ในสายลมอบอวลไปด้วยกลิ่นอันหอมหวาน เซวียนชิงเงยหน้ามองไปก็พบว่าบนยอดเขาแห่งนี้มีหญ้าสีเขียวกับพุ่มไม้เตี้ยๆ จำนวนหนึ่ง ใจกลางมีสายธารตัดผ่าน ทอดยาวต่อเนื่องจนจรดขอบผาแล้วไหลลงไปเป็นน้ำตก ต้นไม้ใหญ่เพียงหนึ่งเดียวบนยอดเขานี้ก็เติบโตอยู่ริมธารน้ำนี่เอง ลักษณะของมันแปลกอัศจรรย์ยิ่ง ถึงกับเป็นสีแดงเพลิงทั้งต้น บนยอดกิ่งออกผลอยู่หลายพวง
รอจนเดินไปพิจารณาดูใกล้ๆ ก็พบว่าน้ำที่รินไหลอย่างสงบพลันปรากฏฟองอากาศพ่นขึ้นมาเป็นพรวนยาวสายหนึ่ง ผิวน้ำก็สั่นกระเพื่อมนิดๆ คล้ายมีตัวอะไรบางอย่างกำลังขู่คำรามอยู่ข้างใต้
เซวียนชิงถอยหลังไปสองก้าว ครั้นดูต้นไม้ต้นนั้นอย่างละเอียดอีกครั้งก็พลันตระหนักได้…นี่ถึงกับเป็นต้นฉยงซัง!
ในใจเขากระตุกวูบ ฉับพลันก็คิดวิธีที่จะกลับคืนสู่ร่างต้นกำเนิดได้แล้ว
ยามที่เซวียนชิงกระโดดลงมาในหุบเขา เฟิงจงก็กำลังเด็ดผักป่าอยู่ที่ริมบึง เด็ดอยู่พักใหญ่แล้วกลับได้มาแค่หยิบมือเล็กๆ เท่านั้น ทว่าหากเปรียบกับพื้นที่รกร้างแห่งอื่นแล้ว ที่นี่ก็เรียกว่าแปลงผักได้เลยทีเดียว
พอเห็นเซวียนชิงกลับลงมา นางก็ยื่นผักป่าขยุ้มนั้นส่งให้เขา “กลับไปก่อนค่อยว่ากันเถอะ ข้าหิวแล้ว”
เซวียนชิงกำลังอารมณ์ดี เขาจึงโอบเฟิงจงทะยานฝ่าสายลมกลับไปโดยไม่ต้องให้นางสั่งด้วยวิชาหุ่นเวท
เฟิงจงประหลาดใจที่เขาดูว่าง่ายถึงเพียงนี้ จึงจงใจเกาะแขนเขาไว้แล้วค่อยๆ ไถตัวขึ้นไปบนหลังของเขา “รอก่อน ข้าจะเปลี่ยนท่าหน่อย”
เซวียนชิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถึงกับยังช่วยหนุนส่งนางอีกแรง เรือนร่างของสาวน้อยช่างนิ่มนุ่มยิ่งนัก แม้กางกั้นด้วยอาภรณ์สวรรค์อยู่หนึ่งชั้นก็คล้ายกับยังสัมผัสได้ถึงความนวลเนียนของผิวกาย
เฟิงจงฟุบอยู่บนแผ่นหลังของเขาด้วยอารมณ์ที่แจ่มใสยิ่ง ช่วงนี้เจ้าหนูนี่ไม่ได้คิดอยากตายอีก ยามนี้ยังให้ความร่วมมืออย่างดีเช่นนี้ คาดว่าต่อไปจะต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมเกลียวเป็นแน่แท้
ยามเย็นหลังกินอาหารเสร็จ ขณะที่นางกำลังเก็บข้าวของในถ้ำเพื่อเตรียมตัวย้ายบ้าน นางก็สอบถามเซวียนชิงถึงสภาพบนยอดเขา
เซวียนชิงนั่งขัดสมาธิบอกนางว่า “วันนี้ข้าเห็นต้นฉยงซังอยู่บนยอดเขา ทั้งยังออกผลแล้วด้วย”
สองตาของเฟิงจงเบิกกว้างทันใด “จริงหรือ!”
เซวียนชิงผงกศีรษะ “ขอเพียงมนุษย์ได้กินผลของต้นฉยงซังก็จะมีอายุขัยเสมอฟ้า พลังเทพของเจ้ามิใช่จะฟื้นฟูสำเร็จได้ในวันเดียว หากปล่อยเวลาไปยาวนาน อายุขัยของมนุษย์ก็ยากที่จะรอคอยได้ เช่นนั้นไม่เท่ากับเจ้าพยายามมาอย่างสูญเปล่าหรอกหรือ”
เฟิงจงเริ่มรู้สึกหวั่นไหวจึงไม่มีแก่ใจมาเก็บข้าวของอีก นางถามย้ำอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “นั่นใช่ต้นฉยงซังแน่หรือ เจ้าไม่ได้ดูผิดไปกระมัง”
เซวียนชิงหยิบใบไม้ใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ เพียงสะบัดมือเบาๆ ใบไม้ก็ลอยละลิ่วมาถึงตรงหน้าเฟิงจง “หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูใบไม้นี้ได้ว่าใช่ใบของต้นฉยงซังหรือไม่”
เฟิงจงรับใบไม้มาพลิกกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ…เป็นใบของต้นฉยงซังจริงเสียด้วย!
เซวียนชิงโน้มกายมาเบื้องหน้าเล็กน้อย “วันพรุ่งนี้พวกเราไปเด็ดผลฉยงซังมาสักหน่อยดีหรือไม่”
เฟิงจงขมวดคิ้วส่ายหน้า “ไม่ดีหรอก สถานที่ที่มีต้นฉยงซังเติบโตอยู่จะต้องมีฉยงฉี เฝ้าพิทักษ์อยู่แน่นอน ฉยงฉีเป็นถึงหนึ่งในสี่สัตว์ร้ายบรรพกาล แม้แต่พลังของเถาอู้ยังเทียบไม่ได้กับฉยงฉี และที่ยุ่งยากที่สุดก็คือมันชอบกินดวงจิตของเทพเซียน หากถูกมันโจมตี ดวงจิตจะหลุดออกจากร่างได้ง่ายๆ ถึงตอนนั้นก็จะถูกมันฉวยโอกาสเขมือบกลืนลงท้องไป ต่อให้คิดช่วยก็ไม่ทันแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นมนุษย์ที่มีแค่สามวิญญาณเจ็ดจิต ผิดกับเจ้าที่มีดวงจิตของเทพ มันย่อมจะพุ่งเป้าโจมตีเจ้าเป็นหลัก เพิ่งจะเก็บชีวิตน้อยๆ ของเจ้ากลับมาได้ อย่าไปเสี่ยงเลยดีกว่า”