ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 308-309 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 308-309

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 309

เฉินวั่งซูกระแอมกระไอ ด่วนคุยโวเร็วเกินไปแล้ว!

นางนับว่าค้นพบแล้ว นับตั้งแต่มายังแคว้นต้าเฉินนี้หน้าของนางล้วนแต่ถูกตนเองตบดังเพียะๆ!

“น้องชายท่านนี้ ข้าต้องขออภัยด้วย เข็มเล่มหนึ่งดันมีความคิดเป็นของตนเอง มันขบถเข้าแล้ว หากเป็นคนที่มีความคิดหมายก่อการกบฏพวกเรายังพอห้ามไว้ได้ แต่หากเป็นเข็มหมายก่อการกบฏข้าก็ห้ามไม่ได้มิใช่หรือ…”

กระบี่ที่เหยียนเจวี๋ยถือไว้ในมือเกิดสั่นวูบหนึ่ง ก่อนสาดประกายกระบี่กรีดไปบนหน้าของเหวยเต๋อลี่ด้วยตนเอง

ในยามนี้เนื่องจากความห้าวหาญของเฉินวั่งซู คนแซ่เหวยที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ก็เหลือเพียงเหวยเต๋อลี่คนเดียวแล้ว อย่าเห็นว่าเขามีรูปร่างบึกบึน หนวดเฟิ้มเต็มหน้า เหมือนเป็นคนมุทะลุดุดันคนหนึ่ง แต่พอเขาใช้แส้เก้าท่อนเป็นอาวุธ เอวหนาเท่าถังน้ำนั่นก็บิดได้พลิ้วไหวอย่างยิ่ง เหมือนกับแส้ของเขามิมีผิด

เหวยเต๋อลี่ถึงกับหลบได้ฉิวเฉียด

ทว่าถึงเขาหลบพ้นเข็มของเฉินวั่งซูได้ แต่กลับหลบไม่พ้นกระบี่ในมือของเหยียนเจวี๋ย

ครั้นประกายกระบี่นั้นวาบผ่านเหวยเต๋อลี่ก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กระโดดถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เขายกมือแตะดู บนหน้าเต็มไปด้วยเลือด

เจินจีที่ตามติดเขาโดยตลอดส่งเสียงอุทานอย่างตกใจ “กรี๊ด! มีตัวอักษรด้วย! ใต้เท้า บนหน้าท่านมีตัวอักษร!”

เหวยเต๋อลี่ตกใจ ก่อนจะเช็ดเลือดออก “เขียนเป็นคำว่าอะไร”

เจินจีเสียงสั่น “อ่อนหัด!”

เหวยเต๋อลี่เบ้าตาแดง ลูกตาคล้ายว่าจะถลนออกมาก็มิปาน “บุรุษฆ่าได้หยามไม่ได้ เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

เหยียนเจวี๋ยอ้าปากค้าง มองไปยังเฉินวั่งซูด้วยท่าทางบริสุทธิ์ไร้ความผิด “ภรรยา หากข้าบอกว่ากระบี่ข้ามีความคิดของตนเอง เจ้าเชื่อหรือไม่”

เฉินวั่งซูได้ยินแล้วก็พูดเสียงดัง “เข็มยังกบฏได้ เหตุใดกระบี่จะมีความคิดของตนเองบ้างไม่ได้ เพลงกระบี่ของสามีบรรลุมหาวิถีแล้ว นั่นหมายถึงมีเจตจำนงฟ้าดินแฝงอยู่ มหาวิถีแห่งกระบี่ยืมมือของสามีเพื่อบอกว่าเหวยเต๋อลี่อ่อนหัด นั่นก็หมายความว่าอ่อนหัดจริงๆ”

เสียงเฉินวั่งซูประดุจเป็นระฆังใบใหญ่ ทั้งๆ ที่ไม่มีกำลังภายใน แต่กลับแฝงด้วยความดังอันเป็นพรสวรรค์ของหญิงช่างนินทา คำว่า ‘อ่อนหัด’ นั้นถึงกับดังจนสะท้อนก้อง

ในชั่วพริบตานี้เองดวงอาทิตย์ก็โผล่พ้นขอบฟ้า ทั่วท้องนภาสว่างขึ้นพร้อมกัน ไก่ขันสุนัขเห่าเป็นครู่ใหญ่ คล้ายว่ากำลังโห่ร้องกระโดดโลดเต้นขานรับคำนาง มิผิด สวรรค์บอกว่าคนแซ่เหวยอ่อนหัด!

