สาวน้อยรีบถอยปราดพลางเรียกหุ่นเวทกลับมา
ซีกวงร้องชิ บ่นพึมพำหนึ่งประโยคว่า “ไร้มโนธรรม” ก่อนจะตรงขึ้นไปรับมือฉยงฉีเพียงลำพัง
หน้าที่ของตงจวินคือควบคุมอาทิตย์ขึ้นอาทิตย์ตก นานวันเข้าบนร่างเขาจึงแทรกซึมด้วยแสงตะวัน กระทั่งแส้ที่หวดออกไปก็ราวกับมีเปลวสุริยะลุกไหม้อยู่ ดวงวิญญาณของฉยงฉีไหนเลยจะทนรับได้ไหว แม้ในใจแสนจะขยาดกลัว แต่ก็เดือดดาลจนยากระงับ มันจึงตะกุยกรงเล็บคมกับพื้น ขยายท้องและหน้าอกอย่างต่อเนื่อง ฉับพลันก็อ้าปากพ่นหมอกหนาทึบออกมา
เฟิงจงฉุดดึงหุ่นเวทถอยหนีไปไกลลิบทันใด ซีกวงเองก็ยกแขนเสื้อขึ้นบังไว้ ชั่วพริบตาเดียวนี้ฉยงฉีจึงสบช่องมุดลงน้ำหายวับไปทันที
ผิวน้ำสั่นสะเทือนนิดๆ เสียงคำรามด้วยโทสะดังมาจากข้างใต้ไม่ขาดหู แต่ละเสียงล้วนร้อนรุ่มกราดเกรี้ยวขึ้นทุกขณะ ซึ่งมีเพียงยามที่สัตว์อสูรต่อต้านการเข้าใกล้ของคนนอกอย่างยิ่งยวดจึงจะมีท่าทีเช่นนี้ อาการของมันช่างชวนให้ผู้อื่นรู้สึกว่าที่ใต้น้ำคล้ายกับมีบางสิ่งที่มันเฝ้ารักษาอยู่
เฟิงจงโบกมือกวาดไอหมอกที่หลงเหลืออยู่เบื้องหน้าสายตาออกแล้วมองไปทางซีกวง “ต้องทำอย่างไรจึงจะล่อสิ่งที่อยู่ข้างใต้นั้นออกมาได้เล่า”
ซีกวงกุมด้ามแส้เคาะกับฝ่ามือพลางครุ่นคิดแผนรับมือ ทว่าจู่ๆ ใบหูของเขาพลันกระดิก มือเขาก็รีบเอื้อมไปคว้าร่างนางไว้พลางกล่าว “ลงน้ำไปดูกัน!” จบคำซีกวงก็ตวัดแส้รัดเซวียนชิง ก่อนจะพากระโดดลงน้ำไปด้วยกันทั้งหมด
ไม่นานนักเหนือยอดเขาก็ปรากฏเมฆลอยมา ชิงหลียืนอยู่บนเมฆก้มศีรษะมองสำรวจไปรอบด้าน…นอกจากธารน้ำที่ไหลตัดผ่านยอดเขากับต้นไม้ใบหญ้าแล้วก็ไม่มีอะไรอีก
ขณะเตรียมจะลงไปตรวจสอบที่ริมธารน้ำโดยละเอียด ดวงตะวันก็เผยออกมาจากชั้นเมฆ แสงที่สาดฉายพลันทวีความร้อนแรงจนแยงตายากทานทน ชิงหลีสองตาปวดแปลบ เขารีบยกมือขึ้นป้องดวงตาจนเสียหลักหวิดจะพลัดตกจากก้อนเมฆเลยทีเดียว เคราะห์ดีที่ได้ฉีอวิ๋นรุดมาพยุงเขาไว้ทันท่วงที
“เจ้าซีกวงนั่นบกพร่องในหน้าที่อีกแล้ว แม้แต่ดวงตะวันก็ยังอยู่กับร่องกับรอยไม่ได้เลย!”
ฉีอวิ๋นจับปลายแขนเสื้อจะมาเช็ดตาให้ “โอ๊ะ ดวงตาคงไม่บาดเจ็บกระมัง”
ชิงหลีตีมืออีกฝ่ายออกไป นวดคลึงสองตาเล็กน้อยก่อนจะมองไปเบื้องล่างอีกครั้ง “เดิมทียังพอรู้สึกว่าที่นี่มีปราณชีวิตอยู่บ้าง ที่แท้ก็ไม่มีอะไรเลย ช่างเถอะ ไปที่อื่นต่อแล้วกัน”
ฉีอวิ๋นกวาดตาไปเบื้องล่างอย่างไม่ถอดใจ กระทั่งพบว่าไม่มีอะไรจริงๆ เขาจึงขี่เมฆตามชิงหลีจากไป ทว่ามุ่งหน้าไปได้ไม่นานเท่าไรนัก ฉีอวิ๋นก็พูดพลางชี้มือไปยังทิวเขารกร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป “นี่ๆ ข้าได้ยินว่าเซวียนชิงถูกจื่ออินสังหารตรงนั้น”
ชิงหลีคร้านจะมอง “ตายไปแล้วก็ยิ่งดีมิใช่หรือ คนที่จะมาแย่งชิงจ่งเสินก็จะได้น้อยลงไปอีกราย”
ฉีอวิ๋นร้องลั่น “ให้ตายเถอะ ที่เจ้าพูดนี่ยังใช่ภาษาคนอยู่อีกหรือ”
สีหน้าของชิงหลีฉาบไปด้วยความเย็นชา “ข้าเป็นวิหค”
อย่างไรเสียก็เป็นหนึ่งเทพกับหนึ่งเซียน จึงมีเพียงซีกวงที่สัมผัสได้ถึงร่องรอยของชิงหลีกับฉีอวิ๋น ส่วนเฟิงจงที่ขณะนี้จมอยู่ในห้วงน้ำมีแต่ความฉงนสงสัยประดังขึ้นในใจ
กระแสน้ำใต้ฝ่าเท้าไหลแรงเชี่ยวกราก คล้ายจะลึกเสียจนไม่เห็นก้นบึ้ง ฉยงฉีพยายามโจมตีขึ้นมาข้างบน แต่ก็ถูกซีกวงถีบส่งกลับไปในเท้าเดียว ชั่วครู่ให้หลังฉยงฉีที่ไม่อาจทำใจยอมรับได้ก็กระโจนขึ้นมาอีก และก็ลงเอยด้วยการถูกถีบลงไปเช่นเคย เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครา
เซวียนชิงมีร่างเป็นเทพ ย่อมอยู่ในน้ำได้ไม่เป็นปัญหา ทว่าเฟิงจงมีร่างเป็นมนุษย์ ไหนเลยจะต้านทานการเคี่ยวกรำของการอยู่ใต้น้ำเช่นนี้ได้ไหว นางจวนจะกลั้นลมหายใจไม่อยู่แล้ว จึงผลักไสมือที่รวบอยู่บนเอวของนางออก หมายจะแหวกว่ายขึ้นไปสู่เบื้องบน
หลังจากเตะส่งฉยงฉีลงไปอีกหนึ่งเท้า ซีกวงก็หันมาเห็นสีหน้าของเฟิงจง เขาจึงพลิกกายมาถ่ายเทลมหายใจให้กับนาง