของเขา…หลานสี่จึงกำลังรอพึ่งผลบุญจากท่านอย่างไรเล่า!”

องค์ชายสี่ถ่มหิมะออกมา ก่อนยกมือชี้อย่างยากลำบาก “ท่านคิดว่าข้าอยากมาหรือไร ท่านอาหญิง ท่านรีบลงไปเร็วๆ ถ้ายังไม่ลงข้าจะถูกท่านเหยียบจมหิมะแล้ว ล้วนกล่าวกันว่าหญิงสาวชาวต้าเฉินแต่ละคนตัวเบาราวกับนกนางแอ่น ท่านอาหญิง ท่านยังหนักกว่าระฆังใหญ่ที่วัดหานซานถึงสามส่วน…ไม่ใช่ ห้าส่วนต่างหาก!”

เฉินวั่งซูกระโดดลงจากหลังองค์ชายสี่ “มองไม่ออกเลยว่าท่านชอบวิ่งแบกระฆัง ในนิยายก็มิใช่มีเต่าพันปีชอบแบกระฆังเดินส่ายไปทั่วเหมือนกันหรือไร”

นางพูดพลางมองไปทางที่องค์ชายสี่ชี้ ครั้นมองไปก็หวิดจะลื่นไถลลงนอนแผ่กับพื้น เพราะนางมองเห็นเพียงบนผนังผาที่อยู่ไม่ไกลมีคนผู้หนึ่งเกาะอยู่

สตรีผู้นั้นสวมชุดขี่ม้าสีแดงเพลิง เสื้อคลุมที่ด้านหลังปลิวไสวราวกับธงสี หากให้คนสายตาสั้นมาดูคงได้นึกว่าบนผนังผามีว่าวสายป่านขาดห้อยอยู่

ฉินเจ่าเอ๋อร์มองเห็นเฉินวั่งซูก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกไปมาอย่างยากลำบาก “วั่งซู เจ้าเองก็มาปีนเขาเหมือนกันหรือ พวกเราช่างใจตรงกันโดยแท้!”

มีแต่ผีน่ะสิที่อยากใจตรงกันกับคนพิลึกอย่างพวกท่านสามคน!

เฉินวั่งซูแทบอยากจะกุมศีรษะแสดงอาการคลุ้มคลั่ง ที่แคว้นต้าเฉินนี้ไม่ว่ามองไปทางใดก็มีข้าเป็นคนปกติเพียงคนเดียว!

“ท่านไปช่วยนางลงมาเถอะ มิเช่นนั้นข้าห่วงว่านางจะกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งอยู่บนผาแล้ว”

เฉินวั่งซูสั่งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

เหยียนเจวี๋ยกระตุกมุมปาก กระโดดขึ้นไปคว้าตัวฉินเจ่าเอ๋อร์ที่เกาะอยู่บนผนังผาลงมา

ครั้นฉินเจ่าเอ๋อร์ลงมาถึงพื้นขาก็อ่อนยวบ ทรุดตัวลงนั่งทันที องค์ชายสี่ที่เพิ่งยืนขึ้นได้ครึ่งเดียวถูกทับลงไปอีกครั้ง

“ฉินเจ่าเอ๋อร์! สมองข้าต้องถูกหิมะเข้าแล้วแน่ๆ ถึงได้ตามมาปีนเขากับเจ้า! เจ้ารีบลุกขึ้น!!!”

องค์ชายสี่ถ่มหิมะเต็มปากออกมาก่อนส่งเสียงโวยวาย

ฉินเจ่าเอ๋อร์ได้ยินแล้วก็ระเบิดอารมณ์ทันควัน ลุกขึ้นยืนในทันใด “ ‘ปีนเขา’ ที่หม่อมฉันหมายถึงคือค่อยๆ เดินขึ้นตามทางบนเขา ต่อให้หม่อมฉันมาที่นี่ไม่ถึงสิบครั้งก็ต้องถึงแปดครั้งแล้ว ยามฤดูใบไม้ร่วงตรงกลางของไหล่เขาจะมีใบเฟิง* ร่วงอยู่บริเวณใหญ่ งดงามอย่างยิ่ง

ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ใดบอกว่าตนเองเติบโตมาในเขาตั้งแต่เล็ก เคยทำศึกกับสุนัขเป่ยฉีในเขามาเป็นแปดร้อยรอบ เหลือบมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าทางลัดบนเขาอยู่ตรงที่ใด พอปีนจากข้างล่างขึ้นมาถึงช่วงกลางไหล่เขาก็เริ่มมีพายุหิมะ หม่อมฉันไม่ใช้หน้าไม้เล็กยิงท่านให้ตายก็นับว่าเห็นแก่ที่ตนเองไม่อยากเป็นม่ายตั้งแต่ยังไม่ทันแต่งแล้ว”

“เจ้ายอกย้อนเก่งเสียจริง!”

