ตลอดทั้งคืนนางนอนหลับสนิทยิ่ง ครั้นเช้ามาไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเฉินเสร็จ เฉินวั่งซูก็ขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปร้านน้ำชาพร้อมกับเฉินเถียน เพราะออกปากแล้วว่าวันนี้จะพาเฉินเถียนไปลอบดูว่าที่สามีของนางด้วยกัน
วันนี้เฉินเถียนสวมกระโปรงยาวสีชมพู แต่งตัวเป็นทางการกว่าปกติมาก เครื่องประทินโฉมช่วยเสริมให้นางมีใบหน้าเปล่งปลั่ง ขนตายาวสั่นกระพือประหนึ่งปีกผีเสื้อ
“ไฉนจึงไม่สวมเสื้อบุนวม เจ้าผูกเสื้อคลุมให้ดี อย่าให้ถูกความเย็นจนจับไข้ ผู้ที่ท่านย่าดูไว้ให้เจ้าคือโต้วอี้อวิ๋น? ท่านพี่เป็นสหายร่วมชั้นเรียนกับเขาที่สำนักศึกษาหลวง ปีนี้ก็สอบได้จิ้นซื่อเช่นเดียวกัน เป็นผู้ที่ไม่เลวทั้งวิชาความรู้และอุปนิสัย สกุลโต้วก็เป็นตระกูลบัณฑิต เขาเป็นบุตรชายคนรอง พี่ชายแต่งงานแล้ว ฝ่ายหญิงเป็นสหายเก่าสหายแก่ของพี่สะใภ้ใหญ่ข้า วันนั้นข้าได้ยินนางพูดกับท่านแม่ว่าเป็นคนที่อยู่ด้วยได้ง่าย”
เฉินเถียนพยักหน้า ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากพลางตอบรับในลำคอเบาๆ
เฉินวั่งซูเพียงคิดว่าอีกฝ่ายประหม่าจึงพูดเรื่องตลกขบขันอีกหลายเรื่อง กว่าจะถึงร้านน้ำชารุ่ยฉีลำคอจึงแห้งผากไปหมด
พวกนางเพิ่งจะนั่งลงที่โต๊ะก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากห้องส่วนตัวฝั่งตรงข้าม
เฉินวั่งซูมองไปด้วยความสงสัย ประตูห้องนั้นแง้มอยู่ สามารถมองเห็นสภาพภายในผ่านช่องว่างประตูได้ ครั้นนางมองดูดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันควัน
เห็นเพียงเหยียนเจวี๋ยนั่งอยู่ในนั้นด้วยหน้าตาถมึงทึง น้ำชาบนหน้าหยดติ๋งๆ ลงมา เห็นได้ชัดว่าเพิ่งถูกคนสาดใส่หน้า
ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขามีสาวน้อยที่ปักปิ่นระย้าเต็มศีรษะนางหนึ่งนั่งอยู่ สาวน้อยนางนั้นโมโหจนหน้าอกสะท้อนขึ้นลงอย่างรุนแรง ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา “ท่านมีสิทธิ์อะไรมาทำให้ผู้อื่นอับอายขายหน้า แม้ข้าจะไม่เคยเรียนหนังสือ แต่แค่เขียนกลอนสั้นไม่กี่บทก็ยังเขียนเป็น คุณชายศึกษาตำรับตำรา เปี่ยมด้วยความรู้ ขอให้ท่านท่องกลอนต้นหลิว ท่านกลับยกคำคมเหล่าปราชญ์มาดูถูกข้า นี่มิใช่เท่ากับชี้หน้าด่าข้าว่าไม่มีความรู้ แม้แต่คำสอนของปราชญ์เมธีผู้ล่วงลับก็ยังไม่รู้จักหรือไร!”
สาวน้อยนางนั้นพูดพลางผุดลุกขึ้นยืน “ทำเกินไปแล้ว! ทำเกินไปแล้ว!” จากนั้นนางก็กระทืบเท้าแล้วปิดหน้าวิ่งหนีไป ทิ้งให้เหยียนเจวี๋ยนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสภาพน้ำชาหยดติ๋ง ดูเลอะเทอะเปรอะเปื้อน
เฉินวั่งซูเห็นแล้วในใจก็ให้สะทกสะท้อนเพียงว่า บัวผุดพ้นสายชล! งามเกินไปแล้ว! ปีศาจจิ้งจอกตัวผู้ตนนี้ถูกน้ำชาล้างเครื่องประทินโฉมแล้วก็ยังงามจนน่าตะลึงเช่นเดิม!
อาจเพราะสายตาของนางร้อนแรงเกินไป เหยียนเจวี๋ยจึงมองมาอย่างคล้ายว่าสัมผัสได้ เฉินวั่งซูยังไม่ทันให้ท่าก็มองเห็นตรงหน้าเป็นสีดำ เงาคนผู้หนึ่งวิ่งปานเหาะไปปิดประตูห้องส่วนตัวของนางดังปังจนไม่เหลือแม้แต่ช่องว่าง
เฉินเถียน! เจ้ามิใช่เป็นหลินไต้อวี้ที่เดินหนึ่งก้าวหอบสามครั้งหรือไร ไยข้าจึงเห็นเจ้าก้าวเท้ากระโดดข้ามรั้วได้ราวกับคนในคณะกายกรรมเล่า
“น้องหญิงสามปิดประตูเช่นนั้น แล้วอีกประเดี๋ยวพวกเราจะดูคุณชายโต้วผู้นั้นอย่างไร”
เฉินเถียนเกิดอาการตัวสั่น พูดจาไม่คล่องแล้ว “นั่นคือคุณ…คุณชายเหยียนเชียวนะ เขาทำเรื่อง…ฉุดคร่าหญิงสาวชาวบ้านเป็นประจำ”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 15 ก.ค. 66 เวลา 12.00 น.