ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน
ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 308-309
บทที่ 308
เหยียนเจวี๋ยส่ายศีรษะ “เลือกทางที่สอง พวกเราไปกันเดี๋ยวนี้เลย”
ความจริงที่เถาปี้แลกมาด้วยชีวิตเป็นไปได้ยิ่งยวดว่าจะเป็นความจริง หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างลี่โจวกับจวนผิงอ๋องก็แน่นแฟ้นกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก
“อย่าลืมว่าเรื่องที่หลี่จินผิงเข้าวังไปเป็นพระสนมแล้วพวกเราเองก็เพิ่งจะได้รู้ไม่นาน ทว่าทางเจินจีกลับรู้อยู่ก่อนแล้ว ไม่แน่ว่ารุ่งสางเหวยเต๋อลี่อาจจะได้รับจดหมายจากผิงอ๋องแล้ว เหวยเต๋อลี่ลงมือโหดเหี้ยม ที่นี่ไม่ควรรั้งอยู่นาน”
เฉินวั่งซูพยักหน้า ปรับตำแหน่งหน้าไม้น้อย ก่อนดึงมีดสั้นที่สอดอยู่ในรองเท้าหุ้มแข้งออกมา นางเปลี่ยนมาสวมชุดท่องราตรีอีกครั้ง เสร็จแล้วก็นำหลักฐานที่ได้มาสอดเข้าไปในอกเสื้อด้วยความระมัดระวังยิ่ง
นางคิดเล็กน้อยก่อนเดินไปหน้าโต๊ะ ฉวยกล่องเครื่องประดับที่เจินจีเตรียมไว้ให้นางขึ้นมา
เหยียนเจวี๋ยโอบเอวนางไว้ พอเปิดประตูออกไปมู่จิ่นกับเฉิงอู่ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ก้าวมาประกบทันที
“ไป!”
เหยียนเจวี๋ยออกคำสั่ง โอบเอวเฉินวั่งซูไว้ แล้วก็อุ้มนางขึ้นหลังคา
แสงจันทร์นวลอ่อนส่องลงบนหลังคาจนดูคล้ายกับว่าปูหลังคาด้วยแสงจันทร์สีเงินยวงก็มิปาน
เท้าเหยียนเจวี๋ยสะกิดพื้นเบาๆ พาเฉินวั่งซูออกจากจวนโดยไม่เหลียวหลัง
เฉินวั่งซูใช้หางตามองดู นางได้รู้ถึงวิชาตัวเบาของมู่จิ่นอยู่เป็นประจำ มู่จิ่นย่อมตามมาได้สบาย ส่วนเฉิงอู่ที่ขับรถม้ามาตลอดไม่เคยเผยฝีมือให้นางเห็น ยามนี้อีกฝ่ายประหนึ่งเป็นวิญญาณ ไม่ถูกทิ้งห่างแม้เพียงครึ่งก้าว กระทั่งหายใจก็ยังไม่หอบ
แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือ…ยกเว้นนาง
เฉินวั่งซูหรี่ตาลง สายลมพัดเรือนผมนางปลิวขึ้น
“ข้าเตรียมม้าไว้นอกเมือง หลังพวกเราออกไปแล้วก็ขี่ม้ากลับหลินอันได้ทันที ระหว่างทางเกรงว่าต้องลำบากภรรยาแล้ว”
เฉินวั่งซูได้ยินคำพูดของเหยียนเจวี๋ย นางเพิ่งคิดจะตอบ กลับเห็นเขาหยุดฝีเท้าลง
บนหอกำแพงเมืองมีไฟสว่างพึ่บ
เฉินวั่งซูเพ่งสายตามองไป เหวยเต๋อลี่สวมชุดเกราะเต็มยศยืนอยู่บนหอกำแพงเมือง ในมือถือคบเพลิงไว้อันหนึ่ง ผู้ที่ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ข้างกายเขาก็คือคนสกุลเหวยที่โขกออกมาจากแม่แบบเดียวกันกับเขา
เจินจียืนเฉิดฉายอยู่ตรงนั้น สวมกระโปรงพิลึกที่แตกต่างจากเมื่อกลางวันโดยสิ้นเชิง น่าจะเป็นชุดของเผ่าฉี
“ล้วนกล่าวขวัญกันว่าคุณหนูรองเฉินรู้หนังสือรู้มารยาท เป็นคนสุภาพเรียบร้อย ข้าก็ว่าอยู่ว่าจะหยิ่งยโสไม่เห็นหัวใครปานนั้นได้อย่างไร เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ บัดนี้พวกข้าได้รับข่าวจากเมืองหลินอันแล้ว สองคนตรงหน้านี้เป็นตัวปลอม โจรกระจอกจากที่ใดถึงกับกล้าแอบอ้างเป็นคุณชายแห่งจวนฮู่กั๋วกง แอบอ้างเป็นเซี่ยนจู่มาหลอกลวงต้มตุ๋นหาประโยชน์จากลี่โจวเรา! บังอาจยิ่งนัก! พวกข้ารออยู่ที่นี่มานานแล้ว เจ้าโจรกระจอก จงยอมให้จับเสียดีๆ!”