ฉินเจ่าเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโมโหหรือเพราะหนาวกันแน่

เฉินวั่งซูฟังแล้วก็ตกใจจนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ภูเขาหิมะนี้ครึ่งหนึ่งเป็นเนินเขาราบเรียบ เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นสถานที่ที่หญิงสาวชนชั้นสูงชอบมาตั้งกระโจมเที่ยวเล่น

อีกด้านหนึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน เป็นดั่งสถานที่ที่บุตรเขยใจร้ายชอบมาผลักพ่อตาแม่ยายตกเขาให้ตายๆ ไปเสีย

ให้ตายเถิด องค์ชายสี่กับฉินเจ่าเอ๋อร์นัดเดตกันส่วนตัวถึงกับเป็นการปีนหน้าผา…พิลึกกว่าที่เหยียนเจวี๋ยพาข้ามาไถลหิมะกินหิมะในวันปีใหม่นับหมื่นเท่า!

องค์ชายสี่เห็นฉินเจ่าเอ๋อร์โกรธจริงๆ แล้วก็แค่นเสียงสองทีก่อนยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เขากระโดดกับที่สองสามที สะบัดหิมะบนตัวออก ก่อนจะนวดบั้นเอวตนเอง

หญิงสาวหนักราวเขาไท่ซาน หวิดจะทับเขาหลังหักแล้ว!

“ ‘ปีนเขา’ ถ้าไม่ปีนจริงๆ จะเรียกว่าปีนเขาได้อย่างไร! พวกข้ารบกับชาวเป่ยฉี อย่าว่าแต่ภูเขาพรรค์นี้เลย กระทั่งผนังหินโล้นๆ ก็ต้องทำตัวเป็นหุ่นไม้ไต่ขึ้นไป…”

พอมองเห็นแววตาของฉินเจ่าเอ๋อร์องค์ชายสี่ก็ตัวสะท้านวาบ ยกมือกุมอกตนเอง “ก็ได้…ข้าผิดไปแล้ว เดิมทีข้าคิดจะกระโดดมาอยู่บนหินใหญ่ก้อนนี้ก่อน พักหายใจหายคอได้สักนิดแล้วก็จะไปช่วยเจ้า แต่คิดไม่ถึงว่าท่านอาหญิงจะตกลงมาจากฟ้า…หวิดจะปลิดชีวิตน้อยๆ ของข้าแล้ว ครั้งนี้นับว่าข้าผิดไปแล้ว ติดค้างเจ้าหนหนึ่ง”

ฉินเจ่าเอ๋อร์เหลือกตา ควานหาเชือกสีแดงเส้นหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อแล้วผูกเป็นเงื่อน

องค์ชายสี่เห็นแล้วก็โหวกเหวกโวยวายขึ้นมาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน “เจ้าจะโกงกันใช่หรือไม่ เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะติดค้างเจ้าห้าครั้งแล้ว”

มือของฉินเจ่าเอ๋อร์ที่ผูกเงื่อนอยู่เกิดอาการชะงักค้าง “ท่านพูดอะไร”

องค์ชายสี่นิ่งงันไปก่อนส่ายหน้า “ข้าติดค้างเจ้าห้าครั้งจริงๆ ข้านึกขึ้นได้แล้ว”

ฉินเจ่าเอ๋อร์พยักหน้า มองตาองค์ชายสี่พลางพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ในเมื่อท่านมีปณิธานยิ่งใหญ่ ก็พึงรู้ว่าสุภาพชนยึดถือความซื่อสัตย์เป็นรากฐาน การผูกเงื่อนสัญญานี้เดิมก็เป็นข้อตกลงของสุภาพชน หากท่านยอมรับมันก็เป็นผล หากท่านไม่ยอมรับมันก็ไม่เป็นผล ต่อให้หม่อมฉันหลอกท่านโกงท่านเป็นร้อยหนก็ไม่มีประโยชน์อันใด”

