ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน
ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 312-314
บทที่ 314
พลทหารที่ยกธนูอยู่เหล่านั้นได้ยินแล้วก็เริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
แต่ละคนมองไปยังรัชทายาทอย่างเงียบๆ ขาของเขาพิการมาตั้งหลายปี หมอหลวงในวังก็ดี หมอเทวดาในเมืองหลินอันก็ช่าง แต่ละคนล้วนหมดปัญญารักษา
แต่หมอเทวดาหลี่ที่ไม่รู้โผล่ออกมาจากที่ใดผู้นั้น หญิงสาวที่อายุน้อยปานนั้นถึงกับรักษาขาของเขาให้หายดีได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน รัชทายาทกระโดดโลดเต้นได้ไม่ต่างจากคนปกติ ช่างน่าเหลือเชื่อโดยแท้
เรื่องผิดปกตินี้ต้องมีสิ่งแอบแฝง ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดไม่ออกมาโดยตลอด จึงเพียงถือว่าสวรรค์คุ้มครอง…ทว่าบัดนี้…
เฉินวั่งซูรู้สึกได้ถึงความไม่สงบในหมู่ฝูงชนจึงกล่าวต่ออีกว่า “เพื่อที่จะเอาพระทัยรัชทายาท รับรองได้ว่าจะมีความดีความชอบในการติดตามฮ่องเต้ตั้งแต่ก่อนครองราชย์ เหวยเต๋อลี่เจ้าเมืองลี่โจวได้เอาจิตสำนึกไปป้อนสุนัขแล้วจริงๆ”
นางว่าแล้วหางตาก็ชื้นขึ้นมาเล็กน้อย “มีคำกล่าวหนึ่งกล่าวไว้ว่ารักทหารดุจบุตรชาย* ต่อให้ไม่เห็นว่าทหารใต้บังคับบัญชาเป็นบุตรชายในไส้ แต่อย่างน้อยก็ควรเห็นพวกเขาเป็นคน ชีวิตผู้ใดมิใช่ชีวิตบ้างเล่า เหล่าพลทหารต่างเอาชีวิตเข้าสู้อยู่ในกองทัพ หากต้องตายจริงๆ ก็ควรได้ตายอยู่ในสนามรบระหว่างสังหารศัตรู แต่เหล่าพลทหารเมืองลี่โจว พวกเขาตายอยู่ที่ใดกันเล่า…พวกเขาเป็นเหมือนสุกรในเล้า ถูกแม่ทัพของตนเองเข่นฆ่าอย่างปราศจากศักดิ์ศรี”
นางพูดจบก็หลับตาลง
เสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบยิ่งดังขึ้น
“รัชทายาททรงกล้าไปเผชิญหน้ากับพวกหม่อมฉันต่อพระพักตร์ฝ่าบาทหรือไม่ หม่อมฉันกับเหยียนเจวี๋ยของหม่อมฉันประพฤติตนซื่อตรงสุจริตเปิดเผย ย่อมจะไม่หวาดเกรงสิ่งใด รัชทายาททรงกล้าหรือไม่” นางว่าแล้วก็มองไปด้านหลัง “รัชทายาททรงครอบครองกองทัพทั้งใต้หล้า ยังจะกลัวหม่อมฉันกับเหยียนเจวี๋ยที่มีกันเพียงสองคนอีกหรือ”
รัชทายาทอึ้งงันไป เริ่มลังเลขึ้นมา
เฉินวั่งซูยิ้มเหยียดหยามก่อนตะโกนลั่น “ทรงกล้าหรือไม่!”
รัชทายาทสังเกตเห็นสายตาของคนโดยรอบก็ยืดอกขึ้นทั้งที่ยังลังเล “ข้า…ข้ามีอะไรไม่กล้ากัน ข้าเองก็ประพฤติตนซื่อตรงสุจริตเปิดเผยเช่นกัน”
เขาเพิ่งจะพูดจบก็มีคนเปิดประตูเมืองหลินอันออกแล้ว
เฉินวั่งซูสะบัดแขนเสื้อ ก้าวขึ้นรถม้าพร้อมกับเหยียนเจวี๋ย ขบวนรถวิ่งเข้าเมืองอย่างยิ่งใหญ่
มู่จิ่นที่นั่งอยู่บนรถม้าจับมือนางด้วยความตื่นเต้นเป็นกังวล “คุณหนู ท่านไม่กลัวโจรสุนัขผู้นั้นฉวยโอกาสขณะพวกเราเข้าเมืองลงมือสังหารพวกเราหรือเจ้าคะ ถ้าเกิดเขาไม่แยแสศีลธรรม ฆ่าก่อนค่อยว่ากันจะทำอย่างไรดีเล่าเจ้าคะ”
เฉินวั่งซูส่ายหน้า “คนเราแต่ละคนกระทำสิ่งใดล้วนมีกฎมีแบบแผนของตนเอง ซึ่งจะเป็นไปตามประสบการณ์และนิสัยใจคอ ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ หรอก เมื่อก่อนผิงอ๋องถูกฮองเฮาปกป้องไว้ทุกทาง บุรุษที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการพึ่งพามารดาไปเสียทุกอย่างพรรค์นี้ส่วนใหญ่ล้วนไม่เด็ดขาดพอ เรื่องฆ่าก่อนค่อยว่ากันเขาทำออกมาไม่ได้แน่นอน มิหนำซ้ำ…” เฉินวั่งซูพูดพลางยักคิ้ว “มิหนำซ้ำข้าก็ไม่กลัวเขามาฆ่า แต่กลัวเขาไม่ฆ่าเสียมากกว่า”
มาเลย! มาเลย! ขอเพียงรัชทายาทปล่อยธนูมาแค่ดอกเดียว ข้ากับเหยียนเจวี๋ยก็สามารถเปิดฉากสังหารได้ ถึงเวลานั้นก็ฆ่าเจ้าหนูน้ำเต้าให้หมดแล้วก็แต่งตั้งตนเอง ไหนเลยจะไม่น่าพอใจ!
