มู่หรงสวี่ออกมาครั้งนี้โดยใช้ข้ออ้างว่า ‘ทำงานต่างถิ่น’ แต่ที่จริงแล้วแค่ออกมาเที่ยวเล่น หลีกเลี่ยงมรสุม อย่างไรก็ตาม เขาหลีกเลี่ยงมรสุมนี้ไม่สำเร็จ คาดไม่ถึงว่าเลี่ยวเจิ้งคนโปรดของฮ่องเต้จะมาตายกลางคัน
ในฐานะผู้ร่วมทางกับเลี่ยวเจิ้ง มู่หรงสวี่รับมือได้ยากอย่างไม่ต้องสงสัย ที่ยุ่งยากกว่านั้นคือเขายังปล่อยให้มือสังหารหนีรอดไปได้ เดิมทีมู่หรงสวี่จับมือสังหารได้เมื่อเดือนก่อน คิดว่าตนอ่านอุบายของมู่หรงเหยียนออกแล้ว จึงจัดงานเลี้ยงด้วยความพึงพอใจ ใครจะรู้ว่ายามสุขมักเกิดทุกข์ มือสังหารฉวยโอกาสจากงานเลี้ยงครานั้นหนีออกไปได้ มู่หรงสวี่ตามหาอย่างกระวนกระวายใจหลายวัน กลับเป็นดังก้อนหินจมลงสู่ทะเล ไม่พบเบาะแสอย่างราบรื่นเหมือนครั้งที่แล้ว
เวลานี้แม้มู่หรงสวี่ที่กำลังสนุกสนานก็ยังรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ยังหาคำชี้แจงไม่ได้ ไหนเลยจะกล้ากลับเยี่ยเฉิง แต่ตอนนี้สภาพอากาศเริ่มเย็นลง เวลาก็เข้าสู่เดือนสิบสองแล้ว วันส่งท้ายปีเก่าใกล้เข้ามา มู่หรงสวี่แม้จะไม่เต็มใจเพียงใดก็ต้องทำใจดีสู้เสือกลับวัง
ก่อนเขาออกเดินทาง สกุลอวี๋ได้จัดงานเลี้ยงตอบแทนเพื่อเป็นการส่งมู่หรงสวี่ออกเดินทาง
เรื่องใหญ่อย่างการส่งอิ่งชวนอ๋องออกเดินทางเช่นนี้ย่อมปิดบังตระกูลขุนนางอื่นๆ ในเมืองไม่ได้ วันนี้สกุลอวี๋มีแขกเหรื่อมากมาย คึกคักอย่างยิ่ง ทุกคนนั่งอยู่ในห้องโถงอันกว้างใหญ่ สาวใช้สวมชุดสีสันสดใสเดินกันขวักไขว่ นักดนตรีบรรเลงเครื่องเคาะและเครื่องสายอยู่ด้านหลังม่าน แม้ว่านอกห้องมีลมหนาวพัดแรง แต่ภายในห้องนั้นมีกลิ่นหอม อบอุ่นเหมือนฤดูวสันต์ และมีกลิ่นอายหรูหรา
งานเลี้ยงของอิ่งชวนอ๋องเมื่อครั้งก่อน บุรุษและสตรีสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่ครั้งนี้ไม่อาจทำได้ ประการหนึ่ง ครั้งนั้นมู่หรงสวี่จัดงานเลี้ยงในสวนดอกไม้ ประการสอง ล้วนเป็นชายหนุ่มและหญิงสาวที่อายุใกล้เคียงกัน ทุกคนเป็นแขกร่วมห้องกันโดยไม่ต้องกังวลมากนัก แต่วันนี้มีผู้อาวุโสหลายคนเพิ่มเข้ามา งานเลี้ยงจำต้องมีกฎระเบียบขึ้นมาอย่างเลี่ยงมิได้ แขกบุรุษและแขกสตรีถูกแบ่งออกเป็นสองห้องโถง ใจกลางมีระเบียงทางเดินเชื่อมต่อกัน เนื่องจากสาเหตุนี้ บรรดาสตรีจึงชอบมานั่งพูดคุยที่ระเบียงทางเดินมากขึ้น ยามผู้คนจากทั้งสองฝั่งผ่านไปมา พวกนางก็สามารถมองเห็นบุรุษในวัยเหมาะสมได้หลายคน
แขกสตรีต่างก็หัวเราะเสียงนุ่มนวล น้ำเสียงกระจ่างใสราวกับมีนกขมิ้นอยู่ทุกที่ เหล่าสตรีพูดคุยกันได้ไม่กี่ประโยคก็เอ่ยถึงคนคนเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย “คุณหนูหกสกุลอวี๋คราวที่แล้วนางบรรเลงเพลงฉางหง ข้าไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยง หลายวันมานี้ได้ยินคนพูดถึงอยู่ตลอด ทำให้ข้านึกสงสัยว่าเป็นบทเพลงเช่นไรกันแน่ ถึงทำให้ผู้คนจดจำไม่ลืมเลือนถึงเพียงนี้”