เหวยเต๋อลี่ไหนเลยจะทนรับความอัปยศอดสูใหญ่หลวงปานนี้ได้จึงกระทืบเท้า ไม่มัวสนใจศีลธรรมในยุทธภพอะไรแล้ว แส้เก้าท่อนราวกับเป็นงูที่มีชีวิต โจมตีเข้าหาบริเวณเอวของเฉินวั่งซูทันที

เฉินวั่งซูแผดเสียงลั่น “มู่จิ่น! จัดการมัน!”

ในเวลาเดียวกันนี้เหวยเต๋อลี่ผู้นั้นก็แผดเสียงลั่นเช่นกัน “เจินจี จัดการมัน!”

เฉินวั่งซูหัวใจหดเกร็ง นางแทบอยากจะถูมือไปมา นี่คือสองฝ่ายใช้ไม้แข็งเข้าปะทะกันแล้ว! นางพลันคิดได้ว่าวันหน้าตนเองจะต้องเลี้ยงสุนัขไว้สักตัว ยามเกิดการวิวาทต่อสู้เยี่ยงนี้นางจะได้ตะโกนคำที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กออกไป ‘ไปเลย พิคาชู!’*

มู่จิ่นส่งเสียงร้องตะโกน ก่อนปลดจานฝนหมึกแปดเหลี่ยมสีดำสนิทลงมาจากบั้นเอวแล้วยื่นไปหาแส้เก้าท่อนนั้น แส้เก้าท่อนพลันมีอาการเหมือนเป็นหญิงสาวบ้าบุรุษที่มองเห็นคนรักในฝัน คอบิดมือสั่น เปลี่ยนทิศทางพุ่งไปหาจานฝนหมึกอันน้อยของมู่จิ่นเสียอย่างนั้น

เหวยเต๋อลี่ยังไม่ทันได้สติ แส้เก้าท่อนของเขาก็ดูดติดกับจานฝนหมึกใบน้อยของมู่จิ่นดังแป๊ะแล้ว

มู่จิ่นพลันเอื้อมมือไปกระชากปลายแส้ที่ติดกับจานฝนหมึก แส้ยาวในมือเหวยเต๋อลี่ก็หลุดออกจากมือเขา

ทว่าในเวลานี้เจินจีเองก็ล้วงลูกกลอนเคลือบขี้ผึ้งเม็ดหนึ่งออกมาแล้วโยนขึ้นไปกลางอากาศเช่นกัน

พอเหวยเต๋อลี่เสียแส้เก้าท่อนไปก็ดึงเอาแส้อ่อนของคนข้างกายมาฟาดไปที่ลูกกลอนเคลือบขี้ผึ้งเม็ดนั้น มันแตกออก กลิ่นระคายจมูกโชยปะทะหน้า ตามติดมาด้วยผงที่มีลักษณะเหมือนแป้งสีขาว

เฉินวั่งซูหน้าเปลี่ยนสีอย่างมาก เวรแล้ว! ตะลุมบอนกันอยู่ดีๆ เจ้าพวกไร้ยางอายถึงกับใช้อาวุธชีวเคมี

ผงนี้ดูไม่มีพิษมีภัย แต่ไม่ว่าใครก็ล้วนเดาได้ว่าข้างในนั้นจะต้องมีพิษร้ายแรงแฝงอยู่แน่นอน

เหยียนเจวี๋ยรวบตัวเฉินวั่งซู พานางกระโดดถอยหลังไปสามก้าว ไม่ว่าผงสีขาวพวกนั้นตกลงที่ใดก็ล้วนเกิดฟองอากาศที่ดูน่าขวัญผวา…แต่เจินจีกับเหวยเต๋อลี่ล้วนลืมไปว่าผู้ที่ยืนประจันหน้าสู้อยู่กับเฉินวั่งซูก่อนหน้านี้ล้วนเป็นคนสกุลเหวย…

