บทที่ 371
เฉินวั่งซูไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยนิด
คำพูดของเถียนกุ้ยเหรินไม่ผิดไปจากการคาดการณ์ของนางกับเหยียนเจวี๋ยแม้แต่คำเดียว
ใต้ฟ้านี้มีความประจวบเหมาะมากปานนั้นเสียที่ใดกัน หมอหญิงแห่งเผ่าฉีผู้นั้นก่อนจะมาหลินอันล้วนไม่เคยพบองค์ชายใหญ่โดยสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเคยจับชีพจรให้เขาแล้ว
แต่อีกฝ่ายถึงกับรู้ว่าเขาถูกพิษชนิดใดเข้า ซ้ำยังเอาคนทั้งเมืองลี่โจวมาทดลองยา หมอต้องสังเกตอาการโรคจากตัวผู้ป่วย อีกทั้งหมอหญิงแห่งเผ่าฉีผู้นั้นก็ไม่ได้เป็นเจ้าหนูน้ำเต้าที่มีสายตามองได้ไกลพันหลี่ ยังจะสามารถรักษาโรคทางไกลข้ามเขาสูงทะเลใหญ่ให้ผู้อื่นได้อีกหรือ
สาเหตุก็มิพ้นเป็นเพราะผู้แก้พิษก็คือผู้ที่วางยาพิษเท่านั้นเอง
เหตุใดองค์ชายใหญ่ถึงขามีปัญหา ต่อให้สมองกลวงจริงๆ ก็ยังคิดได้ มีคนมาดหมายในตำแหน่งรัชทายาท มิอาจทนเห็นพระโอรสสายตรงในวังแข็งแรงขนาดกระโดดโลดเต้นได้
ผู้ที่บงการคนเผ่าฉีจะต้องเป็นขุมกำลังเบื้องหลังองค์ชายคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน
ทว่าเถียนกุ้ยเหรินเป็นเพียงหมอหลวงของอดีตฮ่องเต้ ต่อให้เขามีวิชาแพทย์สูงส่ง แต่หมอหลวงมีจำนวนมากมาย หากเจียงเยี่ยเฉินจะมาทุ่มเทความคิดเอาใจเขา มิสู้ไปจับหมอหลวงที่ปณิธานอ่อนแอมาสักคนจากในวัง แล้วสาดลูกดอกเคลือบน้ำตาลใส่เขายังจะดีเสียกว่า
ประหนึ่งว่ามองออกถึงความข้องใจของเฉินวั่งซู เถียนกุ้ยเหรินจึงคลี่ยิ้มอย่างมีลับลมคมใน ก่อนลดเสียงลงกล่าวว่า “ระหว่างหมอหลวงด้วยกันก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก หากกล่าวถึงวิชาแพทย์ที่รักษาก็รักษาไม่หาย แต่ตายก็ตายไม่ได้พรรค์นั้นข้าย่อมจะเทียบกับคนในสำนักหมอหลวงไม่ติด แต่ถ้าเป็นหายดีไปเลยหรือไม่ก็ตายไปเลยข้ากลับชำนาญเป็นที่สุด”
เฉินวั่งซูแค่นหัวเราะ มองออกแล้วว่าคนผู้นี้ชำนาญด้านการคุยโวที่สุด
“น้องชายแปดคนนั้นของข้าบัดนี้ตายไปเจ็ดคนแล้ว ยังเหลืออีกหนึ่งคนอยู่ที่ข้างพระวรกายฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงช่วยองค์ชายเจ็ดไว้ได้ระหว่างทาง”
เฉินวั่งซูมีแสงแห่งปัญญาวาบผ่าน คิดได้ในทันที “จะช่วยคนต้องผ่านไปเจอก่อน ท่านเองก็มาจากหลินอันเช่นกัน เถียน…เถียนอะไรข้างในวัง…”