เฉินวั่งซูฟังแล้วก็ให้ขบขัน เห็นได้ชัดว่าตอนกลางวันเจินจีถูกนางรังแกจนเหลืออดแล้วจริงๆ บัดนี้อุตส่าห์มีโอกาสทั้งทีก็ต้องการกู้หน้าคืนบ้าง จึงร้องป่าวประกาศจนคอแทบแตกแล้ว
แม้พวกนางจะถูกทัพใหญ่ล้อมไว้ แต่เฉินวั่งซูถึงกับไม่รู้สึกหวาดหวั่นลนลานเลยสักกระผีก
นี่นับเป็นอะไรกัน…
นี่นับว่าเฉินวั่งซูตายจนชินชาจนไม่กลัวอะไรแล้วใช่หรือไม่ หรือว่านางบรรลุขั้นหลุดพ้นวิสัยมนุษย์ปุถุชนแล้ว จึงเห็นความเป็นความตายเป็นสิ่งว่างเปล่า
“คุ้มครองคุณหนูเจ้าให้ดี”
เหยียนเจวี๋ยพูดจบก็ชักกระบี่ยาวออกมาจากตรงบั้นเอว ลมพัดเรือนผมยาวของเขาปลิวขึ้น แสงจันทร์ส่องกระทบบนใบหน้าเขา รูปโฉมอันน่าตื่นตะลึงนั้นคล้ายฉาบไว้ด้วยรัศมีเรืองรอง งดงามจนชวนให้คนใจหายใจคว่ำอยู่บ้าง
ธนูในมือของทหารในกองทัพประจำเมืองที่ยืนอยู่บนหอกำแพงเมืองเกิดสั่นหวิดจะร่วงตก
แม้จะเป็นบุรุษด้วยกัน แต่พลังโจมตีของเหยียนเจวี๋ยในครานี้ก็ไม่ด้อยกว่ายามบัณฑิตยากจนบังเอิญพบปีศาจจิ้งจอกในภูเขาเลย
ทว่าปีศาจจิ้งจอกตนนี้เป็นปีศาจจิ้งจอกที่จะเอาชีวิตคน!
เฉินวั่งซูกล่าวในใจอย่างปลงๆ
“ใช้เจ้านี่” เฉินวั่งซูยื่นกล่องเครื่องประดับที่เจินจีให้นางมาออกไป
เหยียนเจวี๋ยเห็นแล้วก็เอื้อมมือมาคว้าไปโดยไม่ลังเล ก่อนจะโยนไปทางหอกำแพงเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเร็วปานฟ้าผ่าไม่ทันปิดหู
อะไรเรียกว่า ‘พอคุยไม่ถูกคอก็ลงไม้ลงมือ’ นี่อย่างไรเล่า!
เจินจีอ้าปากพูดไม่ทันจบที่ข้างกายก็มีเสียงร้องโหยหวนดังมาเป็นระลอกแล้ว
นางหันหน้าไปมอง ได้ยินเพียงเสียงดังตูม ทหารนายหนึ่งที่ด้านหลังร้องครวญครางได้เพียงเสียงเดียวก็ล้มลงพื้น ตายไม่ฟื้นไปแล้วโดยยังมีไข่มุกเม็ดหนึ่งฝังอยู่ที่หว่างคิ้วของเขา
ไข่มุกเม็ดนี้นางจำได้ เป็นของที่นางวางไว้ในห้องเฉินวั่งซูเพื่อความมีหน้ามีตา สีขาวนวลผ่อง มันเป็นหนึ่งในของขวัญที่เหวยเต๋อลี่มอบให้นางในวันเกิดปีนี้
เหวยเต๋อลี่เผยสีหน้าที่ดูคาดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัด เขานิ่งงันไปชั่วครู่ถึงค่อยได้สติ แล้วแผดเสียงคำรามลั่น “ยิงธนู!”
เหยียนเจวี๋ยไม่หวั่นแม้แต่น้อย ชูกระบี่ยาวในมือขึ้น “เจ้าเมืองเหวยใช้ชาวบ้านลี่โจวทดสอบพิษ ใช้ทหารในกองทัพทดสอบพิษ ถูกพวกข้าล่วงรู้จึงต้องการฆ่าคนปิดปาก หากข้ามิใช่เหยียนเจวี๋ย ใต้ผืนฟ้านี้ก็ไม่มีใครอื่นที่ทำได้อย่างเหยียนเจวี๋ยแล้ว!”