พวกเขาแต่ละคนถูกยาชาจากหน้าไม้น้อยทำให้กลายเป็นเหมือนคนตายที่มีลมหายใจ บ้างนอนคว่ำบ้างนอนหงายอยู่…

หากตายไปแล้วก็ช่างเถิด แต่พวกเขาล้วนยังมีชีวิตอยู่ดี หูฟังได้ยินและตามองเห็นอยู่ ผู้อื่นอาจไม่รู้ว่าผงสีขาวนั้นคือยาพิษ ทว่าพวกเขาอยู่กับเจินจีมานานปานนี้แล้วมีหรือจะไม่รู้

แต่ละคนล้วนเบิกตาโตด้วยความหวาดผวา ฉากเหตุการณ์นี้ได้ยินแล้วต้องสลด ได้ฟังแล้วต้องหลั่งน้ำตาเลยทีเดียว…

เฉินวั่งซูเห็นแล้วยังต้องคำรามลั่นว่า “เดิมเกิดร่วมรากหนอ ไยใจคอด่วนฆ่าแกง*!”

เมื่อพวกเฉินวั่งซูกับเหยียนเจวี๋ยผลุบตัวหลบ ผงสีขาวเหล่านั้นย่อมจะตกใส่ร่างพวกเขาเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจะตะโกนก็ตะโกนไม่ออก จะร้องก็ร้องไม่ได้ แม้แต่สีหน้าดุร้ายก็ยังจนปัญญาจะทำออกมาได้

ดวงตาแต่ละคู่มีเส้นเลือดฝอยปรากฏขึ้นเนื่องจากความเจ็บปวด

“ข้ารู้สึกว่าข้าค้นพบประโยชน์ที่แท้จริงของพายุเข็มดอกสาลี่นี้แล้ว!” เฉินวั่งซูโพล่งขึ้นมา ก่อนหันหน้ามองเหยียนเจวี๋ย กลับเห็นเขาฉีกแขนเสื้อของตนเองทิ้งอย่างไม่รีบร้อน

เฉินวั่งซูพลันหน้าเปลี่ยนสี “ท่านได้รับบาดเจ็บ?”

ต่อให้เหยียนเจวี๋ยตอบสนองรวดเร็วเพียงไร ลูกกลอนเคลือบขี้ผึ้งเม็ดนั้นก็ระเบิดมาใส่พวกเขาสองคน ย่อมจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่ว่าเขาจะหลบอย่างไรก็หลบไม่พ้น นางรู้สึกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหยียนเจวี๋ยยกมือบังนางไว้โดยตลอด

บัดนี้ดูแล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ แขนเสื้อของเขาถูกเผาเป็นรูหลายรู

เหยียนเจวี๋ยส่ายหน้า “ไม่เป็นไร เพียงแต่เสียดายของกินเล่นที่เตรียมไว้ให้เจ้าเท่านั้น ข้าซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าแขนเสื้อ ยามนี้ล้วนกินไม่ได้แล้ว”

เฉินวั่งซูเห็นเหยียนเจวี๋ยกระชากกระเป๋าที่ผูกอยู่บนแขนทิ้งไปอีกชิ้นก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง

นางก็ว่าอยู่ว่าเหตุใดแขนเสื้อเหยียนเจวี๋ยถึงใหญ่เพียงนั้น อย่างกับเป็นกระเป๋าที่มีมิติที่ว่างอย่างไรอย่างนั้น ที่แท้คนผู้นี้ก็ผูกห่อผ้าไว้ด้านใน ใส่ของกินไว้จนเต็ม ยังดีที่เขามีวรยุทธ์ มิเช่นนั้นหากเป็นคนทั่วไปก็คงรู้สึกเหมือนผูกถุงทราย แค่จับตะเกียบก็ยังมือสั่น

เหวยเต๋อลี่เองก็ถูกภาพนี้เขย่าขวัญเช่นกัน “น้องชาย เหวินเอ๋อร์ อู่เอ๋อร์!”