ครั้นพูดถึงเพลงฉางหง สตรีที่อยู่ในงานเลี้ยงวันนั้นก็ร่วมสนทนาด้วยทันที “เรื่องนี้เจ้าไม่เข้าใจหรอก ใครให้เจ้าขี้เกียจกัน วันนั้นไม่ยอมออกมากับพวกข้า การประชันพิณในวันนั้นวิเศษมากจริงๆ”
สตรีที่ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงครั้งก่อนก็ถือโอกาสขอร้องด้วยน้ำเสียงออดอ้อนให้เล่าเรื่องในวันนั้นให้ฟัง ทุกคนหัวเราะคิกคัก สตรีนางหนึ่งหัวเราะพอแล้วจึงค่อยเล่าการประชันพิณทั้งสามครั้งตั้งแต่ต้นจนจบอย่างช้าๆ ขณะที่นางเล่าอยู่ก็อดมองไปที่อวี๋ชิงหย่าไม่ได้ สตรีคนอื่นๆ สังเกตเห็นสายตาของนาง ต่างก็ก้มหน้าหัวเราะเบาๆ
หลังจากที่อวี๋ชิงจยาบรรเลงเพลงฉางหงต่อหน้าทุกคนแล้วก็มีคนตั้งข้อสงสัยว่าใครเป็นผู้แต่งเพลงตัวจริงอีก ที่น่าขันกว่านั้นคือทุกคนรู้ดีว่าเป็นเพลงที่บรรเลงสองคน อวี๋ชิงหย่ามองไม่ออกก็ช่าง ยังมีหน้ามาบรรเลงเดี่ยวอีก ภายหลังยังบอกเป็นนัยว่านี่คือเพลงที่ตนเขียนขึ้นเอง เหล่าสตรีต่างรู้อุบายของอวี๋ชิงหย่าเป็นอย่างดี ครั้งนี้อวี๋ชิงหย่านับว่าขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลอย่างใหญ่หลวง ศักดิ์ศรีภายในภายนอกล้วนรักษาไว้ไม่อยู่ อวี๋ชิงหย่ารู้สึกถึงสายตาจากทางด้านหลัง จึงรักษารอยยิ้มอย่างฝืนๆ เดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าอ่อนโยนและใจกว้าง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวน้องสาวทุกท่านกำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ เหตุใดถึงคุยกันคึกคักเช่นนี้”
เหล่าสตรีพากันยิ้มแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สตรีนางหนึ่งกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเรากำลังพูดถึงคุณหนูหกกันอยู่ ตอนนี้มีผู้ใดในเมืองที่ไม่รู้จักนางบ้าง สกุลอวี๋มีอวี๋เหม่ยเหรินคนหนึ่งที่ทั้งงดงามและเก่งพิณ เสียดายที่จะพบหน้าคนงามสักครั้งนั้นไม่ง่ายนัก หลายคนส่งเทียบเชิญไปให้อวี๋เหม่ยเหริน แต่ก็ไร้การตอบกลับ คนคุ้นเคยของข้าได้ยินว่าวันนี้ข้าจะมาที่สกุลอวี๋ จึงตั้งใจไหว้วานให้ข้ามาสอบถามเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าข้าจะมีเกียรตินี้หรือไม่ ให้คุณหนูสี่พาน้องสาวออกมา ถึงอย่างไรก็ให้ข้าได้เห็นหน้านางสักครั้ง กลับบ้านไปจะได้เสร็จสิ้นภาระที่ได้รับมอบหมาย”
เพลงฉางหงในวันนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ทุกคน แต่หลังจากเพลงจบลง อวี๋ชิงจยาก็ยกพิณแล้วจากไป ทุกคนจึงไม่ได้เห็นหน้าของนาง ท่าทีที่ไม่ใส่ใจเช่นนี้ยิ่งช่วยให้ชื่อเสียงอวี๋เหม่ยเหรินเพิ่มขึ้นไปอีก หลังจากนั้นยังมีงานเลี้ยงอีกหลายงาน ผู้คนเชื้อเชิญกันหลายครั้ง แต่อวี๋ชิงจยาไม่ได้ไปร่วมงานพวกนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว