‘ราชินีจอเงินเจ้าบทบาทหายหน้าไปหลายเดือน สงสัยแอบมีลูกก่อนแต่ง เสี่ยเลี้ยงเบอร์หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้าดีใจหน้าบานแย่งกันเป็นพ่อ…’
‘ซ่งชิงเห็นคนหล่อก็ล้มป่วย ทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อหมอรูปหล่อ…’
เฉินวั่งซูคิดแล้วก็ถอนหายใจ นางยังไม่เคยตกเป็นพาดหัวข่าวร้อนแรงถึงเพียงนี้
แล้วเช่นนั้นนี่เป็นเพราะอะไรกันเล่า เมื่อก่อนนางใช่เคยมาที่ต้าเฉินจริงหรือไม่
หากนางเคยมาการที่นางมาที่นี่อีกครั้งก็มิใช่เรื่องบังเอิญเป็นอันขาด ในเรื่องนี้จะต้องมีอะไรที่นางไม่รู้อยู่เป็นแน่แท้
ข้อมูลสำคัญนี้ถูกระบบจอมอมพะนำนั่นปิดบังเสียแล้ว
‘ระบบ คุณดูซิว่าตอนนี้พวกฉันออกจากเมืองหลวงมาแล้ว อยู่ห่างไกลอำนาจฮ่องเต้ ฉันวางแผนจะก่อกบฏอยู่แล้ว องค์ชายยังนับเป็นตัวอะไรได้อีก ฉันบุกตรงไปใช้หน้าไม้จัดการล้มเจียงเยี่ยเฉินก่อน จากนั้นก็จัดหนักลงทัณฑ์ทรมานเขา เขาจะต้องร้องคร่ำครวญนึกเสียใจไปชั่วชีวิตอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นภารกิจของฉันก็จะนับว่าบรรลุผลสำเร็จแล้วใช่ไหม จากนั้นฉันจะขอสิ่งที่ต้องการ ให้เหยียนเจวี๋ยเขาทะลุกลับไปกับฉัน นิยายเรื่องนี้ก็สามารถจบบริบูรณ์ได้แล้วใช่ไหม’
ระบบมีอาการพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างเห็นได้ยาก ‘ไม่ได้’
เฉินวั่งซูดวงตาวาววับ ‘ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้ตั้งกฎว่าห้ามฆ่าบุตรแห่งโชคชะตา แต่จะบอกว่ามีกฎห้ามไม่ให้ฉันพาเหยียนเจวี๋ยกลับไปด้วย?’
ระบบลังเลอยู่ชั่วประเดี๋ยว ‘ถูกต้อง’
เฉินวั่งซูส่ายหน้า ‘คุณทำอย่างนี้ไม่ถูก คุณบอกว่าขอแค่ไม่ฝืนต่อกฎสวรรค์ จะเป็นความปรารถนาอะไรก็ได้ทั้งนั้น แล้วทำไมถึงขอเรื่องเหยียนเจวี๋ยไม่ได้ เขาไม่ใช่กฎสวรรค์สักหน่อย หรือว่าการที่เหยียนเจวี๋ยกับฉันทะลุเข้ามาด้วยกันก็เป็นบ่วงหนึ่งที่พวกคุณวางแผนไว้’
เฉินวั่งซูว่าแล้วก็เริ่มวางท่าทางบีบคั้นคน
ระบบไม่ได้พูดอะไรอยู่เป็นนาน มันรู้สึกว่าถ้าตนเองตอบเร็วจะต้องถูกเฉินวั่งซูต้อนให้ตกหลุมพราง จากนั้นก็จะพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาอย่างแน่นอน
จวบจนเฉินวั่งซูรอจนหมดความอดทนแล้วมันถึงได้พูดว่า ‘คุณก็รู้ ก่อนพวกคุณทะลุเข้ามาโคมไฟได้ตกลงมาใส่ เพื่อจะปกป้องคุณฉินเจินได้รับมันไว้แทนคุณ ถ้าคุณขอพาเขากลับไปด้วยกัน พวกคุณทั้งสองคนก็จะถูกโคมไฟทับตาย’
เฉินวั่งซูดวงตาสว่างวาบยิ่งกว่าเดิม รู้อยู่แล้วเชียวว่าระบบนี่โง่สุดๆ