เขาพูดแล้วดวงตายิ่งแดงก่ำ จับแส้อ่อนที่เพิ่งหวดออกไปฟาดสองทีแล้วตวาดว่า “เจินจี!”

เจินจีรีบล้วงลูกกลอนเคลือบขี้ผึ้งออกมาอีกเม็ด เห็นได้ชัดว่าต้องการใช้ลูกไม้เก่าอีกรอบ

“เฉิงอู่!” เหยียนเจวี๋ยเรียกเสียงเข้ม

เฉิงอู่พยักหน้า กระโดดมาอยู่เบื้องหน้าเหยียนเจวี๋ยและเฉินวั่งซูทันที

เฉินวั่งซูเห็นแล้วก็ปากอ้าตาค้างไปเลยทีเดียว

เวลาเพียงชั่วครู่เดียวนี้เฉิงอู่ผู้นั้นไม่รู้ไปอุ้มบานประตูมาจากที่ใด

เขายกบานประตูบานนั้นไว้ เคลื่อนลมปราณไปที่จุดตันเถียน** กางขาย่อตัว ดูราวกับเป็นเทพทวารบาล

เดี๋ยวก่อนนะพี่ชาย พอยาพิษระเบิดมันจะโปรยปรายลงมาจากเหนือศีรษะ ท่านจะใช้บานประตูบังก็ต้องบังไว้เหนือหัวมิใช่หรือ อีกประการหนึ่งพวกเราจะชิงตีลูกกลอนเคลือบขี้ผึ้งเม็ดนั้นให้เละก่อนที่เจินจีจะโยนออกมา ให้ตัวนางถูกพิษตายเองไม่ได้หรือไร

ครั้นเจินจีโยนออกมาเหวยเต๋อลี่ก็ใช้ลูกไม้เดิม ผงสีขาวกำลังจะร่วงลงมาอยู่รอมร่อแล้ว

ในเวลานี้เองเฉิงอู่ก็ขยับตัวเสียที

บานประตูหนาหนักบานนั้นอยู่ในมือเขาก็ราวกับเป็นพัดกกหน้าเตาไฟ ทุกครั้งที่พัดจะได้ลมแรงปานพายุ

เฉินวั่งซูรู้สึกว่าตนเองตัวชาไปแล้ว

ภาพที่ข้าเห็นในวันนี้มิใช่เหยียนเจวี๋ยทำศึกใหญ่กับเหวยเต๋อลี่ ณ ลี่โจว แต่เป็นองค์หญิงพัดเหล็กเฉิงอู่ดับไฟที่ภูเขาเปลวเพลิงกระมัง!

 

* ‘ไปเลย พิคาชู’ มีที่มาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ‘โปเกมอน’ ที่สร้างขึ้นจากวิดีโอเกมโปเกมอน เป็นประโยคที่มาจากคำพูดของตัวเอกเวลาที่กำลังจะปล่อยพิคาชูออกมาต่อสู้

* ‘เดิมเกิดร่วมรากหนอ ไยใจคอด่วนฆ่าแกง’ มาจากวรรณกรรมจีนเรื่องสามก๊ก เป็นท่อนหนึ่งในบทกวีเจ็ดก้าวซึ่งเฉาจื๋อ (โจสิด) แต่งตัดพ้อเฉาพี (โจผี) ผู้เป็นพี่ชายที่ต้องการสังหารตนเองจนรอดตายได้ บทกลอนเต็มคือ ‘ต้มถั่วเผาเถาถั่ว ถั่วร่ำไห้อยู่ในหม้อ เดิมเกิดร่วมรากหนอ ไยใจคอด่วนฆ่าแกง’

** จุดตันเถียน เป็นชื่อเรียกตำแหน่งชีพจรบริเวณท้อง อยู่ใต้สะดือลงไปประมาณสามนิ้ว

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 3 .. 66 เวลา 12.00 .

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com