มู่หรงเหยียนก้มหน้ามองคนตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่สงสัยว่าใต้หล้านี้มีคนโง่เช่นนี้ได้อย่างไร พอเขาจะขยับตัวก็ถูกอวี๋ชิงจยาขวางอีก “เจ้าได้ยินหรือไม่”
มู่หรงเหยียนสุดจะทน ใช้นิ้วหนึ่งกดลงบนไหล่ของอวี๋ชิงจยา แล้วผลักนางออกไปโดยตรง
“นี่! เจ้า…” อวี๋ชิงจยาถูกผลักออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว การทรงตัวของนางไม่มั่นคง จำต้องยื่นมือไปจับราวระเบียงถึงจะทรงตัวได้ ส่วนตัวการของเรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีท่าทีกลับมาเหลียวมองแม้แต่น้อย ราวกับว่าในที่สุดก็เก็บกวาดเส้นทางของตนได้แล้ว เขาเม้มริมฝีปาก เดินไปโดยไม่หันกลับมามอง
อวี๋ชิงจยาจ้องมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างตะลึง ราวกับจะจ้องให้ทะลุเป็นโพรง นางยกกระโปรงไล่ตามไปสองสามก้าว พร้อมตะโกนไล่หลังมู่หรงเหยียน “เจ้าได้ยินหรือไม่! ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดีนะ หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้อีก ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว”
หญิงสาวแม้จะพูดคำข่มขู่แต่ก็ไร้กำลัง พอพูดถึงช่วงหลังปลายเสียงของนางก็แหลมสูงอย่างช่วยไม่ได้
มู่หรงเหยียนคิดในใจ ไม่เกรงใจ? อย่างเจ้าน่ะหรือ เขาหัวเราะเยาะในใจเสียงหนึ่ง คร้านจะมองอวี๋ชิงจยาแม้แต่แวบเดียว
ไป๋จีติดตามอยู่ข้างกายอวี๋ชิงจยา เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่คุณหนูของตนตามอีกฝ่ายทันและถูกเมินจนกระทั่งถูกผลักออกไป ไป๋จีรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ นางเรียกอย่างระมัดระวัง “คุณหนู…”
“นาง…คิดไม่ถึงว่านาง…” อวี๋ชิงจยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สุดท้ายก็กระทืบเท้าด้วยโทสะ “ข้าไม่จบกับนางแน่!”
ไป๋จื่อเลิกผ้าม่านขึ้น ครั้นเห็นสีหน้าของคนที่อยู่นอกห้องก็ตกตะลึง “เอ๊ะ คุณหนูเป็นอะไรไป ใครยั่วโมโหท่าน”
ไป๋จีส่งสายตาให้ไป๋จื่อ “ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้คุณหนูกำลังกลุ้มอยู่”
ไป๋จื่อหลีกทางให้ จนกระทั่งอวี๋ชิงจยาเดินเข้ามาข้างในแล้วนางจึงแอบขยับปากถามไป๋จีเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้น”
“ก็เพราะคนผู้นั้นที่ท่านเจ้าเมืองพากลับมาใหม่นั่นล่ะ นางไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ เป็นแค่อนุภรรยาที่มิต่างจากของเล่นแท้ๆ กลับกล้ามาอวดดีกับคุณหนู”
ตอนที่เจ้าเมืองกลับมาก่อนหน้านี้ ไป๋จื่อไม่ได้ตามอวี๋ชิงจยาออกไป แต่อยู่ในห้อง จึงรู้เพียงว่าจวนเจ้าเมืองมีอนุภรรยาเพิ่มมาหนึ่งคน แต่ไม่รู้ว่าอนุภรรยาคนงามคือผู้ใด ทว่าดูจากสีหน้าของอวี๋ชิงจยาในตอนนี้ เกรงว่าคนผู้นั้นจะไม่ใช่คนดีอะไร
ไป๋จื่อดูแลอวี๋ชิงจยามาตั้งแต่เล็กจนโต แทบจะเป็นเหมือนพี่สาวของนาง นอกจากอวี๋ซื่อที่เป็นมารดาบังเกิดเกล้าแล้ว ไป๋จื่อก็คือคนที่ใกล้ชิดกับอวี๋ชิงจยาที่สุด ไป๋จื่อถือเชิงเทียนมาให้อวี๋ชิงจยา ก่อนจะคุกเข่าที่ด้านหลังนาง กล่าวอย่างนุ่มนวล “คุณหนูยังหงุดหงิดเรื่องที่เรือนหน้าหรือเจ้าคะ”
“เปล่า นางคู่ควรหรือ”
ไป๋จื่อเขี่ยไส้เทียนให้สว่างขึ้น แล้วกล่าวอย่างช้าๆ “คุณหนูอย่าโกรธไปเลยเจ้าค่ะ นางไม่คู่ควรให้ท่านโมโห ท่านคือสมบัติล้ำค่าในมือท่านเจ้าเมือง แม้คนที่บ้านเกิดไม่เห็นด้วย ท่านเจ้าเมืองก็ยังยืนกรานจะพาท่านมาอยู่ที่ชิงโจวไม่ใช่หรือเจ้าคะ ท่านเจ้าเมืองดีต่อท่านเช่นนี้ อนุภรรยาคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้”
เห็นอวี๋ชิงจยานิ่งเงียบ ไป๋จื่ออยากจะเบี่ยงเบนความสนใจของนาง จึงแสร้งทำเป็นพูดอย่างร่าเริงว่า “คุณหนู ตอนกลางวันท่านถามถึงจดหมายไม่ใช่หรือเจ้าคะ บังเอิญวันนี้หลังจากที่ท่านถามเสร็จก็มีจดหมายจากเหยี่ยนโจวมาพอดีเลยเจ้าค่ะ”
“หืม” อวี๋ชิงจยามีชีวิตชีวาขึ้นมาและรีบกล่าว “รีบเอามาให้ข้าดูเร็ว”