นางถามว่าเหยียนเจวี๋ยใช่กฎสวรรค์หรือไม่ ระบบเลี่ยงไม่ตอบ คนคนหนึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางเป็นกฎสวรรค์ได้ ระบบควรจะตอบได้ง่ายๆ แต่มันกลับปิดปากเงียบ นี่จึงเป็นการบอกชัดว่านางกับเหยียนเจวี๋ยไม่ได้ทะลุเข้ามาอย่างส่งเดชจริงๆ
มีคนวางแผนไว้ นางพาเหยียนเจวี๋ยกลับไปจะเป็นการทำลายแผนการ
‘ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นห่วงเป็นใยเหยียนเจวี๋ยมาก คุณเป็นแค่ระบบระบบหนึ่งเท่านั้น มิหนำซ้ำยังเป็นระบบของฉัน เขาจะถูกทับตายหรือไม่ตายเกี่ยวอะไรกับคุณ’ เฉินวั่งซูถามอีก
คราวนี้ระบบตอบสนองเร็วยิ่ง ‘เราไม่ได้เป็นห่วงเขา เราเป็นห่วงคุณต่างหาก คุณสู้อุตส่าห์ทำภารกิจสำเร็จแล้ว ถ้าเกิดถูกโคมไฟ…เรารู้สึกว่าคุณควรขอให้โคมไฟนั้นไม่ตกลงมา แบบนี้คุณก็ไม่ต้องตายแล้ว’
เฉินวั่งซูหัวเราะเบาๆ ‘คุณไม่ใช่บอกว่าฝืนกฎสวรรค์ไม่ได้หรอกเหรอ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าต่อให้ฉันทำภารกิจสำเร็จก็จะกลับไปในชั่วพริบตาที่โคมไฟตกลงมา อย่างนั้นถ้าฉันขอให้โคมไฟไม่ตกลงมาจะไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเหรอ ถ้าแม้แต่เปลี่ยนแปลงอดีตยังทำได้ โคมไฟนั้นไม่ตกลงมา ฉันก็จะไม่มีอันตราย ฉินเจินก็จะไม่ถูกโคมไฟทับตายเพื่อช่วยฉัน แบบนั้นก็มีปัญหาแล้ว วิญญาณของคนคนหนึ่งจะอยู่ทั้งที่ต้าเฉินและที่โลกปัจจุบันได้ยังไง นี่ยังไม่ฝืนต่อกฎธรรมชาติอีก? ถึงเวลานั้นสุดท้ายแล้วตกลงว่าฉินเจินคือฉินเจิน หรือว่าเหยียนเจวี๋ยคือฉินเจิน หรือจะเป็นฉินเจินกลายเป็นเหยียนเจวี๋ย เหยียนเจวี๋ยกลายเป็นฉินเจิน หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นเหยียนเจวี๋ยกลับมาเป็นเหยียนเจวี๋ย ฉินเจินกลับไปเป็นฉินเจิน?’
ระบบชะงักค้าง มันรู้สึกว่าสมองตนเองชักจะมึนๆ งงๆ คลื่นการทำงานคล้ายว่าเริ่มจะสับสนขึ้นมาอีกครั้ง อะไรกันนี่! คุณกำลังพูดประโยคลิ้นพันอยู่เหรอ
คราวนี้เฉินวั่งซูรออยู่นานยิ่งระบบก็ยังไม่พูดอะไร นางจึงถามหยั่งเชิงอีกรอบ ‘เอาล่ะ ฉันไม่ถามเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไงคุณก็ควรต้องตอบคำถามนี้ของฉัน ฉันไม่ได้ทะลุมาที่ต้าเฉินเป็นครั้งแรกใช่ไหม’
ระบบยังคงเงียบกริบ
เฉินวั่งซูโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ
ทว่าในใจนางมั่นใจในคำตอบแล้ว
ระบบที่โง่เขลา หากไม่มีเรื่องเช่นนี้มันจะต้องออกปากปฏิเสธไปนานแล้ว ทว่ามันไม่ได้ทำ
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนพฤศจิกายน 66)