อวี๋ชิงหย่าเชื่อมั่นในเหตุการณ์ของชาติที่แล้วมาก จึงไม่ปิดบังกับไป๋ลู่ นางกล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่าคนผู้นี้ค่อนข้างแปลกประหลาด นางมาถึงสกุลอวี๋นานเพียงนี้กลับไม่มีใครรู้จัก ทำตัวราวกับเป็นคนล่องหนไร้ตัวตน ทั้งที่เป็นเช่นนี้ ไม่รู้เหตุใดท่านพ่อถึงต้องส่งนางกลับมาที่เกาผิงด้วย ทั้งยังเอ่ยถึงในจดหมายอีก”
ไป๋ลู่เก็บซ่อนแววตาไว้ ทำให้อ่านความรู้สึกในดวงตาไม่ออก “คุณหนูสี่พูดได้ถูกต้องเจ้าค่ะ ว่าแต่คุณหนูคิดจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
“ข้าอยากจะสืบเรื่องคนผู้นี้ดูสักหน่อย” อวี๋ชิงหย่าดวงตาฉายแววมุ่งมั่น “ไม่ว่านางจะเก็บซ่อนความโง่ไว้หรือเป็นการแสร้งโง่ ตราบใดที่อยู่ในพื้นที่ของสกุลอวี๋ ก็อย่าคิดว่าจะหลบพ้นสายตาข้าไปได้”
ความคิดของอวี๋ชิงหย่านั้นเรียบง่ายมาก เวลานี้อวี๋เหวินจวิ้นกลับมาแล้ว ต่อให้นางอยากจะลงมือกับอวี๋ชิงจยาปานใดก็ได้แต่ทำอย่างอ้อมค้อม ส่วนอิ๋นผิงถูกขายออกไปแล้ว อิ๋นจูที่เหลืออยู่ก็ไม่มีประโยชน์เท่าใดนัก ไป๋หรงเพิ่งถูกซื้อตัวเข้ามาก็คงไม่ได้แตะต้องงานสำคัญ ส่วนสาวใช้สองคนที่เหลืออยู่ล้วนเป็นคนที่อวี๋ชิงจยาเรียกใช้สอยเป็นประจำ เกรงว่าจะซื้อตัวไม่สำเร็จ เมื่อคิดคำนวณไปๆ มาๆ เช่นนี้คนที่นางสามารถใช้งานได้ก็เหลือแค่คนเดียว…จิ่งหวน
อวี๋ชิงหย่าคิดอย่างไรก็ทำเช่นนั้น ลงมือเขียนจดหมายทันที ก่อนจะปิดผนึกด้วยครั่งและส่งต่อให้ไป๋ลู่ โดยบอกให้นำจดหมายนี้มอบแก่จางเสียนที่อยู่ข้างนอกด้วยตนเอง ในจดหมายอวี๋ชิงหย่าไหว้วานให้จางเสียนสืบหาเบื้องลึกเบื้องหลังของจิ่งหวนผู้นี้ ทางที่ดีควรหาจุดอ่อนของนางมาให้ได้ จากนั้นอวี๋ชิงหย่าจะได้ใช้สิ่งนี้เพื่อข่มขู่นาง ทำให้นางเป็นหนอนบ่อนไส้ในบ้านรอง
เมื่อไป๋ลู่ได้รับจดหมาย ประกายลึกล้ำก็วาบขึ้นในดวงตา ทว่ายังไม่ทันปรากฏชัดเจนก็คล้ายจมลงสู่ใต้ธารน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ไป๋ลู่เก็บซ่อนจดหมายไว้ในแขนเสื้อต่อหน้าอวี๋ชิงหย่า ก่อนจะผูกเสื้อคลุมแล้วเดินไปที่ประตูจวนท่ามกลางลมหนาว
หลังจากไป๋ลู่ไปได้ไม่นาน ข้างนอกก็มีเสียงดังวุ่นวาย ดูเหมือนจะมาจากเรือนของหลี่ซื่อ อวี๋ชิงหย่าเรียกสาวใช้มาถาม “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น”
สาวใช้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เพียงกล่าวเสียงเบาว่า “จู่ๆ นายท่านก็นึกได้ว่าต้องเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง จึงขอไปตอบจดหมายที่เรือนหน้าก่อน ฟ้าก็มืดมากแล้ว นายท่านคร้านจะกลับเรือนมาอีกรอบ คืนนี้จึงค้างอยู่ที่ห้องหนังสือเรือนหน้าเจ้าค่ะ”
