ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน
ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 306-307
บทที่ 307
“หลี่จินผิงผู้นี้เป็นคนบ้าบิ่นทีเดียว”
เฉินวั่งซูอ่านแต่ละเรื่องราวแล้วก็โมโหโกรธเคืองขึ้นมาอย่างที่เห็นได้น้อยครั้ง
พวกนางเดาได้มิผิด หลักฐานชิ้นนี้เป็นเหวยฮูหยินสามผู้ลอบบอกใบ้เรื่องวันที่สี่เดือนเก้าต่อพวกนางโดยมอบให้เถาปี้ไว้ เถาปี้เป็นคนซื่อตรง ขอเพียงเขากลับถึงหลินอันได้อย่างปลอดภัยแล้วนำหลักฐานเหล่านี้มอบให้ฮ่องเต้ก็จะเปิดโปงความชั่วร้ายทั้งหมดนี้ได้แล้ว
แผนการของเผ่าฉีเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่เจินจีไปเคาะประตูบ้านสกุลเซ่าแล้ว
“หลังเซ่าเจินแต่งเข้าจวน ได้บอกเหวยเต๋อลี่ว่าสาเหตุที่องค์ชายใหญ่ขาพิการเป็นเพราะตอนนั้นถูกพิษประหลาดชนิดหนึ่ง และเผ่าฉีก็มีตำรับไม่สมบูรณ์ของยาแก้พิษชนิดนี้อยู่พอดี”
เหยียนเจวี๋ยฟังมาถึงตรงนี้ก็แทบจะเดาเรื่องจริงต่อจากนี้ได้แล้ว
องค์ชายใหญ่มีฐานะสูงศักดิ์ หากเหวยเต๋อลี่รักษาเขาให้หายได้ก็จะมีความดีความชอบสูงสุดในการติดตามฮ่องเต้ตั้งแต่ก่อนครองราชย์ ทว่าก็เพราะเขาฐานะสูงศักดิ์เช่นกันโอกาสพรรค์นี้จึงมีเพียงหนเดียว
ในเมื่อเป็นตำรับไม่สมบูรณ์…นั่นก็มีความไม่แน่นอน
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มทดลองยาครั้งแรกด้วยความคิดที่มีผลประโยชน์ครอบงำจิตใจ ตัวเลือกในเวลานั้นก็คือคนในทัพวิญญาณ กองทัพลี่โจว ซึ่งนอกจากส่วนหนึ่งที่เป็นบ่าวรับใช้ผู้จงรักภักดีของสกุลเหวยก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นชาวบ้านสามัญชนที่ถูกเกณฑ์มารับใช้กองทัพ
ลี่โจวอยู่ห่างไกล ประชากรไม่นับว่ามาก เป็นเหตุให้ผู้ที่ถูกเกณฑ์มามีคนต่างถิ่นอยู่ไม่น้อย
เหวยเต๋อลี่เลือกคนออกมา ให้พวกเขากินพิษที่องค์ชายใหญ่ได้รับลงไปก่อนเพื่อทำให้พวกเขาขาพิการ จากนั้นค่อยนำตำรับไม่สมบูรณ์นั้นมาปรุงยาแล้วทดลองไปทีละคน แม้จะเป็นคนเหมือนกัน แต่คนเป็นๆ เหล่านั้นในสายตาพวกเขากลับสู้ไม่ได้แม้แต่หนู
“ขาขององค์ชายใหญ่เป็นโรครักษายาก มีหรือจะรักษาหายได้ง่ายๆ คนในกองทัพตายมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนแม้จะไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้หายดีโดยสมบูรณ์ ปรากฏอาการพิการอยู่เล็กน้อย เป็นต้นว่ายามเดินจะสั่นอยู่บ้าง คนเช่นนี้ก็ล้วนถูกพวกเขาฆ่าตายเป็นการลับไปหมดแล้ว แม้พวกเขาจะยกทัพวิญญาณมาอ้างว่าคนเหล่านี้ล้วนไปเป็นโจรภูเขาอยู่ข้างนอกแล้ว แต่ก็ยังทำให้คนสงสัย กระทั่งพวกเขาเริ่มอดรนทนไม่ไหวแล้ว”
เหยียนเจวี๋ยพยักหน้า
มิน่าเวลานั้นเจินจีเพิ่งจะแต่งเข้ามาก็อยู่แต่ในจวน ไม่ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น เกรงว่าในสองปีแรกนางคงกำลังพยายามคว้าความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้าเมืองเหวย ในปีต่อๆ มาก็ทดลองยาอยู่ในกองทัพโดยตลอด