องค์ชายสี่กำหมัดปิดปากไอ อำพรางอาการกระอักกระอ่วนของตนเอง

“คือว่า…หิมะตกหนักเกินไป พวกเราขยับไปด้านใน จะได้หลบหิมะสักหน่อย” เหยียนเจวี๋ยเห็นคนทั้งหลายสงบลงแล้วถึงได้เอ่ยปาก “พวกท่านล้วนเป็นคนถึกทน แต่วั่งซูร่างกายบอบบาง”

ไม่รอให้องค์ชายสี่มีอาการตอบสนอง ฉินเจ่าเอ๋อร์ก็จูงเฉินวั่งซูเดินไปชิดผนังผาแล้ว “ท่านหนาวหรือไม่ ข้าจะถอดเสื้อคลุมบังให้ท่าน ข้าร่างกายแข็งแรงยิ่ง ทนหนาวได้”

เฉินวั่งซูส่ายหน้า “อย่าไปฟังเหยียนเจวี๋ยพูดเลย ข้าสบายดี มู่จิ่นเป็นห่วงข้า สอดเตาอุ่นมือมาให้ข้าด้วย ยังร้อนอยู่ตลอด อีกอย่างหนึ่งหากข้าหนาว ข้าคงให้เหยียนเจวี๋ยถอดเสื้อคลุมให้นานแล้ว”

ฉินเจ่าเอ๋อร์ได้ยินดังนี้ก็หัวเราะขึ้นมา

ในภูเขาหิมะเงียบสงัด มีเพียงเสียงหัวเราะกังวานใสเสนาะหูของนาง

“ตอนข้ายังเล็กเคยไปอาศัยในจวนท่านตาช่วงหนึ่ง อืม พูดให้ถูกคือจวนท่านตาของมารดาข้า ท่านตาทวดแซ่เสิ่น ท่านลุงสาม…หน้าไม้เล็กคันนั้นที่ข้ามอบให้เจ้าก็เป็นท่านลุงสามทำขึ้น ส่วนคันที่ข้าใช้ในตอนนี้เป็นของที่ข้าทำเอง ท่านลุงสามกับมารดาข้าเป็นสหายกันมาตั้งแต่เล็ก เดิมทีตั้งใจจะแต่งงานกัน แต่ใครเล่าจะคิดว่ามารดาข้าจะได้พบกับบิดาข้า…ลุงสามฝีมือดี ทำพวกของเล่นแปลกประหลาดเช่นนี้เป็นประจำ คราวนั้นก็หิมะตกหนักเยี่ยงนี้ ท่านลุงสามพาข้ากับเสิ่นอันที่เป็นญาติผู้พี่ขึ้นเขาไปจับไก่ฟ้าด้วยกัน จากความสามารถของหน้าไม้เล็กคันนั้น…เจ้าทายดูว่าเป็นอย่างไร”

ฉินเจ่าเอ๋อร์พูดพลางวาดฝีไม้ลายมือ

ก่อนหน้านี้องค์ชายสี่ทำเรื่องให้คนชังน้ำหน้า รู้สึกละอายใจจึงพูดเสริมขึ้นมาทันที “ฆ่าไก่ฟ้าจนตายหมด?”

ฉินเจ่าเอ๋อร์แค่นเสียงคราหนึ่งก่อนส่ายหน้า

เฉินวั่งซูหัวเราะเหอะๆ “ยิงไก่ฟ้าได้ตัวเดียว แต่แย่นักที่ต้องงมเข็มให้เขาเป็นครึ่งคืน!”

“ฮ่าๆๆ! ข้าว่าแล้วว่าวั่งซูน่าสนใจเหลือเกิน ถูกต้อง! บนเข็มของเขาทายาไว้ ผลคือไก่ฟ้าตัวนั้นพวกข้าไม่กล้ากินยังพอว่า คนตระหนี่ผู้นั้นยังอุตส่าห์จะหาเข็มกลับมาให้ได้ทุกเล่ม หน้าไม้เล็กนั่นควบคุมทิศทางไม่ได้ ยิงทีก็มีสภาพเหมือนนางฟ้าโปรยบุปผา…ข้ากับญาติผู้พี่ต่อว่าเขาจนสลดไปตลอดทาง สุดท้ายเขาต้องเลี้ยงน่องแพะย่างพวกข้าน่องหนึ่ง ทุกคนได้หน้าไม้เล็กมาคนละคันถึงได้ยอมเลิกรา! หน้าไม้เล็กคันนั้นข้าพกอยู่หลายปี ก็คือคันที่มอบให้เจ้า”

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com