บทที่ 367
เฉินวั่งซูไม่แปลกใจกับเรื่องนี้แม้เพียงแต่น้อย
ฮ่องเต้ไม่มีทางทนให้สกุลเหยียนปรากฏเทพสงครามขึ้นสององค์ได้อย่างแน่นอน
ฮ่องเต้ผู้ปราดเปรื่องทรงคุณธรรมเป็นต้นว่านาง หากประสบกับเรื่องนี้ก็ต้องเปิดแท่นบูชาทำพิธีขอบคุณบรรพบุรุษที่ประทานโชคมาให้นางได้นอนกินดื่มเล่นสนุกอยู่ในวังโดยที่ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถออกไปขยายดินแดนได้
แม่ทัพน้อยต้องการดาวข้าก็จะให้ดาว ต้องการฟักทองข้าก็จะให้ฟักทอง หากแม่ทัพน้อยผู้นั้นเป็นคนงามชั้นเลิศเหมือนกับเหยียนเจวี๋ย อืม…ต้องการข้าก็ใช่จะไม่ได้!
ทั้งที่อยากให้ม้าวิ่ง แต่ก็กลัวม้าจะกินหญ้า รังเกียจว่าแม่ทัพสู้รบเป็น นั่นมิใช่เหมือนกับรังเกียจว่าม้าวิ่งเร็วหรือไร ไยเจ้าไม่ขี่เต่าไปเสียเลยเล่า
ด้วยเหตุนี้นางกับเหยียนเจวี๋ยจึงเลือกจะช่วยองค์ชายสี่กลับมาให้ได้ไวที่สุด พร้อมกันนั้นก็ไม่เสียเวลารบที่หุบเขาไป๋สือ คว้าชัยชนะให้ได้โดยเร็ว ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นไปเพื่อทำให้เหยียนเจวี๋ยกอบโกยความดีความชอบในการศึกมาให้ได้ก่อนที่พระราชโองการด่วนจากเมืองหลวงจะมาถึง พวกนางถึงจะไม่เดินทางมาเสียเที่ยว!
นางไม่เห็นรางวัลจากฮ่องเต้อยู่ในสายตาหรอก จะอย่างไรนางก็เป็นถึงสตรีผู้มีท้องพระคลังสมบัติน้อยทั้งหุบเขาไป๋สืออยู่ในครอบครองแล้ว
แต่เหยียนเจวี๋ยจำเป็นต้องมีชื่อเสียงบารมีในหมู่ทหาร
ยึดครองใต้หล้า ยึดครองใต้หล้า ต้องสู้ก่อนถึงจะได้ครอบครอง!
ผีหลิ่งเห็นเฉินวั่งซูกับเหยียนเจวี๋ยหน้าไม่เปลี่ยนสีแม้สักนิดในดวงตาก็มีความลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังคงกวักมือเรียกทหารอารักขาที่อยู่ด้านข้าง “องค์ชายสี่เสด็จกลับมาแล้ว ทรงได้รับบาดเจ็บ สั่งให้คนยกเกี้ยวมาพาองค์ชายกลับเมือง”
เขาพูดพลางประสานมือคารวะองค์ชายสี่
องค์ชายสี่มองเหยียนเจวี๋ยทีหนึ่งก่อนพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาอาเจียนหนัก แผลจากแส้บนตัวยังไม่หายดี อีกทั้งนั่งรถม้าโคลงเคลงมาทั้งคืน จวบจนตอนนี้ถึงได้ปลอดภัยเป็นที่แน่นอน ครั้นผ่อนคลายลงทั้งตัวคนก็รู้สึกอ่อนแรงอย่างมาก เกินจะทนไหวแล้วจริงๆ
เมื่อคนหามองค์ชายสี่ไปแล้วผีหลิ่งถึงได้ส่งสายตาให้เฉินวั่งซู ก่อนพานางกับเหยียนเจวี๋ยเดินไปยังทางเดินเส้นเล็ก
ทางเส้นเล็กนี้ขรุขระ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาค้นพบได้อย่างไร เดินได้ไม่นานก็มาถึงที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง
ผีหลิ่งมองดูรอบๆ เล็กน้อย เมื่อแน่ใจว่าที่นี่ไม่มีใครแล้วถึงได้ออกปากค่อนขอด “องค์ชายเจ็ดช่างมาได้ถูกเวลาเสียเหลือเกิน ทันได้เกาะหางศึกหุบเขาไป๋สือ ความดีความชอบครานี้จะต้องถูกเขาแบ่งไปส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน”