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า หนึ่งคือกระดาษห่อไฟไม่อยู่ สองคือหากยังไม่สำเร็จอีกองค์ชายสามที่ขณะนั้นรุ่งโรจน์อย่างที่สุดก็จะได้เป็นรัชทายาทแล้ว ถึงเวลานั้นต่อให้องค์ชายใหญ่หายดี แต่จะมีประโยชน์อันใด
ในเมื่อสถานการณ์เป็นที่แน่นอนแล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงร้อนใจ หันเหสายตามามองที่ชาวบ้านในเมืองลี่โจว
“เมื่อเดือนแปดปีกลายนี้เองได้มีคนหนึ่งในทัพวิญญาณที่ถูกใช้ทดลองยาแกล้งตายแล้วหนีออกไป นามของเขาคืออู๋เถียน อู๋เถียนไม่ใช่คนทั่วไป เขามิได้แค่หนีออกมาคนเดียว แต่ยังหยิบยาติดออกมาด้วยครึ่งเม็ด”
เฉินวั่งซูพูดแล้วก็หยิบขวดขาวใบน้อยข้างในห่อผ้าขึ้นมาดึงจุกออก ด้านในมียาลูกกลอนสีแดงแปร๊ดนอนอยู่ครึ่งเม็ดจริงๆ
“หลังเขามอบยาให้เหวยฮูหยินสามก็คิดจะหนีออกจากเมืองลี่โจวไปขอความช่วยเหลือที่หลินอัน แต่คาดไม่ถึงว่าไปได้ครึ่งทางแล้วจะถูกเจ้าเหวยเต๋อลี่นั่นจับตัวกลับไป เรื่องนี้ได้สร้างความคิดใหม่แก่พวกเขา ยาที่พวกเขาปรุงมักจะมีข้อบกพร่องเสมอ แม้จะไม่ทำให้คนตาย แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายดีได้ ทว่าอู๋เถียนสามารถหนีได้ หมายความว่าเขาอาการดีขึ้นมากแล้ว และเขากินยาไปเพียงครึ่งเม็ดเท่านั้น เช่นนั้นถ้าให้ยาเป็นสองเท่าจะรักษาคนที่กินยาลงไปเต็มเม็ดให้หายได้หรือไม่หนอ พวกเขานำตัวอู๋เถียนมาทดลอง อู๋เถียนอาการดีขึ้นแล้วก็จริง แต่ดีอยู่ได้ไม่นาน ไม่ถึงสามวันก็เลือดออกทวารทั้งเจ็ดตาย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มคิดอีกครั้ง องค์ชายใหญ่ป่วยมาหลายปีแล้ว ยาพิษนั้นซึมลึกเข้ากระดูก ใช่ยาเม็ดเดียวมารักษาได้เสียที่ใด ไม่อาจรู้ได้ว่าอัตราส่วนของยาพิษนี้กับยาแก้พิษควรเป็นเท่าไรกันแน่”
เฉินวั่งซูยัดจุกไม้กลับเข้าไป นี่เป็นหลักฐานที่อู๋เถียนแลกมาด้วยชีวิต
การจะรู้อัตราส่วนให้แน่ชัดนั้นมิใช่เรื่องที่ทดลองออกมาได้จากคนเพียงไม่กี่คน หากพวกเขาให้ยาแก้มากไป องค์ชายใหญ่ก็จะเลือดออกทวารทั้งเจ็ดจนตาย หากให้น้อยไปก็แทบไม่ช่วยอะไร ทำไปก็เสียแรงเปล่า
ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดเรื่องที่ชวนสะเทือนขวัญอย่างที่สุด
“เหวยเต๋อลี่กับเจินจี เจ้าคนสติฟั่นเฟือนทั้งสองนี้โปรยพิษไปทั่วเมืองลี่โจว จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างโรคระบาด ทำให้ชื่อเสียงของชาวเผ่าฉีเป็นที่เลื่องลือขึ้นมา ทำให้พวกเขามีโอกาสได้ทดลองยา เพื่อให้เทียบเท่ากับที่องค์ชายใหญ่ได้รับพิษ พวกเขาถึงขนาดวางยาที่แรงยิ่งกว่าที่เคยใช้กับกองทัพหลายส่วน”
เหตุใดต้องหนึ่งร้อยคน…ย่อมจะมิได้เป็นไปตามข้ออ้างของเจินจี แต่เป็นเพราะปริมาณยาแก้พิษที่ให้หนึ่งร้อยคนนี้ล้วนแตกต่างกัน ชาวเผ่าฉีเป็นพวกถือดี ไม่ถูก ควรกล่าวว่าหลี่จินผิงถือดี นางคิดว่าคนทั้งหมดจะเป็นเหมือนอู๋เถียนที่อาการดีขึ้นก่อน จากนั้นค่อยมีปัญหา หรือไม่อย่างน้อยต้องผ่านไปสามวันถึงจะเห็นผลลัพธ์