เถียนกุ้ยเหรินช่วยเสริมให้อย่างใจดี “เถียนชี”
“เนื่องจากหมอเทวดาหญิงแห่งเผ่าฉีนั่นลงมือ ร่างกายฝ่าบาทจึงมีปัญหา หมอหลวงเถียนชีรักษาไม่ได้ จึงได้เชิญท่านไป…เจียงเยี่ยเฉินมาหาท่านด้วยต้องการสืบข่าวอาการของฝ่าบาท”
เถียนกุ้ยเหรินฟังที่เฉินวั่งซูพูดแล้วก็ยิ้มอย่างมีลับลมคมในอีกหน “ถูกและก็ไม่ถูก”
เขาว่าแล้วก็เบาเสียงลงยิ่งกว่าเดิม “ฮ่องเต้มักอยากมีอายุวัฒนะ หญิงเผ่าฉีนางนั้นเชี่ยวชาญการปรุงยา หลอกให้ฝ่าบาทเสวยยาในปริมาณมาก ผิวเผินฝ่าบาททรงดูหนุ่มแน่นขึ้นไม่น้อย เลือดลมสูบฉีดดี แต่อันที่จริงนั้นดูดีเพียงแค่ภายนอก ภายในกลับถูกคนควักจนกลวงหมดสิ้นแล้ว หมอหลวงในวังจนปัญญา ขณะอพยพลงใต้ในครั้งโน้นรีบร้อนเกินไป หมอหลวงของอดีตฮ่องเต้แทบจะเหลือข้าเพียงคนเดียวแล้ว เสี่ยวเถียนชีนั่นเมื่อก่อนเป็นคนที่โง่เขลาที่สุดในบรรดาน้องชายของข้า ทว่าบัดนี้กลับกลายเป็นคนโปรดของฝ่าบาทแล้ว…ใต้หล้าช่างเสื่อมถอยลงทุกวันจริงๆ สุนัขแมวตัวใดๆ ก็เหาะขึ้นสวรรค์กันได้หมดแล้ว! หลังข้าไปถึงหลินอัน พอตรวจชีพจรให้ฝ่าบาทดู…ให้ตายสิ ต้องหนีมาทันที!”
เฉินวั่งซูยินดีในใจ “ฝ่าบาทหมดทางช่วยแล้ว?”
ขณะเดียวกันก็ด่าระบบไปเป็นหมื่นรอบ เหตุใดผู้อื่นทะลุเข้านิยายล้วนรู้เนื้อเรื่องกันหมด ข้ากลับมีเพียงระบบที่เชื่อถือไม่ได้ ซ้ำยังรู้เรื่องราวแค่เพียงคร่าวๆ!
เถียนกุ้ยเหรินพยักหน้ารัวๆ ราวกับตำกระเทียม วาดไม้วาดมือด้วยท่าทางเกินจริงสองสามที “เทพเซียนก็ยังช่วยกลับมาไม่ได้แล้ว ก็เหมือนกับคนท้องร่วงนั่งปลดทุกข์ มีแต่ไหลกระฉูดออกมา ห้ามได้เสียที่ใด”
เขาพูดพลางงอนิ้วนับวัน “อาการป่วยของฝ่าบาทย่อมจะไม่อาจให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้ตามอำเภอใจ นับประสาอะไรกับการเชิญหมอเร่ร่อนในยุทธภพอย่างข้ามาตรวจอาการ เถียนชีพาข้าเข้าไปกลางดึก องค์ชายเจ็ดไม่รู้เรื่อง คิดจะอาศัยเรื่องที่ริมทะเลสาบซีหูมาทำให้ข้าเข้าวังไปช่วยชีวิตฝ่าบาท หญิงเผ่าฉีช่วยรัชทายาทแล้วยังสามารถเป็นสนมคนโปรดได้ หากคนที่เขาหามาช่วยฝ่าบาทไว้ เช่นนั้น…จิ๊ๆ…เพียงแต่น่าเสียดาย ไม่แน่ว่าหากเขาอยู่ที่ชายแดนนานอีกสักเดือนก็ต้องกลับหลินอันไปร่วมพิธีศพแล้ว”
เถียนกุ้ยเหรินพูดพลางหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อกุ้งชิ้นหนึ่งส่งเข้าปาก