เขาว่าแล้วก็ลดเสียงลง ล้วงหวีไม้จันทน์เล่มหนึ่งกับหยกโบราณอีกชิ้นออกมาจากในอกเสื้อ ก่อนยื่นให้เหยียนเจวี๋ย
“แม่ทัพน้อยเก็บของสองสิ่งนี้ไว้ก่อน แล้วพวกเราค่อยมาคุยกัน ในเมืองยามนี้มีหูมีตาหลายคู่ ท่านแม่ทัพและข้าต่างก็ห่วงว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก มีบางเรื่องพวกเรามาคุยรวมกันตรงนี้เลยแล้วกัน”
ผีหลิ่งพูดพลางกำมือน้อยๆ “ข้าจะพูดให้สั้นๆ ท่านแม่ทัพเดิมทีไม่ได้แซ่เหยียน ควรเป็นแซ่ฉินจึงจะถูก”
เฉินวั่งซูอึ้งงันไป พลันนึกขึ้นได้ว่าตอนแรกนางกับเหยียนเจวี๋ยวางหลุมพรางในคืนหิมะตกเพื่อจับตัวสี่มามาที่บ้านเดิมของฮู่กั๋วกงฮูหยินส่งมา ซึ่งสี่มามาผู้นั้นเป็นคนของฮองเฮา
เวลานั้นสี่มามาก็บอกว่าตอนโน้นจวนผิงอ๋องสงสัยว่าโจรภูเขาเหยียนหลินจะเป็นผู้บัญชาการใหญ่แห่งหน่วยราชองครักษ์ปีกดำ จุดที่สำคัญมากในเรื่องนี้ก็คือพวกเขาสงสัยว่าเหยียนหลินจะมาจากสกุลฉินแห่งเว่ยหนาน
นางคิดแล้วก็ขมวดคิ้ว นี่ช่างบังเอิญโดยแท้
เหยียนเจวี๋ยเองก็ไม่ได้แซ่เหยียน ในโลกปัจจุบันก็แซ่ฉิน ชื่อว่าฉินเจิน
“สกุลฉินเป็นตระกูลใหญ่ในเว่ยหนาน บรรพบุรุษมีแม่ทัพผู้โด่งดังถือกำเนิดขึ้นหลายคน ต่อมาได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น สกุลฉินจึงปลีกตัวไปอยู่ชนบท แม้ว่าบุตรหลานชนรุ่นหลังจะล้วนฝึกยุทธ์ศึกษาพิชัยสงคราม แต่ก็มีคนเป็นขุนนางน้อยมาก ท่านแม่ทัพมีนามว่าฉินมู่หนาน เป็นคุณชายจากตระกูลสายตรง ทัพเซียงหยางก็คือสัตว์ร้ายพิทักษ์ชายแดน ข้ากับท่านแม่ทัพเป็นคนมีความผิด เคยตั้งสัตย์สาบานแล้วว่าจะอุทิศชีวิตในชาตินี้แก่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ทัพเซียงหยางจึงไม่อาจแบ่งทหารไปช่วยแม่ทัพน้อยสำแดงปณิธานอันยิ่งใหญ่ได้แม้แต่คนเดียว ทว่าถึงแม่ทัพเหยียนไม่สามารถ แต่แม่ทัพฉินที่มีอยู่มากมายกลับทำได้ ท่านแม่ทัพจากวงศ์ตระกูลมาหลายปีจึงไม่รู้สภาพการณ์ในตระกูลโดยละเอียด แม่ทัพน้อยสามารถนำเครื่องยืนยันชิ้นนี้ไปทำความรู้จักญาติพี่น้องที่เว่ยหนานได้”
ก่อนหน้านี้ผีหลิ่งยังเป็นกังวลว่าคนสกุลฉินไม่แน่ว่าจะยินดียื่นมือช่วยเหลือ แต่บัดนี้ได้เห็นความสามารถของเฉินวั่งซูแล้ว ไหนเลยจะยังต้องกังวลอีกแม้เพียงน้อยนิด
มีหญิงสาวนางนี้อยู่ อย่าว่าแต่คนสกุลฉินที่เดิมทีก็ชอบสงครามเลย ต่อให้เป็นลูกแกะนางก็ยังหลอกให้คิดว่าเป็นหมาป่าได้
เฉินวั่งซูเห็นสายตาที่เปล่งประกายของผีหลิ่งแล้วก็อดจะกระเถิบตัวไปอยู่ด้านหลังเหยียนเจวี๋ยไม่ได้ ในสายตาข้ามีเพียงคนรูปงาม แม่ทัพผีฉลาดก็จริง แต่พวกเราไม่เหมาะสมกันจริงๆ!
ยังดีที่เวลากระชั้นชิดผีหลิ่งจึงไม่มีเวลาให้มัว ‘ชื่นชม’ เฉินวั่งซูต่อ