“นี่!” นางเรียกความสนใจของเซวียนชิง พอส่งสายตาให้เขาเสร็จ ตนเองก็หลบเลี่ยงไปไกลๆ หมายจะตีวงอ้อมหลังฉยงฉีไปทางต้นฉยงซัง
ถึงอย่างไรฉยงฉีก็เป็นดวงวิญญาณ ไม่เหมือนกับเถาอู้ มันจึงหลบเลี่ยงพลังวิเศษที่เปี่ยมล้นด้วยปราณชีวิตบนร่างของเฟิงจงอย่างเต็มที่ และด้วยเหตุนี้เองสายตาของมันจึงจ้องเขม็งไปยังเซวียนชิงที่อยู่ตรงหน้าตลอดเวลา ฟันอันคมกริบถึงกับมีน้ำลายยืดย้อยกว่าสามฉื่อทีเดียว
พลังเทพของเซวียนชิงฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว ในมือจึงเสกกระบี่ออกมาอีกครา เขาเดินวนเวียนไปมาช้าๆ คุมเชิงกับมัน ขณะที่สายตาก็เหลือบมองท้องฟ้าเป็นระยะ
เหตุที่ฉยงฉีหลบซ่อนอยู่ในน้ำเป็นเพราะหวาดกลัวแสงแดด อย่างช้าอีกหนึ่งเค่อ ดวงตะวันก็จะเผยออกมา เขารู้เรื่องนี้กระจ่างยิ่งกว่าผู้ใด เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเจ้านี่เหลือแค่ดวงวิญญาณแล้วก็ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หรือในน้ำจะมีอะไรเสริมพลังมันอยู่?
ตอนนี้ทางด้านเฟิงจงได้เดินอ้อมวงใหญ่ไปอยู่ด้านหลังของฉยงฉีแล้ว นางเดินเลียบไปตามเส้นทางน้ำไหลจนเข้าไปใกล้ต้นฉยงซังอย่างช้าๆ ขณะที่เห็นว่าอยู่ใกล้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวแล้ว ฉยงฉีซึ่งจับจ้องเบื้องหน้าอยู่ตลอดพลันหันขวับกลับมา มันกระโจนขึ้นจากผิวน้ำพุ่งปรี่มาทันทีด้วยอาการเดือดดาลอย่างยากระงับ
เฟิงจงรีบตั้งสติ นางกัดนิ้วมือให้เป็นแผลแล้วสะบัดไปข้างหน้าโดยไม่รั้งรอ พอหยดโลหิตร่วงหล่นอยู่เบื้องหน้าสายตา ปราณชีวิตก็แผ่กำจายออกไปรอบด้าน ฉยงฉีที่ถูกคุกคามต้องถอยออกไปเล็กน้อย มันเปล่งเสียงคำรามต่ำพลางเดินวนไปเวียนมาไม่หยุดอย่างแสนจะหงุดหงิด
ขาดอีกแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เฟิงจงยังไม่ยอมถอดใจ นางขยับเท้าหมายจะฉวยช่องว่างนี้ประชิดไปที่ข้างต้นไม้ให้ได้ ฉยงฉีเห็นเช่นนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถึงกับพุ่งเข้ามาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีก ท่าทางของมันราวกับเสียสติคิดแลกชีวิตให้ตายตกกันไปข้างหนึ่ง
เฟิงจงไม่ได้ใช้วิชาหุ่นเวทแต่อย่างใด ทว่าเบื้องหน้าสายตากลับเห็นเงาร่างสีขาวปรากฏวาบขึ้น หุ่นเวทได้มาขวางอยู่เบื้องหน้านางแล้ว และเขาก็ถูกโจมตีในทันที เสียงครางแผ่วในลำคอเกิดขึ้นเพียงหนเดียว ก่อนที่ร่างของเขาจะกระเด็นออกไปอย่างแรง
ฉยงฉียังไม่คลายโทสะ แยกเขี้ยวคมหมายจะขย้ำใส่เฟิงจงต่อ ทว่าทันใดนั้นเสียงครืนครั่นก็ดังขึ้นบนฟ้า คล้ายกับมีรถม้าห้อตะบึงผ่านมา จากนั้นชั้นเมฆก็แหวกออก เปิดทางให้ดวงตะวันฉายรัศมีลงมาในทันที
พอฉยงฉีถูกแสงแดดสาดส่องก็แผดเสียงร้องต่อเนื่องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายบิดงอเต้นเร่าๆ พลางลนลานหนีไปทางริมน้ำ กระนั้นมันก็ยังไม่วายอ้าปากสีโลหิตขนาดมหึมาเขมือบกลืนต้นฉยงซังลงไปทั้งต้น ก่อนที่จะกระโจนลงน้ำหายไปไม่เห็นตัวอีก
เฟิงจงรีบคลานลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ข้างกายเซวียนชิง นางป้อนเลือดให้เขาก่อนหนึ่งคำ ครั้นเห็นเลือดบนร่างเขาค่อยๆ หยุดไหล ปากแผลเริ่มสมานตัวแล้ว นางถึงค่อยวางใจลงได้บ้าง ตบเบาๆ ไปที่ใบหน้าของเขาก่อนเอ่ยถาม “เจ้าไม่เป็นไรกระมัง”
ทว่านางไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
เฟิงจงรู้สึกได้แล้วว่ามีความผิดปกติ สองตาของเขาแม้ยังเปิดอยู่ ทว่ากลับเลื่อนลอยไร้ชีวิตชีวา นางรีบยื่นมือโบกไปมาเบื้องหน้าดวงตาของเขา แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดเลยสักนิด หัวใจของนางพลันเย็นเฉียบไปแล้วครึ่งดวง นางยื่นนิ้วมือไปตรวจสอบบนกะโหลกศีรษะของเขา
เขา…ได้กลายเป็นสังขารที่กลวงเปล่าแล้วดังคาด