เฟิงจงสั่งการให้เซวียนชิงนำกรงไปวางเรียงชิดกันในละแวกใกล้ๆ นี้ ส่วนนางก็วนเวียนอยู่แถวๆ กรงเหล่านั้น
เมื่อก่อนไม่ว่านางพำนักอยู่ที่ใด เพียงไม่นานก็จะมีสัตว์อสูรมาหาเสมอ นางนึกมาตลอดว่าเป็นแค่ความบังเอิญ จวบจนเห็นสายตาของเถาอู้ตัวนั้นเอาแต่จับจ้องนาง ถึงค่อยตระหนักได้ว่าปราณวิเศษในเลือดของนางอาจดึงดูดเหล่าสัตว์อสูรให้เข้ามาก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนี้จริง อีกไม่นานก็คงมีสัตว์อสูรถูกดึงดูดมาตรงนี้อีก
ในที่สุดเซวียนชิงก็มองเป้าหมายของนางออกกระจ่างแจ้ง “อยู่ดีๆ เจ้าจะดักสังหารสัตว์อสูรเหล่านี้ไปทำอะไร”
หรือว่าเสพติดเนื้อเถาอู้แล้ว?
เฟิงจงเอ่ย “นี่เป็นขั้นแรกในการฟื้นฟูพลังเทพของข้า เจ้าแค่คอยทำตามก็พอ”
วิธีบำเพ็ญตนของมหาเทพบรรพกาลอาจค่อนข้างแปลกพิสดารกระมัง เซวียนชิงถอนหายใจ “เกรงว่าสัตว์อสูรละแวกนี้คงจะมีไม่น้อย” ความนัยที่จะสื่อก็คือเขาคงต้องเหนื่อยแรงมากทีเดียว
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเรามีกรงตั้งหลายกรง”
เซวียนชิงพูดไม่ออก
เป็นไปตามที่คาดไว้ ไม่นานก็มีสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้น…นั่นคือโห่ว* ตัวหนึ่งซึ่งเดินอ้อมมาจากด้านข้างด้วยท่าทางเย็นชาเปี่ยมด้วยความน่าสะพรึงกลัว ตัวของมันคล้ายอาชาทว่ามีเกล็ดสีขาวหิมะตลอดทั้งร่าง
นี่ก็เป็นสัตว์อสูรที่กินมนุษย์เช่นกัน เฟิงจงสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางขยับฝีเท้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พลันมุดพรวดเข้ากรงไป
พอเห็นนางขยับเท้า โห่วก็ไล่กวดมา พุ่งศีรษะเข้ากรงตามนางมาติดๆ
เซวียนชิงรีบร่ายอาคมสกัดทางด้านหน้าและหลังของมันไว้ โห่วที่ติดอยู่ในกรงไม่ว่าจะรุกหรือถอยล้วนยากลำบาก ขณะที่มันแผดคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เฟิงจงก็ฉวยจังหวะนี้มุดออกมาทางช่องเล็ก เซวียนชิงจึงร่ายอาคมรวบปากทางทั้งสองด้านของกรงให้ปิดสนิททันที
เฟิงจงเพิ่งจะโล่งอกก็พลันได้ยินเสียงคล้ายทารกร่ำไห้ดังขึ้นเหนือศีรษะ พอช้อนตาขึ้นมอง สาวน้อยก็เห็นกู่เตียว ตัวหนึ่งกำลังยื่นกรงเล็บอันแหลมคมโฉบลงมาหานาง เกรงว่ามันคงจ้องรอจะซ้ำเติมอยู่นานแล้ว
สัตว์อสูรเขาเดียวที่มีจะงอยปากยาวตัวนี้จะเป็นวิหคก็มิใช่ จะเป็นเสือดาวก็ไม่เชิง ยามอยู่บนฟ้าเป็นสัตว์ปีกนักล่า ครั้นร่อนลงพื้นก็กลายเป็นสัตว์บกที่ดุร้าย
เฟิงจงเพียงขยับฝ่าเท้าเล็กน้อยก็มุดเข้าไปในกรงอีกใบ กู่เตียวถลาไล่มาอย่างรีบร้อน มันไม่ทันหุบสองปีกทำให้ไม่อาจตามเข้าไปได้ ทำได้แต่ยื่นจะงอยปากอันคมกริบพยายามไล่จิกตาม แต่ก็ถูกเซวียนชิงที่รุดมาถึงใช้หนึ่งกระบี่ฟันปีกขาดไปครึ่งซีก ตามด้วยถีบอีกหนึ่งเท้าส่งมันเข้ากรงไป เฟิงจงจึงรีบทำตามวิธีเดิม มุดออกมาทางช่องเล็กแล้วสั่งให้เซวียนชิงรวบปิดผนึกปากทางทั้งสองด้าน
ไม่ว่าเป็นสัตว์อสูรแบบใด ขอเพียงติดอยู่ในกรงแล้วก็รับมือได้ง่ายดายยิ่ง หากจะกำจัดก็ยิ่งง่ายประดุจพลิกฝ่ามือ
เมื่อประเดิมศึกแรกด้วยชัยชนะ เฟิงจงก็ดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ระหว่างทางที่ขี่หลังเซวียนชิงกลับ นางจึงเกาะเกี่ยวลำคอของเขาพลางคลี่ยิ้มหน้าบานอย่างหาได้ยาก “เจ้าดูสิ เจ้ากับข้าร่วมมือกันได้ดีแค่ไหน เจ้ายังจะเป็นจะตายให้ได้ไปทำไมกัน”
เซวียนชิงจนปัญญายิ่งนัก…แม้ในใจขมขื่นเพียงใดก็ไม่อาจพูดออกมาได้
วิธีการพวกนี้ทำออกมาได้ง่ายไม่ซับซ้อนเลย โดยเฉพาะใช้รับมือกับสัตว์อสูรเหล่านั้น เรียกได้ว่าจู่โจมร้อยครั้งก็เข้าเป้าร้อยครั้ง เพื่อการนี้เฟิงจงถึงขั้นคิดค้นเครื่องมือขึ้นมาอีกสารพัดอย่าง โดยพุ่งเป้าไปที่สัตว์ปีกกับสัตว์บก