ฟางจวินเยี่ยพาเฟิงจงเดินออกจากป่าทึบ เขาไม่เร่งรุดเดินทางแต่อย่างใด หลังจากเสาะหาธารน้ำแห่งหนึ่งพบแล้วก็หยุดพักที่นั่นเป็นการชั่วคราว
แดนฮุ่นตุ้นปราศจากทิวาราตรี เฟิงจงหนีเตลิดตลอดทางจนลืมเลือนเวลาไปหมดสิ้น เกรงว่าเวลาคงจะผ่านไปนานมากแล้ว แม้นางร้อนใจอยากจะตามหาถุงฟ้าดินคืนมา แต่เมื่อเห็นว่าฉยงฉีหิวโหยแล้ว ส่วนตนเองก็อ่อนเพลียอย่างมากแล้วเช่นกัน นางจึงได้แต่ข่มความคิดไว้ อดใจพักผ่อนไปก่อน
น่าเสียดายที่หลัวสะพายหลังใบนั้นก็อยู่ในถุงฟ้าดินด้วย เนื้อที่พกมาเหล่านั้นล้วนไม่มีแล้ว
ฉยงฉีพ่นลมขึ้นจมูกอยู่ข้างเท้าของเฟิงจงในอาการเซื่องซึม สาวน้อยเหลียวมองไปทั่ว ทว่าแถวนี้ไม่มีไม้ผลแต่อย่างใด ในป่าทึบก็มีแต่สัตว์อสูร ที่นี่มีภยันตรายซับซ้อน เพื่อความรอบคอบนางจึงลองสอบถามผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าบริเวณใดพอจะมีของที่มนุษย์กินได้บ้าง”
ฟางจวินเยี่ยนั่งเช็ดกระบี่ยาวอยู่ตรงนั้น ดวงตาไม่แม้แต่จะยกขึ้นมามองสักครั้ง “ข้าเพียงรับปากซีกวงมาช่วยเหลือภารกิจของเจ้า ไม่ได้รับผิดชอบเรื่องการยังชีพ หากเจ้าหิวก็ไปหาของกินเอาเองแล้วกัน”
เฟิงจงไม่คิดเลยว่าเขาจะแล้งน้ำใจไร้เหตุผลได้ปานนี้ นางเม้มปากแล้วลุกพรวดขึ้นทันที พาฉยงฉีเดินเข้าสู่ป่าทึบไปตามลำพัง พลางหยิบกล่องหุ้มแพรของซีกวงจากในแขนเสื้อออกมารื้อหาของวิเศษ
ยามนี้นางมิอาจไม่เลื่อมใสในความละเอียดรอบคอบของซีกวง ราวกับเขาคาดเดาได้แต่แรกว่านางจะต้องเสี่ยงภัยตามลำพัง ของวิเศษทั้งหมดในกล่องหุ้มแพรนี้จึงได้ถูกเขาร่ายพลังเทพเอาไว้ก่อนแล้ว นางเพียงหยิบมาใช้งานตรงๆ ก็จะใช้การได้ทันที แม้ในยามปกติเขามักจะมีท่าทีไม่อินังขังขอบ ทว่าเขาก็เป็นคนที่ดีกับนางมากที่สุดนับแต่นางตื่นขึ้นจากนิทรามา
เฟิงจงแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
ฉยงฉีที่อยู่ด้านข้างพลันร้อง “ชือ” ขึ้นหนึ่งหน เฟิงจงถอนสายตากลับมาก็สบเข้ากับนัยน์ตางูอันเย็นยะเยียบคู่หนึ่ง ชวนให้ตระหนกจนนางต้องถอยหลังติดกันสองก้าว ถึงค่อยตั้งหลักคว้าท่อนกระดูกสีขาวมาขวางป้องกันเบื้องหน้าตนเองได้
งูเหลือมยักษ์ตัวหนึ่งขดอยู่บนไม้ใหญ่ด้านข้าง มันแลบลิ้นแผล็บๆ พลางเคลื่อนไหวตัวไปมา จากนั้นก็พลันอ้าปากกว้างฉกกัดมาทางเฟิงจงอย่างรวดเร็ว
มาอีกแล้วเจ้าพวกฉกชิงเสบียงสำรอง! ฉยงฉีไฟโทสะพวยพุ่งขึ้นสามจั้ง มันกระโจนตัวแล้วใช้อุ้งเท้าเจ้าเนื้อข้างหนึ่งตะปบใส่อีกฝ่ายทันที
ศีรษะของงูเหลือมยักษ์ถูกตบฉาดจนเอียงกระเท่เร่ เฟิงจงพอหลบพ้นก็สะบัดมือออกไป โยนตาข่ายขนาดเล็กที่ถักขึ้นด้วยเชือกสีแดงออกไปหนึ่งปาก ครอบลงบนหัวทรงสามเหลี่ยมของงูเหลือมยักษ์ตัวนี้อย่างพอดิบพอดี
ทันทีที่สัมผัสถูกงูเหลือมยักษ์ ตาข่ายก็คล้ายกับมีชีวิต ยืดขยายห่อหุ้มมันไว้อย่างแน่นหนาเพียงชั่วพริบตา ยามที่งูเหลือมยักษ์ดิ้นรน ตาข่ายก็ยิ่งหดเล็กลงเรื่อยๆ จวบจนรัดร่างอันใหญ่โตของมันให้กลายเป็นกลุ่มก้อน และบาดกินเข้าไปในเนื้อหนัง มันเจ็บปวดจนพ่นฟองน้ำลายสีขาว ข่มทนไว้ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเคลื่อนไหวอีก
เฟิงจงเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะหลับตาเงื้อท่อนกระดูกสีขาวขึ้นแล้วทิ่มลงไปแรงๆ…