เฉินวั่งซูพูดจบกลับถามเรื่องอื่นขึ้นมา “เจ้ารู้สึกแปลกหรือไม่ ฝ่าบาททรงขี้ระแวง ตามหลักแล้วไม่ควรแต่งตั้งรัชทายาทเร็วปานนี้ เหตุใดพอพวกเราออกมาจากเมืองลี่โจวที่นี่ก็เปลี่ยนไปแล้ว…ผิงอ๋องถึงกับได้เป็นรัชทายาทแล้วจริงๆ…” เฉินวั่งซูพูดพลางรู้สึกว่าหัวใจบีบรัด นางมองไปที่เหยียนเจวี๋ย “แย่แล้ว หลงกลแล้ว”
เวรเอ๊ย! นางเสียแรงทำเก่งไปเปล่าๆ ปลี้ๆ ถึงกับละเลยเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งไป นั่นก็คือตลอดทางที่นางกับเหยียนเจวี๋ยคุมตัวเหวยเต๋อลี่มาเมืองหลินอันถึงกับคลื่นลมสงบเงียบ ไม่ได้เจอการดักปล้นกลางทางแม้แต่ครั้งเดียว
ยิ่งสงบก็ยิ่งมีปัญหา…
แม้ว่าคดีสังหารหมู่ที่ลี่โจวจะน่าสะเทือนขวัญ แต่กุญแจสำคัญในการโค่นล้มเจ้าหนูน้ำเต้าคนโตของพวกนางอยู่ที่ใด พูดไปก็ฟังดูเหลวไหล แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ในสายตาของฮ่องเต้ผู้เลอะเลือนไร้คุณธรรม เกรงว่าเรื่องที่เจ้าหนูน้ำเต้าคนโตกับเจ้าเมืองลี่โจวสมคบคิดกัน อีกทั้งส่งสตรีที่เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษมาเป็นสนมคนโปรดอยู่ข้างกายเขาเพื่อหมายวางแผนก่อกบฏคงจะสำคัญยิ่งกว่า
ขอเพียงเฉินวั่งซูกับเหยียนเจวี๋ยพาตัวคนเหล่านั้นมาถึงหลินอัน ตำแหน่งรัชทายาทนี้ไม่ว่าอย่างไรก็นั่งไม่ได้แล้ว หากนางเป็นรัชทายาทจะต้องดักฆ่ากลางทาง กลบฝังเรื่องนี้ให้ได้ก่อนที่พวกนางจะมาถึงหลินอัน
ทว่านี่ผิดปกติอย่างยิ่ง ตลอดทางมานี้แม้แต่สุนัขสักตัวยังไม่มี
เจ้าหนูน้ำเต้าคนโตคิดว่าตนเองมีหลักประกันจึงไม่เกรงกลัว คิดเพียงว่าฮ่องเต้อยู่ในเงื้อมมือเขาแล้ว เมืองหลินอันก็อยู่ในเงื้อมมือเขาแล้ว
ก่อนหน้านี้เฉินวั่งซูกับเหยียนเจวี๋ยอยู่นอกเมือง ยังมีความเป็นไปได้ที่จะหันหลังวิ่งหนี แต่เมื่อเข้าประตูเมืองหลินอันมาแล้วก็เท่ากับปิดประตูสังหารมังกร
เฉินวั่งซูไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าอันที่จริงสำนวนนี้ต้องเป็น ‘ปิดประตูตีสุนัข’
ให้ตายเถอะ! นี่เพิ่งผ่านมานานเท่าไรเชียว ใต้หล้าถึงกับเปลี่ยนไปแล้ว
เห็นทีปีนี้บิดาชราที่ทำงานส่งศพผู้นั้นของนางคงจะต้องงานยุ่ง ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูหนาวคงจะมีเชื้อพระวงศ์ให้ส่งไม่หวาดไม่ไหว มีบุตรหลานชนชั้นสูงให้หามไม่จบไม่สิ้น
เฉินวั่งซูสะท้อนใจ กระตุ้นตนเองให้กระปรี้กระเปร่าเต็มที่ มือกุมหน้าไม้น้อย กลิ้งตัวเข้าอ้อมแขนเหยียนเจวี๋ยอย่างมีสติ จับมือเขามาโอบเอวตนเอง “โอบแน่นๆ หน่อย ประเดี๋ยวพวกเราหนีออกไปกัน ข้าไม่อยากกลายเป็นไม้ที่เสียบผลไม้เคลือบน้ำตาลนั่น”
เหยียนเจวี๋ยตอบรับในลำคอเสียงหนัก
ไม่รู้ว่าเฉินวั่งซูหลอนไปเองหรือไม่ ทว่ารอบข้างเงียบกริบแล้ว
