บทที่ 365
“ไม่ พวกเราไม่มีวันแพ้”
เฉินวั่งซูกล่าวด้วยความจริงใจน่าเชื่อถือ
ไม่น่าแสร้งทำอวดเก่งเลย แต่ในเมื่อเริ่มแล้วก็ต้องเชื่อมั่นว่าทั่วทั้งใต้หล้าสยบอยู่ใต้เท้าข้าผู้เดียว ประจิมไม่พ่าย บูรพาไม่แพ้!
องค์ชายสี่ท่าทางดูงุนงงอยู่บ้าง
ทว่าเฉินวั่งซูหาได้มีทีท่าจะเกลี้ยกล่อมเขาต่อไม่ หากมิใช่เพราะเห็นแก่ฉินเจ่าเอ๋อร์ อาศัยแค่ว่าเขาเป็นเจ้าหนูน้ำเต้าก็ไม่ควรค่าให้นางกับเหยียนเจวี๋ยต้องมาเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตที่นี่หรอก ช่างมีเกียรติเสียนี่กระไร!
นางไม่เคยหวังอะไรแค่ทีละอย่าง อย่างละเล็กละน้อยอยู่แล้ว
“ฮูหยิน จะถึงหุบเขาไป๋สือแล้วขอรับ” เสียงราชองครักษ์ปีกดำดังมาจากนอกรถม้า
เฉินวั่งซูพยักหน้า “อย่าลืมลอกหนังหน้าออก พวกเราเกิดความคิดขึ้นกะทันหันถึงได้แปลงโฉมเป็นเจวี๋ยขุยกับจวีเอ๋อ อย่าให้ออกไปแล้วถูกผีหลิ่งยิงธนูฆ่าตายเสียเล่า!”
นางว่าแล้วก็ยกมือลอกหนังหน้าออกอย่างไม่กระมิดกระเมี้ยน หนังหน้าที่ชำรุดผุพังแตกระแหงจนไม่เหลือสภาพแล้วนั้นร่วงกราวลงมา องค์ชายสี่ที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทางเหมือนลูกแกะหลงทางมองนางปราดหนึ่งด้วยความหวาดผวา ก่อนจะทนไม่ไหวอีกต่อไป ยื่นศีรษะออกนอกหน้าต่างรถม้า แล้วเริ่มอาเจียนโอ้กอ้าก
เฉินวั่งซูถลึงตาใส่เขาด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ เสียแรงที่เจ้าคนผู้นี้เป็นถึงแม่ทัพผู้นำทัพออกรบ นี่นับเป็นอะไร ถึงกับตกอกตกใจเสียได้!
เหยียนเจวี๋ยที่อยู่ด้านข้างอดมุมปากกระตุกไม่ได้ จากนั้นก็มองดูมู่จิ่นที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปสักกระผีกราวกับเป็นพระพุทธรูปทีหนึ่ง สตรีช่างน่ากลัวโดยแท้ เขากับองค์ชายสี่นับว่าจิตใจแข็งแกร่งแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปมาเห็นหน้าของสาวงามหลุดร่วงเป็นชิ้นๆ คงได้ทิ้งเงามืดที่ไม่อาจลบเลือนได้ไว้ในใจ ตกใจจนเกิดเป็นอาการเจ็บป่วยอย่างแน่นอน เช่นนั้นคงต้องกลายเป็นนับแต่นี้สตรีเป็นเพียงคนเดินถนน หันมาสนบุรุษสิยั่งยืน!
เหยียนเจวี๋ยยกมือแกะหนังหน้าที่บางราวกับปีกจักจั่นถูกลอกออก ก่อนจะเผยใบหน้าที่ชวนตะลึงนึกว่าเป็นชาวสวรรค์ออกมาในชั่วพริบตา
เฉินวั่งซูมองดูแล้วก็ต้องอุทานอีกครั้ง วิชาแปลงโฉมนี้น่าอัศจรรย์นัก
เพียงติดแผ่นหนังหน้าออกก็เปลี่ยนเป็นคนละคน น่าอัศจรรย์ใจแท้ๆ เชียว!
นางคิดพลางล้วงกล่องหยกสีเขียวใบเล็กออกมาอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาที่เปิดฝาออกเหยียนเจวี๋ยก็ใส่หนังหน้านั้นลงไปแช่ในน้ำสีเขียวพิลึกพิลั่นข้างในกล่อง จากนั้นก็ปิดฝาทันที
รถม้าจอดสนิทแล้ว เฉินวั่งซูกับเหยียนเจวี๋ยลงจากรถแล้วหาที่ซ่อนตัวอย่างฉับไว
ราชองครักษ์ปีกดำอย่างพวกชางเอ่อร์ปรากฏกายในทันใด แบกหีบใหญ่ที่บรรจุจวีเอ๋อรวมถึงองค์ชายสี่ที่อาเจียนจนวิงเวียนตาลายขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว แล้วหายลับไปท่ามกลางกองหินสีขาวในพริบตาเดียว…
ครั้นชาวเป่ยฉีมายืนอยู่ตรงปากหุบเขาแล้ว สิ่งที่มองเห็นก็คือมีรถม้าหรูหรางดงามจอดอยู่ตรงนั้น ล้อรถล้อหนึ่งกลิ้งอยู่ข้างๆ ตัวรถม้าเอียงกระเท่เร่ เงินทองที่อยู่ด้านในตกกระจายเต็มพื้น
พอม้าที่ลากรถม้ามองเห็นคนคุ้นเคยก็กระทุ้งกีบเท้า ร้องขึ้นด้วยความเบิกบานใจ
เจวี๋ยขุยโบกมือให้ทัพใหญ่หยุดอยู่ที่ปากหุบเขา
เขาตั้งมั่นรักษาชายแดนมาตลอดหลายปี ย่อมจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับความอาถรรพ์ของสถานที่แห่งนี้
เขามองดูรอบๆ หุบเขา ที่นี่เงียบสงบอย่างยิ่ง ถึงขั้นไม่มีแม้แต่เสียงนกเสียงแมลง
เจวี๋ยขุยขมวดคิ้ว ไม่เดินเข้าไปในหุบเขาเสียที เขามองเฉาเถียนที่อยู่ข้างกาย
เฉาเถียนหลับตาลงแล้วเงี่ยหูฟังทันที “ท่านแม่ทัพ มีเสียงหายใจคนทั้งหมดห้าคน…ยังมีอีกสองสามคนที่เสียงหายใจแผ่วยิ่ง ผู้น้อยไม่แน่ใจนัก น่าจะเป็นองครักษ์ลับที่ชำนาญการพรางตัวข้างกายเหยียนเจวี๋ย มีเพียงผู้ที่เคยเล่าเรียนวิชากลั้นหายใจมาโดยเฉพาะเสียงหายใจถึงจะเป็นเยี่ยงนี้”