วันนั้นหลังจากอวี๋ชิงจยากลับไปห้องก็รอบิดาจัดการเรื่องราวให้ยุติธรรมอย่างสงบ จนกระทั่งผ่านไปสองวัน คลื่นลมในจวนยังคงสงบ
อวี๋ชิงจยาทนไม่ไหวจึงเร่งเร้าให้ไป๋จีไปสืบข่าวข้างนอก ตั้งนานกว่าไป๋จีจะกลับมา นางก้มหน้าด้วยอารมณ์หลากหลายที่ไม่อาจตีความหมาย
อวี๋ชิงจยาสงสัย จึงเรียกนางมาถามทันที “สืบได้ความแล้วหรือยัง ท่านพ่อว่าอย่างไรบ้าง”
ไป๋จีอ้ำอึ้ง สายตามองไปรอบๆ ไม่หยุด “คุณหนู…”
“พูด!”
ไป๋จีกัดฟันพูดออกมา ราวกับกำลังเสี่ยงชีวิต “ท่านเจ้าเมืองจัดการจิ่งเหนียง อย่างไร บ่าวสืบมาไม่ได้ แต่ได้ยินคนในห้องครัวบอกว่าท่านเจ้าเมืองมอบกุญแจและป้ายคู่ให้จิ่งเหนียงเจ้าค่ะ”
อวี๋ชิงจยาเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง ผ่านไปนานสองนานจึงค่อยกล่าวย้ำเบาๆ “เจ้าบอกว่าท่านพ่อไม่เพียงแต่ไม่ลงโทษนาง ยังมอบอำนาจเรื่องเงินของเรือนหลังให้นางด้วยหรือ”
ไป๋จีก้มหน้า ไม่กล้ายอมรับอย่างเห็นได้ชัด
อวี๋ชิงจยานั่งบนตั่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พลันลุกขึ้นมา เดินออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา
ไป๋จื่อและไป๋จีรีบเข้ามาขวาง “คุณหนู เหตุใดท่านต้องโกรธอนุคนหนึ่งด้วย นางเป็นแค่อนุที่ท่านเจ้าเมืองพากลับมา แม้จะมีชื่อ แต่ไม่นับว่าเป็นผู้อาวุโสของท่านอย่างแท้จริง ท่านอดทนอีกหน่อยนะเจ้าคะ รอให้ท่านเจ้าเมืองหมดความสนใจ ท่านทะเลาะกับท่านเจ้าเมืองตอนนี้มีแต่จะทำร้ายไมตรีพ่อลูกของคุณหนูกับท่านเจ้าเมืองนะเจ้าคะ!”
“ข้าจะทนได้อย่างไร ท่านพ่อถึงขั้นไม่แยกแยะถูกผิดแล้ว สตรีในครอบครัวลอบนัดพบบุรุษอื่นเป็นเรื่องร้ายแรงถึงเพียงนี้ จิ่งเหนียงกรอกยาลุ่มหลงให้เขา เขาก็จะเลอะเลือนไม่รู้อะไรเลยหรือ หากตอนนี้ข้ายังไม่ออกหน้า รอวันหน้ามือของจิ่งเหนียงยื่นมาถึงตัวข้า เช่นนั้นทุกอย่างก็สายไปหมดแล้ว!”
ไป๋จื่อและไป๋จีไม่อาจขวางอวี๋ชิงจยาได้
อวี๋ชิงจยาดวงตาลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ ขณะที่นางเดินไปถึงเรือนหลักก็เห็นอวี๋เหวินจวิ้นกับมู่หรงเหยียนเดินออกมา ไม่รู้ทั้งสองคนพูดอะไร อวี๋เหวินจวิ้นจึงฟังด้วยท่าทางตั้งใจเป็นพิเศษ
อวี๋ชิงจยาไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าตัณหาจะทำให้คนโง่เขลา ไหนเลยจะมีบุรุษที่ถูกสตรีใช้คำพูดล่อลวงไม่กี่คำก็ไม่สนใจความเป็นความตายของภรรยาและบุตรสาว แต่ตอนนี้การกระทำของบิดาแท้ๆ ได้ตบหน้านางอย่างแรง
อนุภรรยาลอบนัดพบบุรุษอื่น ถูกสวมหมวกเขียวแท้ๆ บิดาก็ยังทนได้ อวี๋ชิงจยาทั้งรู้สึกโกรธและน้อยใจ
อวี๋เหวินจวิ้นเห็นอวี๋ชิงจยา ร่างก็หยุดชะงัก แววตาของเขาปรากฏรอยยิ้มของบิดาผู้ใจดีในทันที “จยาจยา”
เห็นได้ชัดว่าเขาลืมสิ่งที่พูดหลอกอวี๋ชิงจยาไปเมื่อสองวันก่อนแล้ว
“ท่านพ่อ” อวี๋ชิงจยาทำความเคารพอวี๋เหวินจวิ้นด้วยใบหน้าบูดบึ้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองมู่หรงเหยียนพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านพ่อ ได้ยินมาว่าท่านมอบกุญแจและป้ายคู่ให้นาง?”
อวี๋เหวินจวิ้นคิดไม่ถึงว่าบุตรสาวจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด หลางหยาอ๋องไม่ใช่สตรีเรือนหลังจริงๆ เสียหน่อย ยิ่งกว่านั้นเขายังมีอีกฐานะที่สำคัญ การมอบอำนาจในการดูแลเรือนหลังให้เขานับเป็นประโยชน์ต่อการใหญ่ของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ จิ่งหวนเป็นผู้อาวุโสของเจ้า ให้เขาดูแลความปลอดภัยของเรือนหลัง พ่อวางใจยิ่ง”
ดูจากคำพูดเลอะเลือนนี้แล้ว ไม่แปลกเลยที่ใครต่อใครต่างบอกว่ามีมารดาใหม่ก็เหมือนมีบิดาใหม่ เกรงว่าในสายตาบุรุษ สตรีที่เขารักนั้นช่างมีเสน่ห์เย้ายวนใจเหลือเกิน ต่อให้ใครจะเอาข้อเท็จจริงมาวางตรงหน้า เขาก็จะรู้สึกว่าผู้อื่นกำลังให้ร้ายอนุคนงามของเขาอยู่
“ท่านพ่อ นางลอบนัดพบบุรุษอื่น นำทรัพย์สินมอบให้คนนอกตามใจชอบ คิดไม่ถึงว่าท่านยังให้นางดูแลเรือนหลังอีก ยิ่งกว่านั้นนางเป็นแค่อนุภรรยาคนหนึ่ง ไหนเลยจะมีใครให้อนุภรรยาควบคุมเรือนหลัง สกุลอวี๋ของพวกเราแม้ไม่นับว่าเป็นตระกูลมีชื่อเสียง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นตระกูลขุนนางที่มีหน้ามีตาในเหยี่ยนโจว ท่านโปรดปรานอนุ ทำลายเกียรติภรรยาเอกอย่างไม่รู้จักแยกแยะเช่นนี้ ท่านเอาข้าไปไว้ที่ใด เอาท่านแม่ไปไว้ที่ใดเจ้าคะ”