“หมอหลวงเถียน ตอนยังเล็กข้าก็เคยกินยาลูกกลอนนี้ สามารถอยู่รอดได้เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันโดยไม่ตาย”
เฉินวั่งซูเก็บความคิดกลับมา ก่อนเอ่ยอย่างคลับคล้ายคลับคลาอยู่บ้าง
แม้นางจะมีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม แต่ความทรงจำนี้ก็ออกจะชัดเจนเกินไปหน่อยแล้ว แม้แต่สีหน้าท่าทางของแต่ละคน เรื่องที่พูด ตลอดจนสายลมเย็นสดชื่นที่ผ่านระใบหน้าในวันนั้นนางก็คล้ายว่าจะจำได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
เถียนกุ้ยเหรินกระโดดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ไม่เสียแรงที่เป็นหลานสาวของโจรเฒ่าเฉินจริงๆ ยามนั้นเจ้าเพิ่งจะตัวเล็กๆ ทว่าแม้แต่เรื่องนี้ก็ยังอุตส่าห์จำได้ ฉลาดเฉลียว ฉลาดเป็น…”
เฉินวั่งซูตบหน้าไม้น้อยเบาๆ
เถียนกุ้ยเหรินพลันเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างปราศจากศักดิ์ศรี “มีเพียงกุมารผู้รับใช้พระโพธิสัตว์กวนอินที่ฉลาดหลักแหลมได้ปานนี้!”
เห็นเฉินวั่งซูไม่มีท่าทีจะล้วงหน้าไม้ออกมาแล้วเถียนกุ้ยเหรินก็โล่งใจ
“ฐานะของข้าก็ไม่มีอะไรน่าปิดบัง เมื่อก่อนข้าเป็นหมอหลวงอยู่ในวังจริงๆ ข้าเป็นเด็กกำพร้า เนื่องจากมีโรคติดตัวมาแต่กำเนิด ถูกคนนำไปโยนทิ้งไว้ในศาลเจ้า เถียนฮูหยินไปจุดธูปที่นั่นพอดีจึงเก็บข้ากลับไป บิดาข้ามีนามว่าเถียนเจิน เป็นหมอหลวงอยู่ในวัง เขากับฮูหยินรักกันมาก แต่กลับมีบุตรสาวเพียงคนเดียว เก็บเด็กชายได้ย่อมจะดีใจเหลือประมาณ จึงรับข้าเป็นบุตรบุญธรรม ตั้งชื่อให้ว่า ‘เถียนจิ่ว’ ทว่าใครจะไปรู้ว่านับตั้งแต่เถียนฮูหยินรับเลี้ยงข้าก็ให้กำเนิดบุตรชายถึงแปดคนติดกัน เถียนฮูหยินชมว่าข้าเป็นผู้มีบุญบารมีมาโปรด ต่อมาในจวนก็ไม่มีใครเรียกข้าว่าเถียนจิ่วแล้ว ล้วนแต่เรียกข้าว่าเถียนกุ้ยเหรินหรือผู้สูงศักดิ์เถียนทั้งสิ้น”
เถียนกุ้ยเหรินพูดแล้วก็สะท้อนใจอยู่บ้าง
“ต่อมาข้าก็ได้เป็นหมอหลวง ทว่า…หึๆ มีหนหนึ่งไปล่วงเกินฝ่าบาทจนถูกไล่ออกมา พอดีเลย ไม่เป็นหมอหลวงก็ไม่เห็นเป็นไร ข้าจึงสะพายล่วมยาเริ่มออกเดินทางเป็นหมอพเนจร ตกปลาไปตลอดทางจนมาถึงเจียงหนาน”
เหตุปั่นป่วนที่ตงจิงผู้อื่นตายกันจนไม่รู้จะตายอีกอย่างไรแล้ว เขากลับดีนัก หลบพ้นได้พอดิบพอดี
“เฮ้อ นี่เป็นบุญ มิใช่เคราะห์กรรม ถึงเป็นเคราะห์กรรมผู้สูงศักดิ์ก็ยังหลบพ้นได้ เรื่องมันช่วยไม่ได้จริงๆ!”
เถียนกุ้ยเหรินพูดพลางมีท่าทางได้ใจ แต่ครั้นมองเห็นเฉินวั่งซูก็นึกถึงปู่ของนางขึ้นมา ท่านอาสละชีพเพื่อแผ่นดินไปแล้ว เขาจึงเริ่มลำบากใจขึ้นมาอีก
เฉินวั่งซูหาได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ไม่ นางนับว่ามองออกแล้ว
วิชาแพทย์ของเถียนกุ้ยเหรินผู้นี้นั้นเยี่ยมยอดก็เยี่ยมยอดอยู่ แต่เป็นคนที่อธิบายได้ยากอยู่บ้างจริงๆ
“ท่านว่าเจียงเยี่ยเฉินต้องรู้ฐานะของท่านแน่นอนจึงได้สวมรอยเป็นคนที่ช่วยท่านไว้ในวันนั้น ถ้าเช่นนั้นเขาจะต้องมีแผนการอย่างแน่นอน เขาอยากให้ท่านช่วยทำอะไรให้เขา”
เหยียนเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ แทบจะมิได้พูดอะไรก่อนหน้านี้ จู่ๆ กลับเอ่ยถามขึ้นขัดจังหวะการหวนนึกถึงความหลังของเถียนกุ้ยเหริน
เถียนกุ้ยเหรินส่งสายตาชื่นชมให้เหยียนเจวี๋ย
“รัชทายาททรงวางแผนก่อกบฏ ส่งตัวหมอหญิงเผ่าฉีไปให้ฝ่าบาท หมอหญิงนางนั้นข้าเคยพบขณะอยู่ที่ลี่โจว พอจะมีฝีมืออยู่จริงๆ แต่ยังห่างชั้นจากหมอเทวดาอีกไกลโข ข้าเถียนกุ้ยเหรินรักษาคนมานับไม่ถ้วน ยังไม่กล้ายกยอตนเองเป็นหมอเทวดา แต่นางเด็กเมื่อวานซืนถึงกับกล้า นางรักษาขารัชทายาทให้หายดีได้หาได้เป็นเพราะนางมีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมไม่ แต่เป็นเพราะรัชทายาทถูกพิษของเผ่าฉีมาตั้งแต่แรก ดังนั้นนางรักษาตามตำราถึงได้แก้พิษได้ นับไม่ได้ว่ามีฝีมือ น่าสงสารฮองเฮากับรัชทายาท โง่เขลามาทั้งชีวิตจนตัวตายแล้วยังไม่รู้เลยว่าอันที่จริงเผ่าฉีไม่ได้รับใช้พวกเขาโดยสิ้นเชิง แต่มีเจ้านายอีกคนอยู่ก่อนแล้ว ที่แก้พิษให้เขาก็เพียงเพราะมีจุดประสงค์อื่นเท่านั้นเอง”
* กุ้ยเหริน แปลว่าผู้สูงศักดิ์
* คำว่า ‘คุยโว’ ในภาษาจีนเมื่อแปลตรงตัวจะได้ความหมายว่า ‘เป่าวัว’
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 2 พ.ย. 66 เวลา 12.00 น.