แทบจะได้ยินเสียงธนูยิงมาจากสี่ทิศแปดทาง
เฉินวั่งซูด่าสาดเสียเทเสียในใจไปหลายคำ เสียแรงที่เมื่อครู่นางพูดไปตั้งมากมายปานนั้น เหวยเต๋อลี่ไม่เห็นชาวบ้านเป็นคน องค์ชายใหญ่ที่เป็นพวกเดียวกับเขาได้ขึ้นครองราชย์วันหน้าก็ไม่มีทางเห็นชาวบ้านเป็นคนเช่นกัน
นางนึกว่าคำพูดเหล่านี้จะทำให้จิตใจของทหารเหล่านั้นหวั่นไหวได้แล้วเปลี่ยนข้างในช่วงเวลาสำคัญ ถึงเวลานั้นนางชูแขนเปล่งเสียงร้อง ทหารเหล่านี้ก็พากันขานรับ ช่วยนางยึดพระราชบัลลังก์ ก้าวเดินไปบนเส้นทางสูงสุดของชีวิตนับแต่บัดนี้
ผลคือให้ตายสิ ละครที่มีนางเอกเป็นศูนย์กลางล้วนแต่หลอกลวงคน!
พวกเขาหวั่นไหวก็ส่วนหวั่นไหว แต่ยังคงเชื่อฟังผู้ที่ให้เบี้ยหวัดแก่พวกเขา ธนูประหนึ่งเป็นน้ำแข็งอันเย็นเฉียบระดมฟาดลงบนหน้านาง ชีวิตน้อยๆ เดินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
มู่จิ่นที่อยู่ด้านข้างสูดหายใจลึก ชกพื้นรถม้าจนทะลุ หากกระโดดขึ้นข้างบนจะกลายเป็นเป้านิ่ง แม้กลิ้งไปกับพื้นจะไม่น่าดู แต่ยังมีโอกาสรอดชีวิต
“กั๋วกงน้อยพาคุณหนูหนีไป บ่าวจะคอยคุ้มกันอยู่ด้านหลังเองเจ้าค่ะ”
มู่จิ่นพูดพลางชักดาบโค้งที่พกไว้ตรงเอวออกมา ก่อนจะล้วงขวดเขียวใบเล็กใบหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อแล้วเทลงบนตัวดาบอย่างปราศจากความลังเล
ดาบโค้งที่เมื่อก่อนเห็นว่าธรรมดาทั่วไป ในฉับพลันนั้นคล้ายว่าได้เปลี่ยนลักษณะไป มันกลายเป็นสีเขียวประหลาดที่ส่งกลิ่นระคายจมูกออกมา
เฉินวั่งซูอึ้งงัน นางรู้สึกว่าตนเองไม่หนีไม่ได้แล้ว หากยังอยู่ในรถม้านี้กับมู่จิ่นอีกแม้เพียงชั่วขณะเดียว นางก็จะตายเพราะถูกพิษนี้เข้า
มู่จิ่นส่งเสียงร้องขึ้นมา ยกเท้าคิดจะยันเฉินวั่งซูลงไป กลับเห็นฝ่ายหลังขยับตัวไปที่รูนั้นอย่างว่าง่ายแล้ว นางจึงหดเท้ากลับมาแต่โดยดี เปิดม่านรถม้า แล้วทำท่าจะพุ่งตัวออกด้านนอก
เฉินวั่งซูกัดฟันพลางสบตากับเหยียนเจวี๋ย
เหยียนเจวี๋ยชะงักเล็กน้อย “คือว่า…ภรรยาไม่ต้องกลัว ธนูยิงไม่ทะลุหรอก ข้าเตรียมการไว้ก่อนแล้ว มู่จิ่น หากเจ้าพุ่งตัวออกไปเวลานี้จะถูกยิงจนพรุน”
รองเท้าที่ยื่นออกไปแล้วครึ่งหนึ่งของมู่จิ่นหดกลับเข้ามาในทันใด
ในเวลานี้ห่าธนูก็พุ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว
* เอาขนไก่ไปทำลูกศร หมายถึงการหาเหตุผลในการใช้กำลังของผู้มีอำนาจ
* มีที่มาจากการ์ตูนแนวโชโจะเรื่องเซเลอร์มูน โดยวลีประจำตัวของเซเลอร์มูนคือ ‘ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง’
* รักทหารดุจบุตรชาย หมายถึงการปฏิบัติต่อทหารเหมือนบุตรของตน ทหารจะจงรักภักดีจนสามารถสละชีพให้ได้
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนตุลาคม 66)