อวี๋ชิงหย่ายิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งเย็นชา ตอบจดหมาย? เฮอะ จดหมายอะไรถึงได้รีบร้อนเช่นนี้ ต่อให้มีเรื่องด่วนจริง ก็ให้บ่าวรับใช้ไปเอามาให้ แล้วตอบจดหมายในห้องก็ได้ เหตุใดต้องวิ่งไปเขียนที่ห้องหนังสือโดยเฉพาะด้วย เพื่อเรื่องนี้ถึงกับต้องค้างคืนที่ข้างนอกเลยหรือ
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น เพื่อปกปิดเรื่องที่อวี๋เหวินจวิ้นจากไป หลี่ซื่อจึงสร้างข้ออ้างอันน่าขันที่เต็มไปด้วยช่องโหว่นี้ขึ้นมา อวี๋ชิงหย่าโกรธมาก วันนี้อวี๋เหล่าจวินพูดขึ้นโดยไม่คำนึงถึงหน้าตา บอกว่าความอาวุโสมีลำดับ อวี๋เหวินจวิ้นกลับบ้านคืนแรกควรจะอยู่ในเรือนของบ้านใหญ่ เพื่อบีบบังคับให้อวี๋เหวินจวิ้นรับปาก อวี๋เหล่าจวินจึงยกหลักกตัญญู อ้างถึงอวี๋เหยี่ยน รวมถึงการป่วยติดต่อกันเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาใช้ประโยชน์ อวี๋เหวินจวิ้นถูกบีบบังคับ ด้วยความกตัญญูจึงจำต้องตกลง แต่เขากลับเลือกไปอยู่ห้องหนังสืออันเย็นยะเยือกแทน อย่างไรก็ไม่ยอมอยู่ในเรือนของหลี่ซื่อ
นี่ใช่แค่การตบหน้าเสียที่ใด เรียกว่าเอาหน้าของหลี่ซื่อโยนลงบนพื้นแล้วเหยียบซ้ำมากกว่า
ชาติที่แล้วอวี๋ชิงหย่าก็เคยแต่งงาน นางฟังถึงตรงนี้แล้วรู้สึกขายหน้าอย่างสุดซึ้ง
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ข่าวแพร่ไปถึงภายนอก เหล่าสะใภ้ได้ยินคำพูดของหลี่ซื่อเกี่ยวกับเรื่อง ‘เขียนจดหมาย’ ก็หัวเราะกันจนฟันหน้าแทบหลุด
หลี่ซื่อถูกทุกคนหัวเราะเยาะ จึงร้องไห้วิ่งโร่ไปให้อวี๋เหล่าจวินตัดสินใจ
อวี๋เหล่าจวินทั้งโกรธทั้งขุ่นเคืองจริงๆ โกรธที่อวี๋เหวินจวิ้นไม่เห็นแก่หน้าบรรพบุรุษอย่างนาง และยิ่งขุ่นเคืองที่หลี่ซื่อไม่ได้ความ ตลอดทั้งวันรู้จักแต่ร้องห่มร้องไห้ แม้แต่เรื่องแค่นี้ก็จัดการเองไม่ได้ ในใจทุกคนต่างเข้าใจการเหน็บแนมของอวี๋เหล่าจวิน
อวี๋เหล่าจวินทำถึงขั้นนี้แล้ว หลี่ซื่อก็ยังรั้งบุรุษไว้ไม่ได้อีก…เหล่าสะใภ้แอบหัวเราะเยาะว่าหลี่ซื่อต้องแก่ น่ารังเกียจ และโง่เขลาเพียงใด ถึงทำให้บุรุษไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันพวกนางก็ขยิบตาให้กัน ลอบหัวเราะเยาะอวี๋เหล่าจวินที่เป็นคนแก่ไม่รู้จักสำรวมตน เอาแต่แทรกแซงเรื่องในห้องหอของหลานชายและหลานสะใภ้ ผลลัพธ์ตอนนี้ดีเลย ภาพลักษณ์ภายในภายนอกล้วนไม่มีเหลือแล้ว
อวี๋เหล่าจวินเคยชินกับการถูกเอาอกเอาใจ เวลานี้ถูกคนมองเป็นเรื่องครึกครื้น นางพลันเดือดดาลและเรียกอวี๋เหวินจวิ้นมาซักถามทันที อวี๋เหวินจวิ้นกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ท่านย่าบอกว่าความอาวุโสมีลำดับ ทั้งยังนำเรื่องในอดีตของผู้อาวุโสทั้งสองบ้านมาพูด ข้าย่อมมิกล้าไม่ปฏิบัติตาม ตอนนี้ข้าก็อยู่บ้านใหญ่แล้วจริงๆ ท่านย่ามีสิ่งใดจะกำชับอีกขอรับ”