อวี๋ชิงจยาขมวดคิ้ว นางสงสัยคำพูดของเณร แต่เณรรูปนี้มีรอยธูปจี้หกจุดบนศีรษะ เห็นได้ว่าเป็นเณรที่บวชจริงๆ และมีประสบการณ์หลายปีในวัดพุทธ ถึงอย่างนั้นนางยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พยักหน้าขอบคุณเณร แล้วเดินตามเขาออกไปข้างนอก
อวี๋ชิงจยาระมัดระวังตัวตลอดทางที่เดินมา แต่เมื่อเดินไปถึงประตูของอุโบสถข้างก็ได้ยินเสียงของไป๋จื่อดังมาจากข้างในดังคาด อวี๋ชิงจยาตกตะลึงพร้อมกับคิดในใจ หรือว่าข้าจะเอาใจคนพาลมาตัดสินคนดี เข้าใจเณรรูปนี้ผิดไป
เณรประนมมือพลางกล่าวกับอวี๋ชิงจยา “สีกา สาวใช้ของสีกาอยู่ที่นี่”
ไป๋จื่อได้ยินเสียงก็เดินออกมาหาอวี๋ชิงจยา “คุณหนู ท่านออกมาแล้ว”
“เหตุใดพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่” อวี๋ชิงจยาถามด้วยความประหลาดใจ
ไป๋จื่อกล่าว “เมื่อครู่คุณหนูจดจ่ออยู่กับการไหว้พระ พวกบ่าวยืนรอข้างนอกสะดุดตาเกินไป เณรน้อยรูปนี้ให้พวกบ่าวมารอที่อุโบสถข้าง ยังบอกว่ารอคุณหนูออกมาแล้วเขาจะพาคุณหนูมาหาด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
อวี๋ชิงจยาฟังถึงตรงนี้ก็รู้ว่าตนอาจจะเข้าใจผิด จึงรีบกล่าวขอบคุณเณร “ขอบคุณเณรน้อย”
เณรกล่าว “ไม่เป็นไรเลย สีกา วัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารเจอย่างมาก สีกาอยากจะลองกินหรือไม่”
อวี๋ชิงจยาเดิมตั้งใจว่ามาไหว้อวี๋ซื่อแล้วจะลงเขา ยิ่งกว่านั้นอาหารเจที่เขาเซียงจีก็มีชื่อเสียงมาก ขุนนางชั้นสูงและผู้สูงศักดิ์มาต่อแถวโดยเฉพาะก็ใช่ว่าจะได้กิน ดังนั้นในแผนเดิมของนางจึงไม่ได้คิดจะอยู่กินอาหารมื้อนี้ อวี๋ชิงจยารู้สึกประหลาดใจและถามขึ้น “ได้ยินว่าอาหารเจมีน้อย พวกเราไม่ได้บอกเอาไว้ล่วงหน้า เหตุใดถึงรั้งให้พวกเรากินอาหารล่ะเจ้าคะ”
เณรกล่าว “ศาสนาพุทธพิถีพิถันเรื่องโชคชะตา เดิมทีอาหารเจนั้นเตรียมไว้ให้ผู้มีวาสนา วันนี้อาตมากับสีกามีวาสนาต่อกัน จึงเสียมารยาทรั้งสีกาอยู่กินอาหาร หากสีกาไม่เชื่อใจ อาตมาก็มิกล้าบังคับ”
อีกฝ่ายพูดถึงเพียงนี้ อวี๋ชิงจยาจะปฏิเสธอีกก็ดูจะไม่รู้จักดีชั่ว นางคิดว่ากินอาหารเสร็จแล้วก็คงไม่สายนัก ยังลงเขาได้ทันเวลา จึงได้แต่พยักหน้าและกล่าว “ตกลง รบกวนเณรแล้วเจ้าค่ะ”
อาหารเจของเขาเซียงจีชื่อเสียงสมคำเล่าลือจริงๆ ทีแรกอวี๋ชิงจยายังระวังว่าในอาหารจะมีบางอย่างใส่ลงไปจึงทดลองกับนกดูทีละอย่าง ก่อนพบว่าตนแค่ระแวงไปเอง อวี๋ชิงจยาวางใจ ในที่สุดก็สามารถจดจ่อกับการกินอาหาร จนกระทั่งกินอาหารเจเสร็จ ดวงอาทิตย์ก็มาถึงช่วงบ่ายแล้ว อวี๋ชิงจยาเช็ดหน้า แล้วสั่งให้คนเตรียมรถม้าเพื่อลงเขา
เขาเซียงจีไม่นับว่าสูง ลงจากเขาใช้เวลาหนึ่งชั่วยามก็เพียงพอแล้ว กลับถึงบ้านก่อนฟ้ามืดได้ อวี๋ชิงจยานั่งบนรถม้า เห็นพู่ที่ด้านหน้าหน้าต่างรถแกว่งเบาๆ ขณะวิ่งไปตามเส้นทางภูเขา เวลานี้ในที่สุดนางก็รู้สึกว่าทั้งหมดนี้คือความจริง
ดูท่าวันนี้นางคงคิดมากไปเอง เณรจัดแจงที่ทางให้สาวใช้และรั้งให้พวกนางอยู่กินอาหารล้วนเป็นความหวังดี หรืออย่างที่เขาบอกว่ามีวาสนา ไม่ได้มีแผนใดๆ สุดท้ายตอนนี้นางก็นั่งบนรถม้าของตนอย่างปลอดภัย ไม่มีการสูญเสียใดๆ ซ้ำยังได้กินอาหารหนึ่งมื้อ
อวี๋ชิงจยาค่อยๆ วางใจลง พิงรถม้าแล้วหลับตาผ่อนคลาย วันนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น รถม้าแล่นไม่มั่นคง จู่ๆ ม้าก็ส่งเสียงร้อง หลุดจากการควบคุมและวิ่งไปที่ข้างทางอย่างรวดเร็ว
อวี๋ชิงจยานั่งอยู่ในรถม้าถูกเขย่าอย่างรุนแรง เพื่อรักษาการทรงตัวเอาไว้ นางใช้สองมือยันผนังรถม้าตามสัญชาตญาณ ในเวลานี้นางรู้สึกว่ารถม้าสั่นไปทั้งคัน
อวี๋ชิงจยาเบิกตาโต มีเสียงตะโกนด้วย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 3 ส.ค. 67