บทที่ 366
องค์ชายสี่ที่ยืนอยู่หลังเฉินวั่งซูมองดูจนปากอ้าตาค้างไปแล้ว
เขานึกขึ้นได้ว่าขณะตนเองถูกจับตัวไปก็อยู่ในหุบเขาไป๋สือนี้ เขาพาคนเข้าหุบเขา เจอเจาซวี่มาดักซุ่ม ทหารกองเล็กๆ กองหนึ่งที่พามาด้วยสู้จนตัวตายกันหมด เขาเองก็ถูกจับไปเป็นเชลย
ทว่าที่โชคดีคือพวกเขาในเวลานั้นล้วนมิได้ประสบกับฉากเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่ออีกทั้งน่ากลัวปานนี้
คำเล่าลือในเมืองเซียงหยางนั้นถูกต้อง หุบเขาไป๋สือนี้เป็นหุบเขาที่ ‘กินคน’ ได้จริงๆ
ทว่าหุบเขาไป๋สือน่าสยดสยองก็จริง แต่หญิงสาวตรงหน้านี้นางควบคุมหุบเขาไป๋สือได้
องค์ชายสี่เงยหน้ามองคนตรงหน้า
แม้จะอยู่ใกล้มาก แต่เขารู้สึกว่าตนเองคล้ายมองเห็นคนตรงหน้าได้ไม่ชัด เขาคิดว่าจะต้องเป็นเพราะหมอกในหุบเขาหนาเกินไปเป็นแน่ มิเช่นนั้นเขาจะรู้สึกได้อย่างไรว่าคำคุยโวก่อนหน้านี้ของเฉินวั่งซูเป็นความจริง
นางไม่มีวันแพ้…
เฉินวั่งซูในยามนี้ไหนเลยจะยังมีเวลาให้ความสนใจองค์ชายสี่ที่คิดฟุ้งซ่าน นางนับถอยหลังในใจ สาม สอง หนึ่ง…
ฟิ้ว เสียงลูกธนูนับไม่ถ้วนตกลงมาจากเหนือหุบเขาไป๋สือ
บรรดาคนที่ยังไม่ตกลงไปในหุบเขาเหล่านั้นล้มลงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าประหนึ่งเป็นแปลงข้าวหลังถูกเกี่ยว
“เฉาเถียน! นี่มันเรื่องอะไรกัน! เหยียนเจวี๋ยอยู่ที่ใด!”
เสียงกราดเกรี้ยวของเจวี๋ยขุยดังขึ้นกลางหุบเขา แต่ยามนี้กลางหุบเขาเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน ต่อให้หูของเฉาเถียนดีเพียงไรก็ยังหมดหนทางจะแยกแยะเสียงหายใจของเหยียนเจวี๋ยออกจากสถานที่ที่เสียงดังเซ็งแซ่ปานนี้ได้
“เหยียนเจวี๋ย เจวี๋ยขุยอยู่นั่น!”
เฉินวั่งซูหวิดจะส่งเสียงดีใจออกมา หากตาแก่นั่นไม่ปริปากออกมาเอง หมอกหนาเพียงนี้นางเองก็หาคนไม่เจอเช่นกัน
ทว่าบัดนี้ต่างออกไปแล้ว เขาแผดเสียงดังปานฟ้าผ่า มีเพียงคนหูหนวกเท่านั้นที่จะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด
ในเวลาเดียวกับที่เฉินวั่งซูเปล่งเสียง ธนูยาวของเหยียนเจวี๋ยก็ลอยออกไปหาเจวี๋ยขุยแล้ว
ธนูนี้ไม่เหมือนกับที่ยิงลงมาจากเหนือหุบเขา มันถูกยิงในระยะใกล้ เร็วแรงแม่นยำ แทบจะแค่ชั่วพริบตาเดียวเฉินวั่งซูก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเจวี๋ยขุยแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้เองเหยียนเจวี๋ยก็ยื่นมือมารวบตัวเฉินวั่งซู โอบร่างนางไว้ แล้วเคลื่อนตัวเปลี่ยนสถานที่
“หมอกใกล้จะสลายตัวแล้ว ไม่อาจเป็นคนอ้วนได้จากการกินเพียงคำเดียว*”
เฉินวั่งซูตอบรับในลำคอเบาๆ ริมฝีปากของเหยียนเจวี๋ยแทบจะแนบติดกับหูนาง ไอร้อนที่พ่นออกมานั้นทำให้ขนทั่วตัวนางลุกชัน
นางแทบอยากจะตบหน้าตนเองสักฉาด
นี่เป็นเวลาอะไร ข้าทางหนึ่งทำศึก อีกทางยังจะคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อีกหรือ น่าอายเกินไปแล้ว!
ขณะเหยียนเจวี๋ยพาเฉินวั่งซูถอยมาอยู่ที่ทางออกจากหุบเขาไป๋สือฝั่งแคว้นต้าเฉิน ธนูระลอกที่สองจากเหนือหุบเขาก็ลอยลงมาอีกครั้ง หมอกนั้นเป็นไอร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้หุบเขา มาเร็ว ไปก็เร็ว ยามนี้ไม่ส่งผลต่อการมองเห็นแล้ว
เฉินวั่งซูเพ่งสายตามองแล้วก็ต้องทอดถอนใจ
ธนูดอกนั้นของเหยียนเจวี๋ยยิงได้แม่นยำเป็นที่สุด ยิงถูกเจวี๋ยขุยเข้าพอดิบพอดี เพียงแต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายก็เป็นถึงแม่ทัพมากฝีมือผู้มีประสบการณ์อันโชกโชน ธนูดอกนั้นจึงเพียงยิงตาเขาบอดไปข้างเดียวเท่านั้น
พลทหารเป่ยฉีเห็นแม่ทัพได้รับบาดเจ็บไหนเลยจะยังมีทีท่าต้องการต่อสู้อีกแม้เพียงกระผีก ต่างสลัดเกราะทิ้ง หนีหัวซุกหัวซุน คนในหุบเขาเวลานี้ตายไปเกือบหมดแล้ว ส่วนทหารที่อยู่นอกหุบเขาพอได้รับข่าวก็หนีเตลิดเปิดเปิงกันไปแล้ว
เหยียนเจวี๋ยไม่พูดพร่ำทำเพลง ดันตัวเฉินวั่งซูเข้าไปในอ้อมแขนมู่จิ่น “ปกป้องนางให้ดี”
จากนั้นก็กระทืบเท้า ทะยานร่างตรงไปหาเจวี๋ยขุย