นางพยายามทำให้เสียงของตนดูเย็นชาและน่าเกรงขามอย่างที่สุดแล้ว แต่น้ำเสียงของนางยังคงเจือสะอื้นออกมาอยู่ดี ฟังแล้วคล้ายอยากให้คนรังแกนางจนร้องไห้เสียมากกว่า
มู่หรงเหยียนหยุดฝีเท้าอย่างหาได้ยาก หันกลับมามองตาของนาง “ร้องไห้หรือ”
อวี๋ชิงจยาหางตาแดง นางพยายามปกปิดคราบน้ำตา เดิมทีคิดว่าผู้อื่นมองไม่ออก สุดท้ายก็ถูกอีกฝ่ายมองออกในปราดเดียวอยู่ดี อวี๋ชิงจยาเบิกตาโตแล้วกล่าวปฏิเสธ “เปล่า”
หญิงสาวอายุสิบสี่โกรธจนร้องไห้ ยามมาหาเขายังกล่าวด้วยเสียงสะอื้น แม้แต่บุรุษหนุ่มซึ่งเป็นช่วงวัยที่ไม่คิดจะแยแสสิ่งใดที่สุดก็ยังพูดจารุนแรงกับนางไม่ลง ทว่าความรู้สึกสงสารไม่ได้มีอยู่ในตัวมู่หรงเหยียนสักนิด เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายขึ้นเนื่องจากรอยยิ้ม คนหนุ่มรูปงามที่แยกชายหญิงไม่ออกยิ้มอ่อนโยนราวกับเป็นทูตสวรรค์ ทว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นกลับร้ายกาจยิ่ง “เรื่องเล็กแค่นี้คู่ควรให้เจ้าร้องไห้หรือ ไม่ได้เรื่องจริงๆ ยิ่งกว่านั้นเจ้าร้องไห้แล้วมีประโยชน์อะไร” มู่หรงเหยียนชื่นชมท่าทางอันน่าเวทนาที่พ่ายแพ้ให้กับเขา ก่อนพูดประหนึ่งเอามีดแทงหัวใจคนอย่างช้าๆ “บุ๋นไม่สำเร็จ บู๊ไม่ได้ความ ตอนนี้ยังถูกบิดาทอดทิ้ง สิ่งที่เจ้าควรทำตอนนี้คือก้าวข้ามข้าไป หรือไม่ก็เปิดโปงข้าต่อหน้าอวี๋เหวินจวิ้นเสีย มาแอบร้องไห้อยู่คนเดียวเช่นนี้ นอกจากมีเหตุผลให้ข้าหัวเราะเยาะเจ้าเพิ่ม แล้วยังมีประโยชน์อะไรอีก”
อวี๋ชิงจยามองมู่หรงเหยียน กะพริบตาและอยากจะร้องไห้อีกครั้ง ใต้หล้ามีสตรีที่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร
มู่หรงเหยียนริบของเชลยแล้วจากไปด้วยความพึงพอใจ อวี๋ชิงจยาก้มหน้าเช็ดน้ำตาแรงๆ สตรีชั่วร้ายพูดถูก ข้าร้องไห้แล้วมีประโยชน์อันใด ทว่าแม้ในใจรู้ดี แต่เสียงสะอื้นของนางกลับควบคุมไม่อยู่ นางตะโกนใส่แผ่นหลังของมู่หรงเหยียน “เจ้าหยุดนะ!”
มู่หรงเหยียนเดินไปข้างหน้าต่ออย่างไม่สนใจแม้แต่น้อย อวี๋ชิงจยาโกรธจนรีบตามไปดึงแขนของเขา “เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
อวี๋ชิงจยาไม่รู้ว่าสตรีนางหนึ่งเหตุใดถึงแรงเยอะเพียงนี้ พวกนางสองคนอายุห่างกันแค่หนึ่งปีเท่านั้น ทว่าอวี๋ชิงจยาไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้อย่างสิ้นเชิง
มู่หรงเหยียนสะบัดแขนสองสามที พลันพบว่าเจ้าขนมหนิวผีถัง ชิ้นนี้สะบัดอย่างไรก็ไม่หลุด จึงเดินไปข้างหน้าต่ออย่างไม่สนใจ อวี๋ชิงจยาดึงแขนของมู่หรงเหยียนด้วยมือสองข้าง จึงถูกลากจนพุ่งไปข้างหน้าทั้งร่างเช่นนั้น
อวี๋ชิงจยาทั้งโกรธทั้งร้อนใจ ทันทีที่มองไปเห็นเสาข้างๆ ความคิดของนางก็กระจ่างแจ้งทันที นางกระโจนไปหาเสาต้นนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนฉวยโอกาสตอนที่มู่หรงเหยียนไม่ทันตั้งตัวใช้สองแขนโอบเสาไม้หนาๆ ไว้ ให้ร่างมู่หรงเหยียนเข้ามาในอ้อมแขนของนางด้วย ล้อมตัวอีกฝ่ายไว้อย่างแน่นหนา “ดูซิว่าตอนนี้เจ้าจะไปได้อย่างไร!”
มู่หรงเหยียนรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนิ่มผิดปกติที่แขน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ปล่อยมือ!”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน มิถุนายน 2567)