การรักษาคนหนึ่งร้อยคนให้หายได้ภายใต้สายตาธารกำนัลนั้นถือเป็นปาฏิหาริย์เลยทีเดียว
ทว่านางลืมไปว่าอู๋เถียนหาใช่คนธรรมดาไม่
แม้เขาจะเป็นชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเป็นทหารเช่นกัน แต่ร่างกายแข็งแรงบึกบึนไม่พอ ยังมีวรยุทธ์อีกด้วย มิเช่นนั้นคงจะไม่หนีไปได้ง่ายดายปานนั้นหรอก ต่อให้เขาสามารถทนได้สามวัน แต่คนในเมืองที่ป่วยปางตายแล้วเหล่านี้ทนไม่ได้
หลี่จินผิงคาดการณ์ผิดไปจึงกลายเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์วันที่สี่เดือนเก้าอันน่าสยดสยอง
ขอเพียงเป็นผู้ที่มีจิตสำนึกแม้เพียงเศษเสี้ยวคงได้สติวิปลาสไปตั้งแต่วันที่สี่เดือนเก้าแล้ว แต่ทว่าหลี่จินผิงมิได้เป็นเช่นนั้น เวลานั้นในเมืองลี่โจววุ่นวายแล้ว นางจับคนไม่น้อยมาทดลองยาอย่างเงียบๆ และในสามวันให้หลังนางก็ทดลองยาที่เหมาะสมออกมาได้จริงๆ
ด้วยเหตุนี้เจินจีกับชาวเผ่าฉีจึงกลับมายืนได้ใหม่ และได้สำแดง ‘ปาฏิหาริย์’ ขึ้นในวันที่เจ็ดเดือนเก้าอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นคนที่มีชีวิตรอดก็ระลึกถึงบุญคุณช่วยชีวิตของเผ่าฉี ส่วนญาติๆ ของคนที่ตายไปเหล่านั้นมิได้ล่วงรู้ความจริง จึงเพียงแต่แค้นใจตนเองว่าเหตุใดต้องแย่งชิงกันเป็นหนึ่งร้อยคนที่ทดลองยาชุดแรกก่อนผู้อื่น…
วันที่สี่เดือนเก้าจึงกลายเป็นวันต้องห้ามของเมืองลี่โจวไป
เรื่องราวในกาลต่อมาล้วนตรงกับใจของชาวเผ่าฉี หลี่จินผิงไปเยือนหลินอัน รักษาองค์ชายใหญ่จนหายดี กลายเป็นพระสนมคนโปรดในวัง เจินจีกลายเป็นมีสถานะประดุจเทพธิดาในเมืองลี่โจว
เผ่าฉีที่เดิมทีอาศัยอยู่ในซอกหลืบประหนึ่งกลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีฐานะเท่าเทียมกับสกุลเหวยในเมืองลี่โจวไปแล้ว
แม้คนในใต้หล้าจะล้วนตาบอด แต่สุดท้ายก็ต้องมีคนที่ดวงตาสุกใสประดุจดาวประกายพรึกกำลังสังเกตการณ์เรื่องทุกอย่างนี้อยู่
เฉินวั่งซูห่อหลักฐานเหล่านี้ไว้
“ตอนนี้เจ้ามีแผนเยี่ยงไร” เหยียนเจวี๋ยเอ่ยถาม
“พวกเรามีสองทางให้เดิน ทางแรกคือรั้งอยู่ที่นี่โดยแสร้งโง่ต่อไป ขณะพวกเราเดินทางมาที่นี่ได้เร่งเดินทางจนเกินขีดจำกัดไป คาดว่าผู้เดินสารจากจวนผิงอ๋องน่าจะมาถึงในสองวันนี้แล้ว บัดนี้ผิงอ๋องเห็นพวกเราเป็นหนามยอกอก จะต้องสั่งให้เหวยเต๋อลี่ใช้โอกาสนี้กำจัดพวกเราทิ้งโดยไม่เสียดายว่าต้องแลกมาด้วยอะไร ถึงเวลานั้นแสร้งโง่ต่อก็ไม่ได้แล้ว ทว่าความต่างของเวลานี้สามารถทำให้พวกเรารวบรวมหลักฐานที่แน่นหนาได้มากขึ้น ทำให้หาพยานบุคคลคนอื่นๆ นอกจากเหวยฮูหยินสามพบได้ ถึงในตัวข้านี้จะมีหลักฐาน แต่เรื่องชวนสะเทือนขวัญเกินไปกลับจะทำให้คนกลับคำให้การได้ง่าย มิหนำซ้ำพวกเรามาลี่โจวก็ไม่ใช่เพียงเพื่อเรื่องของเถาปี้ ยังมีเรื่องที่ว่าหมอเทวดาหญิงในวังกับอดีตฮู่กั๋วกงฮูหยินมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าฉีหรือไม่กันแน่อยู่อีก”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ต.ค. 66 เวลา 12.00 น.