บทที่ 373
เฉินวั่งซูมองเหยียนเจวี๋ยที่นอนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าซับซ้อน
เส้นผมของเขานุ่มลื่นเป็นพิเศษ ดูเงางามยิ่งยวดเหมือนเป็นผ้าต่วนก็มิปาน แม้พวกนางจะออกกำลังกันไปยกหนึ่ง แต่บนกายเหยียนเจวี๋ยยังคงส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
เฉินวั่งซูเกี่ยวผมเขาขึ้นมาช่อหนึ่ง สูดดมเบาๆ ก่อนจะวางลงประหนึ่งว่าถูกมันลวกมือ
นางรู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ของตนเองเหมือนเป็นพวกโรคจิตเลยทีเดียว
นางคิดแล้วก็ยกมือไล้ไปตามเรียวคิ้วและดวงตาของเหยียนเจวี๋ย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ในทันที
ขณะเพิ่งทะลุเข้ามานางยังกระตือรือร้นเต็มเปี่ยมอยู่แท้ๆ พูดปาวๆ ว่าจะเล่นงานองค์ชายเจ็ดให้หมอบ ทำให้เขาเรียกนางว่าบิดาให้ได้เร็วๆ จากนั้นนางจะได้กลับไปเป็นซ่งชิง สัมผัสกับความรู้สึกสะใจที่ถูกโคมไฟทำหัวแบะภายใต้สายตามหาชนได้ไวๆ
ถุยๆ สัมผัสกับความรู้สึกสะใจที่รอดพ้นจากการหัวแบะได้อย่างเฉียดฉิวต่างหาก
ทว่าแม้เรื่องราวที่นางกับเหยียนเจวี๋ยประสบด้วยกันจะมีมากขึ้น แม้ว่านับวันจะรู้เรื่องราวของคนในนิยายเรื่องนี้มากขึ้น แต่นางถึงกับไม่ได้นึกถึงเรื่องเหล่านี้มานานมากแล้ว
ถึงขนาดรู้สึกคล้ายว่าเดิมทีนางก็คือเฉินวั่งซูนั่นเอง
เฉินวั่งซูคิดแล้วใจก็หล่นวูบอยู่บ้าง
หมู่นี้มีหลายครั้งที่นางรู้สึกแปลกๆ ขณะเกิดเหตุปั่นป่วนที่ตงจิงเฉินวั่งซูเพิ่งจะอายุเพียงหกขวบเท่านั้น ตอนถูกเลี้ยงไว้ข้างกายเฉินเป่ยยิ่งเด็กกว่านั้นอีก ต่อให้นางฉลาดเกินวัย แต่ก็ไม่ถึงขั้นจำได้แจ่มชัดเพียงนั้น
เป็นต้นว่าวันนี้ได้พบเถียนกุ้ยเหริน นางถึงกับสามารถนึกขึ้นได้ว่าเขาคือหมอหลวงที่เคยตรวจรักษานางในเวลานั้น
ไม่เพียงเท่านี้ ขณะไปงานเลี้ยงอุทยานฉยงหลินก่อนหน้านี้นางถึงขั้นนับริ้วรอยบนใบหน้าเฉินเป่ยผู้เป็นปู่ได้เสียด้วยซ้ำไป ความรู้สึกพรรค์นี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากความรู้สึกขณะอ่านความทรงจำของเฉินวั่งซูในตอนที่เพิ่งทะลุเข้ามา
ยามนั้นนางไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวในวัยเด็กก็ได้ข้อสรุปออกมาเอง ไม่ต้องมัวค้นหาคำตอบเพิ่มเติมจากในคลังข้อมูล ต่างกับเวลานึกย้อนความทรงจำของเฉินวั่งซูที่ดูเหมือนภาพยนตร์แล้วมาคิดพิจารณาในสมองใหม่อีกรอบหนึ่ง คล้ายกับว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องที่นางเคยประสบมาตั้งแต่เล็กจริงๆ
กล่าวตามตรงนางหาได้รู้สึกไม่ว่าเฉินวั่งซูก่อนหน้านี้มีจุดใดโดดเด่น แม้จะเป็นหญิงสาวที่ชาญฉลาด แต่ไม่ถึงขั้นมีความจำระดับเห็นผ่านตาไม่ลืมเลือน
นางถึงขั้นมีการคาดเดาอย่างใจกล้าข้อหนึ่ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเฉินวั่งซูในวัยเยาว์ที่ติดตามอยู่ข้างกายเฉินเป่ยก็คือนาง เฉินเป่ยรู้ว่าวิญญาณของนางเป็นวิญญาณคนโตแล้ว ค่อนข้างจะพิลึกไม่น้อยจึงได้เลี้ยงนางไว้ข้างกาย เขาปฏิบัติต่อนางก็ไม่เหมือนปฏิบัติต่อเด็กปกติโดยสิ้นเชิง เขามักจะใช้น้ำเสียงที่เหมือนพูดกับคนโตแล้วกับนาง
แต่นางในฐานะซ่งชิงหาได้มีความทรงจำหรือช่วงเวลาขาดหายไปแต่อย่างใดไม่
ไม่เหมือนกับในนิยายบางเรื่องที่คนสลบไประยะเวลาหนึ่งแล้วทะลุมิติไปทะลุมิติมา นางไม่ใช่คนทั่วไป นางเป็นดาราสาวผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง หากมีความผิดปกติหรือหายไปจากสายตาสาธารณชนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีข่าวใดๆ
ไม่ต้องคิดนางก็ยังเดาได้ว่าปาปารัซซี่จะเขียนอะไร