เขาเพิ่งจะพูดจบ ห่าธนูก็พุ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว
เฉินวั่งซูสบถในใจ
มองเห็นเหยียนเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างหน้านางกวัดแกว่งกระบี่ยาวในมืออย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นภาพติดตา ครั้นเขาลดแขนลงลูกธนูทั้งหมดล้วนตกลงพื้นจนหมดสิ้น คนทั้งสี่ไร้รอยขีดข่วน
รอบข้างเงียบฉี่
เหยียนเจวี๋ยพูดได้มิผิด ใต้ผืนฟ้านี้ไม่มีใครอื่นที่มีฝีมือเท่าเขาจริงๆ
ต่อให้มีคนที่มีฝีมือเช่นนี้ก็ไม่ได้หน้าตาดีเท่าเขา
คนทั้งหมดล้วนอึ้งตะลึง รวมไปถึงเฉินวั่งซูด้วย
นางยังจำได้ว่าตอนเพิ่งมาถึงแคว้นต้าเฉินเหยียนเจวี๋ยยังเป็นลิงที่อยู่ผิดดินฟ้าอากาศ ทุกวันเอาแต่กระโดดโลดเต้นอย่างอธิบายสาเหตุไม่ได้ ซ้ำวรยุทธ์ก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทว่านี่เพิ่งจะผ่านมานานเท่าไรเชียว เขากลับเข้าใจความสามารถของเจ้าของร่างเดิมได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
ต่อให้เหยียนเจวี๋ยคนเดิมยังอยู่ก็ไม่แน่ว่าจะสู้ชนะเหยียนเจวี๋ยคนนี้ได้
“ไม่ต้องกลัว ต่อให้เขาจะร้ายกาจสักเพียงใดก็มีเพียงคนเดียว พวกเรามีคนมากเพียงนี้ยังจะฆ่าเขาไม่ตายอีกหรือ จงฟังข้า ยิงธนูต่อไป” ที่สุดแล้วเหวยเต๋อลี่ก็เป็นยอดฝีมือในสนามรบ เพียงไม่นานก็ได้สติกลับมาจากความตระหนกตกใจ ทว่าเขาเพิ่งจะพูดจบที่ข้างกายเหยียนเจวี๋ยก็พลันมีคนชุดดำโผล่ออกมาอีกแปดคนราวกับผีหลอก
เหวยเต๋อลี่ขยี้ตา ระหว่างที่ใจลอยแปดคนนั้นก็กลายเป็นสิบหกคนประหนึ่งว่าแต่งงานหมู่ในวันเดียวกันก็มิปาน
ครั้นเขากะพริบตาอีกทีสิบหกคนนี้ก็ให้กำเนิดบุตร บนหลังคากลายเป็นคนอีกสิบหกคน
“ไป”
เหยียนเจวี๋ยใช้เท้าสะกิดพื้น อุ้มเฉินวั่งซูเหาะไปทางหอกำแพงเมือง สามสิบสองคนนั้นหายวับไปประหนึ่งเป็นเงา…กว่ากองทัพสกุลเหวยที่รออยู่บนหอกำแพงเมืองจะได้สติกลับมา พวกเหยียนเจวี๋ยสี่คนรวมถึงคนชุดดำสามสิบสองคนนั้นก็ขึ้นมาบนหอแล้ว
รอบข้างมีเสียงร้องโหยหวนดังระงมขึ้นอีกครั้ง
เหวยเต๋อลี่ข่มอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป เงื้อแส้เก้าท่อนขึ้นหวดใส่เฉินวั่งซูที่อยู่ในอ้อมแขนเหยียนเจวี๋ย
เฉินวั่งซูด่าเป็นการใหญ่ “เวรเอ๊ย! กินมะพลับต้องเลือกลูกที่นิ่ม ยังเป็นคนอยู่หรือไม่” กล่าวจบแล้วนางก็ล้วงหน้าไม้อันเป็นอาวุธสังหารเพียงหนึ่งเดียวบนตัวนางออกมาสับไกด้วยความเฉียบขาด
เฉินวั่งซูมองคนที่ถูกยิงแล้วก็ตะลึงลานไป
“เดี๋ยวก่อนนะ ข้าไม่นึกเลยว่าพายุเข็มดอกสาลี่นี้จะแม่นยำคล้ายมีดวงตาอย่างไรอย่างนั้น มันเลือกแทงเฉพาะคนแซ่เหวย! เหยียนเจวี๋ย ท่านดูสิ ท่านดู น้องชายชุดดำผู้นั้นที่เป็นพวกเดียวกับพวกเราไม่ได้ถูกแทงนี่นา ท่านว่าหน้าไม้นี้ของข้าน่าอัศจรรย์ใจหรือไม่”
เฉินวั่งซูเพิ่งจะพูดจบองครักษ์ลับชุดดำที่หันหลังให้พวกนางอยู่ผู้นั้นก็ล้มตึงลงกับพื้นในสภาพตัวแข็งทื่อเหมือนรูปสลักหิน
เหยียนเจวี๋ยเห็นแล้วก็เย็นสันหลังวาบแทนองครักษ์ลับชุดดำผู้นั้น พึงต้องรู้ว่าคนผู้นี้หันหลังให้เฉินวั่งซู เข็มเล่มน้อยที่มีดวงตานั่นปักเข้าที่จุดใดไม่ต้องบอกก็รู้ เมื่อเคยลิ้มลองความทุกข์ทรมานนั้นแล้วก็ยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต