ขณะทะลุผ่านม่านเมฆลงไปชั้นแล้วชั้นเล่า สภาพอันรกร้างของพิภพมนุษย์เบื้องล่างก็เริ่มปรากฏให้เห็นได้รำไร ทว่าปราณขุ่นมัวที่เคยเห็นเป็นชั้นหนาทึบปกคลุมอยู่กลางอากาศนั้น บัดนี้ได้จางลงไปบ้างแล้ว คาดว่านี่อาจเป็นคุณงามความดีที่เขากับเฟิงจงปราบสังหารสัตว์อสูรก็เป็นได้
หลังจากเลือกจุดลงพื้นอย่างลวกๆ ซีกวงก็เหลียวมองรอบด้านเป็นอย่างแรก ครั้นไม่พบเห็นร่องรอยของชิงหลีกับฉีอวิ๋น เขาถึงค่อยเดินหน้าต่อ
ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ เขาก็หยุดยืนอยู่ในหุบเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของต้นน้ำนั้นแล้ว
วันนั้นเขาให้แสงตะวันฉายอยู่นานเป็นพิเศษ เพียงพอที่เฟิงจงจะจากไปได้อย่างปลอดภัยแน่นอน กระนั้นเขาก็ยังตัดสินใจจะมาตรวจดูที่นี่ก่อน
ซีกวงเหินร่างขึ้นไปบนยอดเขา พบว่าความเขียวชอุ่มเพิ่มพูนมาไม่น้อย หญ้าคาที่แต่เดิมมีอยู่หร็อมแหร็มยามนี้กลับงอกเพิ่มและต้นสูงขึ้นมาก ทั้งยังมีไม้พุ่มที่เติบโตขึ้นพุ่มแล้วพุ่มเล่า เพียงแต่บริเวณที่เคยมีต้นฉยงซังเติบโตอยู่กลับเหลือแค่หลุมลึกที่เกิดจากการถูกขุดรากถอนโคน
เสียงรินไหลของสายน้ำดังมาไม่ขาดหู ซีกวงเดินเข้าไปใกล้ ลูบคางพลางเดินเตร่อยู่รอบหลุมนั้น ในใจยังคิดไม่ออกว่าเหตุใดฉยงฉีที่เหลือเพียงดวงวิญญาณถึงดื้อดึงไม่ยอมปล่อยวางต้นฉยงซังเช่นนี้…เจ้าก็แค่ให้ผลไม้แม่นางน้อยไปสักผลจะเป็นไรเล่า
ใต้ฝ่าเท้าคล้ายมีบางสิ่งกำลังสั่นสะเทือนเป็นระลอก ธารน้ำที่อยู่ด้านข้างพลันปรากฏฟองอากาศพ่นออกมายาว ผิวน้ำกระเพื่อมไหว เสียงแผดคำรามอันเกรี้ยวกราดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
เห็นทีฉยงฉียังคงไม่ยอมง่ายๆ แม้ที่นี่จะไม่มีต้นฉยงซังแล้ว มันก็ยังไม่อยากให้คนแปลกหน้าเข้ามาใกล้อยู่ดี
ซีกวงหัวเราะออกมา “ข้าคงไม่นับว่าเป็นคนแปลกหน้าแล้วกระมัง”
ไม่ทันขาดคำ ริ้วคลื่นบนผิวน้ำก็กลายเป็นวังน้ำวนที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง ฉยงฉีพุ่งขึ้นมาจากน้ำวนพร้อมกับปากสีโลหิตที่อ้ากว้าง
ซีกวงมองด้วยหางตาก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งลงบนผิวน้ำ เพียงเท่านี้ฉยงฉีที่กำลังจะโผล่พ้นน้ำก็กรีดร้องเสียงแหลมราวกับถูกสิ่งใดทำให้หวาดผวา มันรีบร้อนหันศีรษะมุดกลับลงน้ำไปโดยไม่มีเสียงใดดังขึ้นมาอีก
ซีกวงชักเท้าคืนมา ขณะปัดชายเสื้อเตรียมจะจากไปก็พลันรู้สึกได้ว่ารอบด้านมีกลิ่นอายอันคุ้นเคย พอเขาหันขวับไปมอง ความตื่นเต้นยินดีก็ผุดขึ้นทันใด
เซวียนชิงยืนอยู่ริมหน้าผา ท่าทางเหมือนเพิ่งจะปีนขึ้นเขามาหมาดๆ บนชายเสื้อยังเปรอะเศษดินกับหญ้าแห้งอยู่เลย ในมือของเขากำท่อนกระดูกสีขาวเรียวยาวหนึ่งท่อน บนหลังสะพายหลัวที่สานจากเถาวัลย์หนึ่งใบ รูปโฉมยังคงหมดจดกระจ่างตาเช่นวันวาน เพียงแต่สีหน้าดูว่างเปล่าเลื่อนลอย
ซีกวงรู้ว่าบัดนี้อีกฝ่ายคือร่างที่กลวงเปล่า แต่อย่างไรนี่ก็เป็นร่างแบ่งภาคที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ เฉกเช่นส่วนหนึ่งของตนเอง สนิทสนมกันยิ่งยวด เขาจึงกวักมือเรียกอีกฝ่ายทันที “มานี่สิ”
จะอย่างไรก็เป็นเจ้าของร่างนี้มาก่อน เซวียนชิงเดินมาหาซีกวงอย่างเชื่อฟังดังคาด ทว่าเพิ่งจะมาถึงตรงหน้า เซวียนชิงกลับเงื้อท่อนกระดูกสีขาวในมือแทงใส่เขาเสียนี่
ซีกวงตระหนกตกใจยิ่ง เบี่ยงกายหลบทันควันแล้วกระโดดไปอีกด้านหนึ่ง
ไม่ควรเป็นเช่นนี้สิ จะอย่างไรนี่ก็เป็นร่างที่ข้าสร้างขึ้น เซวียนชิงจะหันคมอาวุธเข้าหาข้าได้อย่างไรกัน
หัวใจพลันกระตุกวูบ สายตาของซีกวงสอดส่ายค้นหาทันทีที่ฉุกคิดได้…เฟิงจงจะต้องอยู่แถวนี้แน่นอน